ผู้หญิงแบกฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง : เหมาเจ๋อตุง
ช่างเป็นคำคมที่ชวนให้วิญญาณภายในฮึกเหิม ดึงความกล้าหาญที่แท้จริงของเพศหญิงที่ถูกกดไว้นับศตวรรษออกมาจริง ๆ หากฟ้าคือชีวิต ผู้หญิงก็ร่วมแบกฟ้ากับผู้ชายที่เรารักไว้ครึ่งฟ้า แต่อนิจจา... เมื่อมาถึงเรื่องเงิน ผู้ชายกลับรวบความสำเร็จทางการเงินให้เป็นสิทธิ์และศักดิ์ของพวกเขาฝ่าย เดียว ส่วนผู้หญิงก็ยกหน้าที่ให้ผู้ชายเป็นผู้สร้างฟ้าให้เรา เพราะเราเชื่อว่า “ผู้ขายต้องพิสูจน์ตัวเองให้เราเห็นสิว่าเขาเลี้ยงเราได้”
เราชอบเป็นเจ้าหญิงผู้หลับใหล (symbolic ทางจิตวิทยา หมายถึง ไม่รู้เรื่องการบริหารเงิน) แล้วเอาเจ้าชายขี่ม้าขาวมาปลุกเราให้ฟื้นตื่นด้วย KISS (symbolic หมายถึง เขามอบฐานะความร่ำรวยให้เราเพราะเขารักเราม้าก!) เป็นสาวน้อยซินเดอเรลล่าผู้ตกทุกข์ได้ยาก (symbolic ของ หญิงสาวผู้ยากจนปากกัดตีนถีบ หรือแม่ม่ายที่เลี้ยงลูก ๆ เพียงลำพัง) ผู้เจอเจ้าชายมาหลงรักและยอมพลิกฟ้าตามหาเธอ (symbolic ของ สาวฐานะต่ำ ได้เจอเศรษฐีหนุ่มรูปงามผู้ปลื้มเธออย่างหัวปักหัวปำ) เทพนิยายฉบับดัดแปลงของอเมริกัน ..(เพราะเทพนิยายต้นฉบับเดิมโหดได้ใจมากค่ะ จริ๊งจริงและด๊าร์คดาร์ค ชาวมะกันผู้เชิดชู American dream ทนไม่ได้ก็เลยแปลงซะ!)..ไม่เคยเสนอภาพหญิงสาวผู้ต่อสู้ เจ้าหญิงที่ครองบัลลังก์ หรือนักรบหญิงผู้เก่งกล้าเลย–สังเกตสิคะ ทั้ง ๆ ที่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เจ้าหญิงที่เอาแต่พึ่งเจ้าชายขี่ม้าขาวมา rescue me ตกม้าตายเกลี้ยง!
ตัวอย่างเรื่องจริง : เมื่อเจ้าชายทิ้งเราและเอาปราสาทคืน
ในรายการ Oprah เธอสัมภาษณ์แม่ร้างวัย 50 ปี ที่หมดตัวไม่มีกินเพราะเพิ่งโดนสามีฟ้องหย่า จากการเป็นม่ายวัย 35 ปี ที่มีลูกติดจากสามีก่อน แต่เธอ “โชคดียิ่งกว่าถูกหวย” (จากคำพูดของเธอ) ที่ได้เจอผู้บริหารหนุ่มใหญ่ใจดี ขอแต่งงานกับเธอ เขาบอกว่า “จากนี้ไปไม่ต้องห่วงอีกแล้วที่รัก ผมจะให้คุณอยู่สบายเสียที ผมจะหาเลี้ยงคุณกับลูก ๆ เอง” ประโยคนี้เพื่อนสาวทั้งหลายฟังคุ้น ๆ ใช่ไหมค่ะว่า ผู้ชายชอบพูดให้ผู้หญิงฟัง ม่ายสาวบอกโอปราห์ว่า “โอ..