ขับรถออกต่างจังหวัดช่วงปีใหม่นี่มันสาหัสจริงๆ ครับ
ผมเคยมีประสบการณ์ขับรถไปหนองคายปาเข้าไป 15 ชั่วโมงเมื่อหลายปีก่อน
จากที่ปกติควรจะใช้เวลาสัก 6 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่า ช่วงปีใหม่แค่เอารถจากกรุงเทพได้ ก็ปาเข้าไปเกือบเช้าแล้วครับ...
เลยเข็ดตั้งแต่ตอนนั้น...และตั้งใจว่าจะไม่ขอเดินทางช่วงเทศกาลเด็ดขาด
ปีนี้ก็เช่นกันาครับ.. ตั้งใจว่าจะนอนตีพุง เที่ยวเล่นอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงคนหนีไปเที่ยวกันหมดนั่นและครับ
แต่บังเอิญ...ได้ สคส จากแม่ และ พักร้อนปีนี้ก็แหลือเยอะ เลยลองขอนายลาพักร้อน (ซึ่งหมดหน้าร้อนนานแล้ว)
เจ้านายก็ใจดี้ ใจดี ให้พักตามที่ขอ ผมเลยได้ลาก่อนเทศการหลายวัน ...
กะว่าไปหาแม่น่ะครับ ไปเยี่ยมท่านซะหน่อย ...ไม่ได้มาหาร่วมปีแล้ว
ตอนนี้ท่านพำนักอยู่...ชัยภูมิ น่ะครับ
การเดินทางเที่ยวนี้ ก็เหมือนเดิมครับ...คือขับรถมา
น้ำมันก็แพ้งแพงนะครับ แต่ ก็ต้องใช้รถขับไปมาในเมืองด้วย เลย เอา"น้องดำ" ขึ้นไปดีกว่า
มาเที่ยวนี้กะว่าได้เจออากาศหนาวแน่ๆ เพราะยังอยู่ช่วงหนาว อยู่กรุงเทพฯไม่หนาวหรอกครับ แต่ลุ้นว่า ที่ชัยภูมินาจะหนาว
ดู Message ข่าว เห็นว่า อุณหภูมิลดลงอีก สองสามองศา...บ๊ะ เข้าท่า เลยหิ้ว Jacket ที่ปกติแทบไม่มีโอกาศได้ใช้..ไปด้วย
ตอนแรกผมกะขับรถออกจากกรุงเทพฯแต่เช้ามืดครับ เอาจริงๆ ได้ออกประมาณ ตีห้าครึ่ง
ขับมาเรื่อยๆ สบายมากเลยครับ เพราะรถยังโล่งอยู่ เนื่องจากชาวบ้านยังไม่หยุดกัน ผมขับแบบแข่งประหยัดน้ำมันเลยทีเดียว รอบเครื่องไม่เกิน 2500
ขับแวะไปตลอดทาง ระหว่างทางไม่ลืมแวะของฝาก ลูกชิ้นปลายกราย มีชื่อของขัยภูมิ ...เพื่อเอาไปฝาก คนอยู่ชัยภูมิ ...มันแปลกดีแท้
สุดท้าย มาถึง ชัยภูมิเอา สิบโมง
เห็นแม่มาเดินกวาดบ้านอยู่หน้าบ้าน... กะว่าคงรอผมด้วยแหล่ะ
ดูๆ ไปแล้ว แม่ดูไม่ค่อยตื้นเต้นมากนักว่าผมจะมา...เห็นบอกว่าตื่นมารอตั้งแต่ ตีสาม (ซึ่งผมยังไม่ตื่นเลย)
ส่วนบ้านก็เก็บข้าวเก็บของให้เรียบร้อย เตรียมมาสามวันแล้ว ผมดูๆ แล้ว เก็บต่ออีกอาทิตย์ก็คงไม่หมด เพราะบ้านแม่ของเยอะ มากๆ
ไอ้โทรศัพท์เจ้ากรรมที่บ้านแม่ ก็ดันเสีย ผมเองกะโทรไปถามทางเสียหน่อย ก็ถามไม่ได้ เพราะก็เพิ่งเคยมาบ้านหลังนี้ของแม่แค่ครั้งเดียว เมื่อปีที่แล้ว มาครั้งนี้ก็มาไม่ถูกหรอกครับ
แม่เลยกลัวว่าผมจะโทรหาไม่ติด แล้วจะพาลมาบ้านไม่ถูก เลยพยายามติดต่อผมโดยไปยืมโทรศัพท์ข้างบ้านโทรมา
พอโทรได้ก็ไม่ได้บอกทางหรอกครับ บทสนทนาไม่มีอะไรมากครับ ประมาณว่า “...จะมากี่โมงลูก...แม่จะรอนะ " คุยกันสักพัก แล้วก็วางหูไป
