การแลกเปลี่ยนเรียนรู้...แบบไร้เงื่อนไข


ความประทับใจ...ที่ไปได้กับ...ดีมากมาก...

ห่างหายไปนานมาก แต่ก็ไม่ได้ไปไหนนะคะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่เป็นคนเขียนอะไรได้ทุกวัน จะมีก็เฉพาะวันที่เราประทับใจแล้วก็อยากเขียนมาก ๆ เช่นวันนี้... เลยต้องรีบเขียนก่อนที่จะจืดไปซะก่อน...

โปรยเรื่องไว้คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้...แบบไร้เงื่อนไข...ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากจะให้เกิดขึ้นในวันนี้ คือวันแลกเปลียนเรียนรู้ (สัญจร) ครั้งที่ 1 ของปีนี้ ที่คณะผลิตกรรมการเกษตรเป็นเจ้าภาพ ...บอกได้เลยว่าประทับใจมากค่ะ ยิ่งเห็นรอยยิ้ม...ของสมาชิกหลาย ๆ ท่านในวันนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไปเลย (อย่างคนเขาว่าจริง ๆ)  ที่จริงแล้วคนที่เหนื่อยมากที่สุดในการเตรียมงานนอกจาก พี่นุ้ย ออย และน้องแล้ว พ่องานที่ต้องยกนิ้วให้ก็คือ พี่น้อย (ผศ.ดร.ปฏิภาณ) ซึ่งอยู่เบื้องความสำเร็จของวันนี้

ประทับใจอะไร....ยอมรับค่ะว่าลุ้นอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนรูปแบบของการจัดงานจากปีที่แล้ว โดยเพิ่มกิจกรรมผ่อนคลายให้มากขึ้น  และเพิ่มเวลาการพูดคุยในส่วนของ CoPs ให้มากขึ้นด้วย งานเริ่ม...โดยการกล่าวต้อนรับแบบสบาย ๆ ของท่านคณบดีคณะผลิตกรรมการเกษตร จากนั้นผู้เขียนได้คุยเรื่องกิจกรรม KM แม่โจ้ในปี 2550 ที่ผ่านมา รวมถึงเป้าหมายของ KM ในปี 2551  แล้วก็เป็นการบรรเลงเพลงสบาย ๆ และเพลงทรายกับทะเล โดย ผศ.ธีรพงษ์ (ประทับใจมาก) จากนั้นสมาชิกก็แยกย้ายกันไปคุยใน CoPs ที่ตนเองสนใจ วันนี้มีหลาย CoPs ด้วยกันค่ะ เช่น CoP การเงินและบัญชี (เหนียวแน่น) มีพี่พรรณเป็นคุณอำนวยให้ ส่วน CoP งานแผน (น้องใหม่ไฟแรง) ผู้อำนวยการกองแผน และพี่รัชชานนท์ มาเป็นคุณอำนวยให้ ส่วน CoP สารสนเทศ (น้องใหม่ไฮเทค) มีพี่ศรีกุล และน้องอ้อมช่วยอำนวยความสะดวก (คุณอำนวย) และ CoP งานวิจัย ซึ่งเน้นเรื่องงานวิจัยสถาบัน มีพี่น้อย และพี่นิตยาเป็นคุณอำนวยให้ค่ะ ...คึกคักกันมาก...

ห้องจุดเปลี่ยนเป็นอีกความประทับใจที่เราได้ฟังจากสมาชิกที่เข้าไปร่วมกิจกรรม ไม่บอกหรอกว่าเป็นอย่างไร สมาชิกที่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมชมห้องนี้...ขอเชิญในวันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ครั้งที่ 2 ที่คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรนะคะ

ต้องยกให้ว่าเป็นอีกความประทับใจของงานนี้...คือ ห้องสุนทรียสนทนา เนื่องจากสมาชิกประทับใจมาก และเท่าที่แต่ละท่านพูดคุยในช่วง AAR (After Action Review) ได้ยินแต่คำว่า...ดีมากมาก... และอีกเช่นกันค่ะว่าจะไม่บอกหรอกว่าเค้าทำอะไรกัน ถ้าอยากรู้ต้องลองเข้ามาที่ห้องนี้นะคะ เราจะพยายามจัดให้ได้ (เกือบ)ทุกเดือนค่ะ ขอขอบคุณพี่อ้อม พี่เกียว พี่แจ้ และพี่หนึ่ง วิทยากรในห้องสุนทรียสนทนามากมากค่ะ (พี่แจ้ และพี่หนึ่ง พันธมิตรจากโรงพยาบาลนครพิงค์) 