เป็นคำพูดที่ฉันอยากได้ยินมากเหลือเกิน เพราะฉันเหนื่อยกับการหาเงินตัวคนเดียวแล้ว” เธอจึงยกภาระและความกังวลทั้งหลายออกจากตัว (ก็เขาบอกเองนี่) เขาซื้อบ้านใหม่ให้เธอกับลูกอยู่พร้อมหน้า ให้บัตรเครดิตเธอสำหรับช็อปปิ้งตามใจ ค่าน้ำค่าไฟค่ากับข้าวค่าผ่อนบ้านผ่อนรถเขาเป็นคนหาและชำระเองทั้งหมด หน้าที่ในบ้านของเธอคือ ทำกับข้าวเลี้ยงลูกเท่านั้น ซึ่งม่ายสาวพอใจมาก เพราะเท่ากับว่าเธอสิ้นสุดชีวิตที่ต้องหาเลี้ยงตัวเองและลูก ๆ ตัวเป็นเกลียวแล้ว ใคร ๆ ก็บอกว่าเธอได้เจอ Prince Charming มา rescue เธอแล้วจริง ๆ พร้อมกับเสียงปรบมือกึกก้อง
15 ปีผ่านไป Prince ของเธอขอหย่า เพราะเบื่อชีวิตคู่ที่จืดชืดเต็มที และเมื่อทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของเขา บ้านเขาก็ซื้อ รถเขาก็หามา เธอไม่ได้มีส่วนช่วยสักบาท แม้แต่ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายภายในบ้านเขาก็เป็นคนจัดการ เขาจึงครองบ้าน รถ และทรัพย์สินทั้งหมดที่มี ม่ายสาวลงเอยเป็นม่ายอีกครั้งตอนวัยกลางคน หมดความสวย ไร้ความรู้ เธอต้องทำงานเป็นสาวเสริฟแก่ ๆ และอยู่ได้เดือนชนเดือนด้วยเงินสงเคราะห์ “จากสภาพคุณนาย ฉันกลายเป็นแม่ม่ายอนาถาเพียงชั่วเวลาปีเดียว!” ฉันเห็นน้ำตาคลอตาอันโรยล้าของเธอ
โอปราห์ใช้เคสนี้เตือนหญิงสาวผู้ชมรายการอย่างจริงจังว่า.. เมื่อผู้หญิงหลบตัวอยู่ใน Comfort Zone –พื้นที่สบาย ของการไม่ยอมดูแลการเงินของตัวเองให้ได้ แต่ยกให้เป็นภาระผู้ชายทั้งหมด หายนะจะเกิดขึ้นกับพวกเราไม่ช้าก็เร็ว
ตัวอย่างที่ 2 : เมื่อเจ้าชายกลายเป็นนักก่อหนี้
สาวใหญ่คนหนึ่งตั้งกระทู้ระบายในเว็บไซต์ว่า ครอบครัวเธอเป็นตระกูลการค้าที่มีฐานะ เธอแต่งงานกับสามีที่ “ด้อยกว่าฉันทุกด้าน ทั้งฐานะ การศึกษา แต่เพราะดูเขาปลื้มฉันมาก บอกว่าอยากช่วยฉัน ฉันก็เลยอยากปั้นเขาขึ้นมา” ปรากฏว่า สามีเธอขยันทำแต่เรื่องก่อหนี้ ให้เธอตามใช้ ไม่ใช่เพราะเขาเหลวไหล ไปกินเหล้าเล่นพนันนะคะ แต่เขาขยัน “คิดโปรเจ็กต์ทำธุรกิจล้านแปด” แล้วเจ๊ง เจ๊งเพราะโดนหุ้นส่วนโกงบ้าง ขาดทุนบ้าง หรือโปรเจ็กต์ด้านเกิดเต็มตัวไม่ได้บ้าง เขาสารภาพว่า เพราะเธอทำให้เขารู้สึก ด้อยกว่าเธอเสมอ จึงพยายามถีบตัวให้เทียมหน้าเทียมตา ว่าเขาสามารถ รวยอย่างที่เธอคาดหวังจากเขาได้บ้าง
ตัวอย่างสุดท้าย : เพราะรอเจ้าชายมาช่วยสร้างปราสาท เจ้าชายกำมะลอก็ปล้นปราสาทซะเลย
เพื่อนและรุ่นพี่ฉันหลายคนที่ทำงานบริหาร การศึกษาสูง และมีฐานะระดับหนึ่ง แต่เมื่อต้องเป็นโสดตัวคนเดียวหรือเพิ่งหย่าร้างจากสามี กลับมักคิดเสมอว่า “ฉันไม่มีความสามารถพอจะสร้างธุรกิจของฉันได้ด้วยตัวเองลำพัง” พวกเธอจึงเฝ้าหาผู้ชายที่เข้มแข็งพอจะช่วยสร้างธุรกิจกับเธอได้ แต่แทนที่เธอจะเลือกหุ้นส่วนธุรกิจ เธอกลับเลือก “ว่าที่สามี” แทนแล้วจุดจบก็ซ้ำซากถ้วนหน้า