พอตอนเช้าเมื่อพ้นกรุงเทพฯมา ผมกะว่าจะโทรไปบอกแม่ซะหน่อย แต่แม่ชิงโทรมาเสียก่อน แล้วก็บอกผมว่า "เครื่องใช้ได้แล้ว ...?"น้ำเสียงแกดีใจ ที่เครื่องใช้ได้แล้ว พอผมถามทาง วิธีอธิบายของแม่ ทำเอาผมงงหนักกว่าเดิม
สุดท้ายผมต้องมาจอดถามทาง อยู่แถวบ้านแม่ นั่นแหล่ะครับ...โทรศัพท์ซ่อมเสร็จก็ไม่ได้มีประโยชน์เลยครับ
อากาศยามเช้าเย็นดีชะมัด ผมดูอุณหภูมิ บนแผงหน้าปัดรถ มันบอกว่า 23 °C ...โห... หนาวกว่าห้องนอนเราอีก เพราะเราตั้ง 25°C ...ประหยัดไฟ
เฮอะๆ แต่อย่าดีใจไปครับ เข้าๆ อากาศดีครับ อุณหภูมิประมาณ ยี่สิบ แต่ พอกลางวัน ปาเข้าไปประมาณสามสิบ กลางวันกลางคืน ต่างกัน สิบองศาเลยทีเดียว เรียกว่า กลางคืน เย็นจัด กลางวัน ตับแลบครับ ที่นี่
Jacket เอามาเก้อซะแล้ว...
นานๆ มาเจอแม่ที กิจกรรม ก็ไม่มีอะไรมากครับ วันแรกโชว์ตัวอย่างเดียว ก็ ตระเวณพบญาติ เกือบทั้งวัน
แถมท้ายด้วยการแวะไปที่ทำงานเก่าแม่เพื่อไปเอาเอกสารของแม่ แต่เจอ”พี่ไพ” หรือ พี่ ประไพ สลิดกุล เพื่อนรุ่นน้องของแม่ แม่เลยชวนเค้าไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ด้วยซะเลย
“พรุ่งนี้ พี่จะพาแม่กับป่องไปเที่ยวที่ มอหินขาว เนาะ” พี่ไพบอก “มาพ่อพี่ตอนเจ็ดโมงเซ้า ยังไง ออกมาก็โทรมาหาพี่ก่อนเด้อ” พี่ไพ พูดอีสานปนไทย บอกผม
เป็นอันว่าพรุ่งนี้มีโปรแกรมเที่ยวเป็นของแถมแล้วล่ะ แต่ไอ้เจ้า “มอหินขาว” นี่เป็นไง คงต้องไปดูใน Web หารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนไปเที่ยวแล้วล่ะครับ ตามประสานักเที่ยวที่ดี
เจอบางอันน่าสนใจอย่าง http://faq.dmr.go.th/news_dmr/data/0677.html
...
จากข้อมูลบอกว่าทางไปมอหินขาว มีช่วงหนึ่งเป็นลูกรัง พี่ไพเห็นสภาพ"น้องดำ" รถผมแล้ว เกรงว่าจะไปไม่ไหว เลยวานน้องเขย “พี่นวย” หรือ พี่ อำนวย สันติปาตี เอารถมาเปลี่ยนกันตรงบ้านแก ที่อยู่ปากทางเข้ามา มอหินขาว พอดี
รถพี่นวยเข้าท่า แฮะ เหมาะมากๆ เพราะเป็น Toyota Tiger ขับสี่ ยกสูง นั่งมาเพลินๆ โดยมาทางเดียวกับ ทางไปน้ำตกตาดโตน แต่มีทางแยกทางซ้าย แยกก่อนถึงน้ำตก ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายชัดเจน ถนนดีช่วงแรกๆ ครับลาดยางมาสักระยะก็เป็นถนนลูกรัง ขับต่อมาประมาณ หกกิโล ก็มาถึง มอหินขาว หาใน GPS ไม่มีครับ เลยเอาพิกัดมาฝาก (GPS N16° 20.105’ E101° 58.266’)
ดูจาก Web ข้างบน มีคนบอกว่าเป็น สโตนเฮนจ์ ของไทย ผมว่ามองให้คล้ายก็ได้ครับ แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก้อนหินที่วางเรียงราย กัน อย่างเป็นระเบียบแบบนี้ ก็ดูแปลกตา และ คุ้มค่าที่จะขับรถมาดูครับ โดยเฉพาะถ้ามาถึงชัยภูมิแล้ว คิดอยากดูอะไรแปลกๆ เสียดายทีไม่เห็นแสงสีขาว ในตำนาน ...