ก่อนสุดท้าย...คือการพูดคุยในช่วงสรุปงาน และ AAR มีหลายท่านที่เป็นสมาชิกใหม่พูดในสิ่งที่ทำให้ทีมจัดงานปลื้มไปตาม ๆ กันหลายเรื่อง รวมถึงการจะจัดตั้ง CoP ใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งทางคณะกรรมการ KM ก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ค่ะ

ท้ายสุดจริงๆค่ะ... คือความประทับใจที่ปิดท้ายจาก อ.ปัจวรรจ ในการใช้ Accodian บรรเลงเพลงของ Elvis และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยถึงที่มาว่าทำไมอาจารย์ถึงเล่น Accodian ได้...และเล่นได้ไพเราะด้วยนะคะ

พูดและคิดแบบไม่ได้เข้าข้างตัวเอง (มากนัก) ...ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ได้โปรยเอาไว้ตั้งแต่ต้นคือ...การแลกเปลี่ยนเรียนรู้...แบบไร้เงื่อนไข...ก็น่าจะเกิดขึ้นได้จากวง KM นี่แหละ หรือสมาชิกท่านอื่นเห็นต่างจากนี้ไหมคะ....

หมายเลขบันทึก: 158324เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2008 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 10:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับ คุณ Tipsuda

  ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ และสนใจ KM จะเอามาใช้กับบริษัท แต่ยังไม่มีความรู้ เลย search หา Web ก็มาเจอ gotoknow นี่แหละครับ

อ่านแล้วรู้สึกสนุกไปด้วยเลยครับ การสร้างบรรยากาศในการแรกเปลี่ยนพูดคุยทำได้ดีมากๆ อยากทราบว่าสมาชิกที่มาร่วมกิจกรรม CoPs มีทุกระดับหรือเปล่าครับ และตามที่อ่านตาม Web ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นราชการ เช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ที่มีรูปแบบการทำงานเมือนๆ กัน จึงทำให้กิจกรรม CoP สามารถทำได้ง่าย จริงหรือเปล่าครับ อยากได้คำแนะนำจากคุณ tipsuda ครับ ถ้านำ CoP มาใช้กับบริษัท จะต้องเริมต้นอย่างไรดีครับ มีบริษัทใน Group สี่บริษัทครับ

ขอบคุณครับ

( วิศวกรตัวเล็กๆ......)

ขออนุญาตนำ Blog เข้า Planet นะครับ

อาจารย์ทิพย์ครับ  เขียนชื่อผมผิดครับ  ผมชื่อ  นายปัญญวัจน์  ชลวิชิต  ครับ  ดีใจที่มีส่วนร่วมในกิจกรรม KM และสามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่น  

 ปัญญวัจน์

สวัสดีค่ะคุณวิศวกร (ตัวเล็ก ๆ)

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับ comment การนำ KM มาใช้ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ง่ายซะทีเดียว (ความต่างของคน) ที่สำคัญต้องให้คนในองค์กรรู้ก่อนว่า KM คืออะไร และเรามีเป้าหมายอย่างไร อาจจะมองทั้งองค์กรใหญ่ แล้วค่อยแตกไปในหน่วยงานย่อย ต้องมีทิศทางเดียวกัน ที่แม่โจ้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเป็น...Happy Workplace Learning Organization...และเลือกเครื่องมือ CoP มาลองใช้ดู โดยที่เราจะเน้นที่เจ้าหน้าที่สาย ข คือฝ่ายสนับสนุนมากกว่ากลุ่มอาจารย์ จากการติดตามการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกเดือนในรอบปีที่ผ่านมา พอสรุปได้สมาชิกได้ความรู้ใหม่ ๆ ไปพัฒนางานมากขึ้น ทำให้ลดระยะเวลาในการที่ต้องแก้ปัญหาคนเดียว นอกจากนี้ยังทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่น่าภูมิใจมาก เช่น การทำงานเป็นทีม ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการชื่นชมยินดี

หน่วยงานที่เป็นองค์กรเอกชน น่าจะดำเนินงานด้าน KM ได้คล่องตัวกว่าองค์กรรัฐนะคะ แต่การเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ ก็คงจะไม่ง่าย เป็นกำลังใจให้ค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.ปัญญวัจน์

