.....เพียงเพราะต้องการหาความหมายของ ทีมงาน พอดีได้พบ บทความเกี่ยวกับ
ทีมงาน และ ความสำเร็จ
จาก เว็บ http://www.teambuildingthai.com/index.php?option=com_content&task=view&id=73&Itemid=1โดย มีใจความย่อ ๆ พอจะนำเสนอได้ ดังนี้ทีมงาน....หัวใจของความสำเร็จ
“.......................................................................................................................
..........การประสานงานของหน่วยงานภายในองค์กร บริษัท ห้างร้าน จะทำได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ “ความร่วมมือ” ที่จะได้รับจากฝ่ายต่างๆ
และจะได้รับมากน้อยเพียงใดขึ้นกับ
ใจประสานใจ ถ้าใจประสานใจ คนย่อมประสานคน
หากจะให้เกิดสัมฤทธิผลในการประสานใจต้องมีกลยุทธ์ คือ“รู้จักและรู้ใจตนเอง”และ“ความสามารถเชิงสัมพันธ์ระหว่างบุคคล”
นักจิตวิทยาบอกว่า การรู้จักและรู้ใจตนเองยากกว่าการรู้จักและเข้าใจผู้อื่นเสียอีกเพราะเราไม่เคยมองตัวเองหรือศึกษาตัวเองอย่างจริงจัง เรารู้ว่าเราเป็นเรา
แต่ลึกลงไปกว่านั้นเราเองก็ตอบไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือเป็นด้านมืดของชีวิต
การที่เรามีอคติตนเอง ทำให้เราไม่รู้จักและรู้ใจตนเอง
ดังนั้น ต้องกระโดดออกจากตัวเองและมองตัวเองด้วยสายตาและความสุจริตใจ
มองให้เห็นว่าเรามีจุดมืด-จุดสว่างอยู่ตรงไหน อย่างไรบ้าง
และที่มืดจะทำให้สว่างอย่างไร และที่สว่างอยู่แล้วจะคงทนความสว่างให้ยั่งยืนได้อย่างไร
เรารักงาน รักบริษัท รักนาย รักเพื่อน ร่วมงาน รักสินค้า รักลูกค้าหรือไม่ ?
ถ้าตอบว่าไม่ ….ต้องทำใจให้รักให้ได้และพร้อมที่จะปรับตัวเอง
เมื่อทีมงานทุกคนในบริษัทตั้งแต่ระดับ หัวหน้าจนถึงยามบริษัท รู้จักและรู้ใจตนเองแล้ว
สิ่งต่อมาคือ ต้องมีความสามารถเชิงสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ซึ่งประกอบลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
จริงใจ/เปิดใจคือทีมงานทุกคนต้องไม่เสแสร้ง ไม่หลอกลวงกัน ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ เราอาจจะหลอกลวงใครก็ได้ แต่จะหลอกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หรืออย่างเก่งไม่เกิน 2 ครั้งดังนั้น จงพูดแต่ความจริงและ เป็นประโยชน์ต่อกัน และต้องมีความสม่ำเสมอหรือเสมอต้นเสมอปลาย
ไว้ใจ/วางใจมีความเชื่อในความซื่อสัตย์ของเพื่อนร่วมงาน ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง เชื่อถือในฝีมือการทำงาน เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถหรือพัฒนาให้เก่งได้ เพราะหากเราไม่วางใจ ลูกน้องคนไหนเลยผลที่สุดเราต้องทำงานคนเดียว เก่งคนเดียว เข้าลักษณะ “ผู้จัดการนิสัยเสมียน”
ยอมรับกันและกันคือยอมรับว่า เขาก็คนเราก็คน ทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนเหมือนกับเรา ยอมรับว่าไม่มีใครสมบูรณ์ 100% ทุกคนมีทั้งข้อดีข้อเสียปะปนกันไป และไม่มีใครเลวร้าย 100% มองเฉพาะแต่สิ่งที่ดีๆ ที่มีอยู่ในเพื่อนร่วมงาน สิ่งใดที่ไม่ดีให้มองข้ามหรือไม่มองเลย จะทำให้เรารู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานน่าคบ และสุดท้ายยอมรับว่างานของทุกคนมี ความสำคัญทัดเทียมกัน เพราะลักษณะงานแต่ละงานมีความสำคัญในตัวมันอยู่ คาดหวังกันในทางที่ดีมีคำกล่าวว่า “ถ้าเราคิดว่า...ใครคนใดคนหนึ่งมันต้องเลวอย่างนั้นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นตั้งแต่แรกเห็น มันก็จะเลวไปตามที่เราคิดในที่สุด”ดังนั้น เราต้องคาดหวังกันไว้ในทางที่ทำให้เขาเป็นคนดีมีความสามารถ และอยากให้โอกาสแก่เขา
จงร่วมใจไปกับเขาเพราะสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเสมอ เราควรมองโลกด้วยสายตาของคนอื่นดูบ้าง
โดยคิดว่าถ้าเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไรถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็น การรู้จักและรู้ใจตนเอง, จริงใจ/เปิดใจต่อกัน, ความไว้ใจ/วางใจต่อกัน, ความยอมรับต่อกันก็ดี, ความคาดหวังกันในทางสูงๆ และความร่วมใจไปกับเขาก็ดีล้วนแต่รวมกันแล้วเป็น หัวใจของการทำงานเป็นทีม (Team Spirit)
ถ้าขาดไปตัวใดตัวหนึ่งแล้ว... “ทีมงาน” ไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอนครับ……………………………………………………..ไม่มีความเห็น