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้เก่งจริง เจ๋งจริง อย่างที่นำเสนอแต่แรก เขาหวังเกาะเธอเพื่อสร้างฐานให้ตัวเองเหมือนกัน ผู้ชายบางคนร้ายกว่านั้น ไม่สร้างฐานเปล่า ๆ คิดจะฮุบกิจการของพวกเธอด้วย ฝันรักกลายเป็นฝันร้ายเพียงเพราะพวกเธอเชื่อว่า เธอจะประสบความสำเร็จเองไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชายคอยคุ้มครอง เธอลงทุนชีวิตเพื่อให้ได้เขามา แทนที่เธอจะลงทุนความเชื่อมั่นให้กับความสามารถของตัวเอง
ทุก วันนี้ ฉันได้ยินเด็กสาว ๆ เยอะมากบอกว่าอยากได้ผู้ชาย หล่อ ๆ รวย ๆ มาเป็นคู่ ปวดใจหนึบจริง ๆ เราลืมความสามารถของเราไปแล้วหรือ? เราลืมไปแล้วหรือว่าเราก็เป็นเจ้าหญิงที่สร้างปราสาทของตัวเองได้? ทำไมเราถึงไม่กล้าหาญและลงมือทำ?หรือจะรอให้ต้องเจอเหตุการณ์ตัวอย่างนี้ก่อน เราถึงจะมาร้องคร่ำครวญว่า “ต้องเรียนบริหารเงินซะแล้วเรา หมดตัวจริง ๆ คราวนี้!”
$$$$$$$$$$$$$฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
ที่มา : หนังสือ First Magazine คอลัมภ์ Smart money โดย คุณมณฑานี ตันติสุข
สวัสดีปีใหม่ค่ะ จริงเห็นด้วย ว่าทำไม.......เจ้าหญิงต้องรอเจ้าชาย........ที่ไม่มีวันกลับมา..เธอควรสร้างและยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆ ที่ให้กำลังใจผู้หญิง .....กลายเป็นเจ้าหญิงได้ค่ะ
ยัยฝุ่นดาว
แทงใจดำจริง ๆ ค่ะคุณ stardust ขา..
ขอให้หายป่วยไวๆนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะช่วงนี้อากาศเย็นค่ะ
สวัสดีเจ้าฝุ่น
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุก ๆ ท่าน ตอนนี้อาการป่วยดีขึ้นเป็นลำดับ ก็ได้กำลังใจจากพี่ ๆ เพื่อน ๆ ใน G2K เย๊อะ วันนี้คิดว่าคงนั่งหน้าจอได้นานกว่า 2-3 วันที่ผ่านมาค่ะ เลยเข้ามาตอบ comment ซะหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจกันค่ะ แหะ..แหะ.. เริ่มเลยนะจ๊ะ =^..^=
เจ้าหญิงน้อยๆ แถวบ้าน (ส่วนหนึ่ง) ไม่อยากสร้างปราสาทเอง...ต่างบ่นรอว่าเมื่อไหร่จะจบ (ซักที) จะได้ไปหาแต่งกะเจ้าชาย (อิ.อิ.) ......
และแล้วเจ้าหญิงกะเจ้าชาย...ก็อยู่เสวยสุขกันนิรันดร.....เอย
ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ
เมื่อ ศ. 21 ธ.ค. 2550 @ 16:03
497370 [ลบ]