หินมีอยู่กลายก้อนครับ ถ่ายให้หมดพร้อมกัน ก็ต้องใช้ Panorama mode ถ่ายออกมา ได้ภาพประมาณนี้ครับ
จุ๊ๆ แต่กระซิบไว้หน่อยครับ มาเช้ากับบ่าย แดดมันจะคนละทิศกัน ผมเองมาเช้า ก็จะได้รูป จากมุมนี้ครับ ส่วนบ่ายก็ จะเป็นอีกมุมหนึ่ง
สำหรับ เรื่องรถถ้าเอาเก๋งมา ต้องขับเก่งพอตัวนะครับ งานนี้ pick up ดูจะ work กว่า โดยเฉพาะ คนที่ต้องการไปดูถึงจุดชมวิวที่อยู่สูงที่สุด เก๋งพอไปได้ครับ แต่ โหดหน่อย
ดูหินกันจนหิว ตรงจุดที่เป็นหิน ไม่มีอาหารบริการนะครับ ต้องขับรถต่อมาอีกสักพัก มาจนถึง ห้วยประทาว (GPS N16° 04.221’ E102° 03.911’ H +460) ก็จะมีร้านอาหารทำเป็น ศาลา อยู่ริมน้ำ บรรยากาศดีครับ มานั่งทานอาหาร ชมวิวที่นี่ ก็ดีเหมือนกัน
ร้านที่นี่เค้าทำเป็นกระท่อม ริมน้ำ ให้นั่งกันสบายๆ ผมเห็นปุ๊ป นึกถึงที่เขมรเลย เหมือนกันเด๊ะ
พี่นวย บริการเราจนถึงบ่ายโมงก็ขอตัวกลับไปดูกิจการที่บ้านต่อ เพราะปล่อยลูกชาย handle ให้ตั้งแต่เช้า แล้วอีกสองที่ที่เหลืออยู่ ก็ไปได้ง่าย ทางไปก็สะดวกแล้วครับ ลาดยาง เก๋งวิ่งได้สบาย
พวกผมร่ำลาพี่นวย แล้วก็เดินทางกันต่อ มาที่ "แลนภูคา"
จุดนี้เป็นจุดชมวิว ครับ ชื่อ แลนภูคา (GPS N16° 00.034’ E101° 52.599’ H +644)
ภายในบริเวณสวยครับ สวยตั้งแต่ทางเข้าแล้ว เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มต้อนรับดีมากเลยครับ
ที่นี่มีทั้งบ้านพัก เรือนรับรอง และ สถานที่กางเต็นท์ และจุดชมวิว
สำหรับจุดชมวิวนั้น มีถนน"คอนกรีต" วิ่งขึ้นไปจนถึงยอดสุด ใครอยากเดินก็ได้ครับ ระยะทางประมาณ สี่หมายิ้ม หรือ ถ้าเอารถขึ้นมาก็ประมาณได้กลิ่น คลัชท์ไหม้ ล่ะครับ เพราะ ทางชันมาก ใช้เกียร์ต่ำตลอด
ผมลาก"น้องดำ" พร้อมผู้โดยสารอีกสามท่านขึ้นมาได้ ก็ "หึ่ง" เหมือนกัน
พอมาถึงด้านบนก็คุ้มครับ เป็นจุดชมวิว ที่สวยจุดหนึ่งของชัยภูมิครับ
มองลงไปก็จะเป็นทุ่งกว้างสวยงามครับ พักผ่อนสายตาได้ดีทีเดียว
นั่งพัก และ ถ่ายรูปได้สักพัก ก็ขับรถลงมาครับ ตอนลงให้ใช้เกียร์ต่ำนะครับ เพื่อความปลอดภัย
แล้วก็มาถึงโปรแกรมสุดท้าย แล้วครับ....
โปรแกรมสุดท้าย ก็เข้าวัดเข้าวาซะหน่อยครับ เรามาแวะกันที่ วัดผาเกิ้ง (GPS N16° 00.142’ E101° 53.399’) ซึ่งอยู่ใกล้กันกับ แลนภูคา น่ะครับ
ที่นี่เป็นวัดที่เงียบสงบ ด้านหน้ามีบึง ที่เลี้ยงปลา ตัวโตๆ เอาไว้ ย้ำว่าตัวโตจริง เพราะเห็นแม่บ่นว่าปลามันกระโดดมาฮุบเอานิ้วแกเข้า
ผมสงสัยเลยถามแม่ว่า...แล้วแม่เอานิ้วไปแหย่น้ำทำไม...แม่บอกว่า แม่แค่เอาหนมปังไปให้ปลา แต่ไม่ได้ปล่อยมือ มันเลยฮุบเอา
แม่ผมคงเข้าใจว่าให้อาหาร"ปลาโลมา" อยู่ละมั้ง เลยไม่ยอมปล่อยมือ ดีนะไม่ได้แผล...
...
วัดผาเกิ้งก็เหมือนวัดทั่วๆไปครับ เพียงแต่อยู่บนเขา และมีจุดชมวิวที่สวย
ที่แปลกอีกอย่างคือ ที่วันนี่มีรูปปั้น เมืองนรกด้วยครับ มากันครบ ทั้งการทรมาน จากบาปต่างๆ และ เปรต และ อมนุษย์ เลือกแบบได้ตามใจชอบเลยครับ
เปรตก็มีนะครับ มากันสูงปรี๊ดเชียว มองแล้วต้องปลง และ ใช้สตินะครับ จะได้เกิดปัญญา ว่าอะไรควรไม่ควร
...
ปิดท้ายด้วยการมาซื้อขอที่ Tesco Lotus ชัยภูมิ เพราะกะว่าจะเอารูปไปอัดให้แม่ซะหน่อย
Tesco ที่ ชัยภูมินี่ คนเยอะไม่แพ้แถวกรุงเทพฯ ครับ เสียอย่างเดียวไม่มีร้านอัดรูป Digital เลย
ผมเลยต้องขับรถไปหาที่อัดเอาแถวตลาด แต่พระเจ้า... บริการได้เร็วมากๆ
เพราะ ยื่น Trump drive ให้ อัดรูปมายี่สิบกว่ารูป เลือกอัลบั๊ม ทั้งหมดเสร็จใน "สิบนาที...เท่านั้น"
เคล็ดลับไม่มีอะไรมากหรอกครับ น้องเค้าลัดคิวให้ เท่านั้นเอง
เฮ้อ...คนเมืองนี้มันช่างน่ารักจริงๆ
ผมเลยมีรูป มา up blog ได้ทันทีทันไดเลยไงครับ
...
สรุป Trip วันนี้ ก็สนุกๆ ดีครับ วิวสวยๆ
อากาศสบายๆ (ตอนบ่ายร้อนเอาเรื่อง)
ใครมีโอกาสมาชัยภูมิก็ลองแวะมาดูครับ
รับรองคุ้มค่าแน่นอนครับ
.............................
ขอขอบคุณ คุณแม่ที่น่ารัก พี่ไพ และ พี่นวย นะครับ ที่เอื้อเฟื้อ และ นำเที่ยวตลอดงาน
สวัสดีเช้าๆครับ คุณณรงค์
แวะมาชม Blog ตามคำเชิญครับ
ชัยภูมิผมเคยไปเที่ยวมาแล้วครั้งนั้นไปที่บ้านดินสักแห่ง ผมจำไม่ได้ครับ ไปพักที่รีสอร์ทกลางเมือง อากาศดีใช้ได้เลยครับ
"มอหินขาว" น่าสนใจมากครับ เอาไว้ขอข้อมูลเพิ่มครับ เห็นภาพแล้วอยากไปครับ
มาเที่ยวทางเหนือมีข้อมูลครับ สอบถามได้ครับ