รับรองว่าจะไม่ผิดอีกแล้วค่ะ ว่าแต่ว่า....อาจารย์เล่นเพลงได้ไพเราะมากค่ะ

อาจต้องขอ...รบกวน...อาจารย์บ่อย ๆ (เดือนละครั้ง) นะคะ

ขอบคุณ K.Tipsuda มากครับที่สละเวลาให้คำแนะนำ จะรองดูครับ

เป็นงานที่ตื่นเต้นมากๆเลย แต่วันนี้คงคิดไม่ออก แฟนตีตัวออกห่างครับ

...ฮิฮิฮิฮิ ( โทษทีครับนอกเรื่อง แต่รู้สึกแย่จริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกแย่อย่างนี้ ) แต่ก็จะสู้ต่อไป มีไรต้องทำอีกเยอะใช่ใหมครับ ....รู้แล้วว่ากำลังใจสำคัญจริงๆ  พี่ Tipsuda ช่วยบอกวิธีสร้างกำลังใจให้ผมหน่อยสิครับ

Thank

วิศวกร(ตัวเล็กๆ)

มกราคม เดือนเเห่งการเริ่มต้น ไม่มีอะไรใหม่ๆ จะได้ความสุขเเบบใหม่ๆได้ไง ตอนนี้กำลังคิดถึงมกราคม ปี2552 จะทำอะไรดีนะ อิๆ

อ.ปัญญวัจน์ ครับ อ.ทิพย์เเกล้งเขียนผิดนะ อยากรู้ว่าอ.อ่านจริงหรือปล่าว

อ.ธีรพงษ์ ปีหน้าผมขอร้องเพลงหน้าเวทีด้วยนะ เคเอ็มต้องทำร่วมกันสิ ...^_^  ส่วนเอ็มเคต้องช่วยกันกิน เอิ๊กๆ..

ขอขอบคุณเคเอ็มส่วนกลางมากๆที่ช่วยเหลือกำลังคนเเละกำลังใจ

ขอขอบคุณ ผ้าสวยๆจากคณะวิทย์เเละบุคคากรสวยๆที่มาช่วยด้วย

ขอขอบคุณเครื่องดนตรีจากเเม่โจ้เบรนด์

นศ.จากทรัพยากรดินเเละสิ่งเเวดล้อมที่ช่วยขนย้ายอุปกรณ์เเละดูเเลห้องจุดเปลี่ยน

เดินทางต่อไปสู่ความเป็นเลิศทางการเกษตร

 

ถึงวิศวะ(ตัวเล็ก) ต่อไปจะได้ไม่ใครร้องเพลง ไม่ใช่เเฟน ทำเเทนไม่ได้   ...จะได้เปิดโอกาสให้ทุกๆคนไง...(ไม่เกี่ยวเคเอ็มนะ)

อ. น้อย พิมพ์ชื่อผมผิดอีกแล้ว อิอิ

 

คราวหน้าเชิญ อ.ปัญญวัจน์ เล่นคู่กับผมสิครับ หรือเปิด CoPs  ดนตรีเสียเลย

 

เชิญ วิศวกร (ตัวเล็ก ๆ) ร่วมสังเกตการณ์งาน KM ครั้งต่อไปด้วยเลยครับ จะจัดเดือนกุมพาพันธ์ เดือนแห่งความรัก ณ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ครับ 

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ผศ.ดร.ปฏิภาณ (หรืออาจารย์ "มอส" ของเด็กเคมี) ที่คิดว่าพวกเราจากคณะวิทย์สวย อิอิ.... แต่ยังไงแล้วงาน KM เราต้องช่วยกันอยู่แล้วค่ะ ต้องขอบคุณ อ.ทิพย์ ด้วยเช่นกันนะค่ะที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ถ้ามีงานคราวหน้ายินดีช่วยงานอีกค่ะ

สวัสดีครับ อ.ทิพย์

มาตามสัญญาแล้ว

จะพยายามเขียนให้ได้ (บ้าง)

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ สมาชิก KM มหาวิทยาลัยแม่โจ้ทุกท่าน วันนี้ผมมีข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตมานำเสนอ
เรื่อง "วิธีอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ"

รู้ไหมว่า...เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี ?

     ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆ ตื่นๆ อยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านาย ใส่ไคล้ลูกน้อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว) คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่า อะไร คือ สิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน

มีบทกวีหนึ่งเขียนไว้ว่า '“น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน ฆ่าชีวา คือ พร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด”' คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

       ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมา เพื่อที่จะชอบ หรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบ หรือมาชัง แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้ เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น หันกลับมามองตัวเองดีกว่า ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

      เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่น ก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า บางที่ คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียว ด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

      ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อม หรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง ความโกรธ ความเกลียดนั้น

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า
สวัสดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท