“เราไม่ใช่คนพม่า แต่เราเป็นคน …. ”
อาจเป็นคำพูดที่ได้ยินจากคนพม่า
ภาษากับเชื้อชาติพม่าในมุมมองทางภาษาศาสตร์
“เราไม่ใช่คนพม่า
แต่เราเป็นคน …. ”
อาจเป็นคำพูดที่ได้ยินจากคนพม่า การไม่ประกาศตนว่าเป็นชาวพม่า
ทั้งที่มีพื้นเพในประเทศพม่า พูดภาษาพม่าได้
หรืออาจถือหนังสือเดินทางพม่าด้วยนั้น
อาจเป็นเรื่องน่าฉงนสำหรับชาวต่างชาติ ที่เห็น “ความเป็นพม่า”
ถูกปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย
กรณีดังกล่าวอาจสะท้อนได้ว่า
การเอาเรื่องกฎหมายว่าด้วยความเป็นพลเมืองของประเทศมาตัดสินว่าเป็นคนพม่าหรือไม่นั้น
แม้เป็นเรื่องปกติที่ทำได้
แต่กลับไม่ง่ายที่จะให้เกิดการยอมรับในความเป็นพม่าไปได้ด้วย
ส่วนการจะสรุปเอาว่าคนที่พูดภาษาพม่าได้คล่องแคล่วถือเป็นการยอมรับความเป็นพม่านั้น
ก็อาจไม่ใช่ข้อสรุปที่ดี เพราะภาษากับเชื้อชาติไม่ได้ไปด้วยกันเสมอไป
สำหรับบางคนในบางสถานการณ์ ภาษาก็ส่วนของภาษา
และเชื้อชาติก็ส่วนของเชื้อชาติ หาใช่หนึ่งเดียวในความเป็นพม่าไม่
อย่างไรก็ตามภาษาอาจมีอิทธิพลต่อการยอมรับความเป็นพม่าได้เช่นกัน
จากการที่ภาษาพม่านั้นถูกกำหนดให้เป็นภาษาประจำชาติสำหรับชนทุกเผ่าพันธุ์
ดังนั้นผู้พูดภาษาพม่า จึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนเชื้อสายพม่าเสมอไป
อาจเป็นคนมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ กะฉิ่น ฉิ่น มูเซอ ตองสู จีน แขก
ฯลฯ พอนานเข้าคนต่างเชื้อสายเหล่านี้ก็อาจมองตนว่าเป็นคนพม่า
เพราะตนไม่พูดภาษาเดิมแล้ว นอกจากภาษาพม่า
ดังตัวอย่างคนมอญในพม่าส่วนมาก ที่ลืมว่าตนสืบเชื้อสายมาจากมอญ
ดังนั้น ภาษาจึงอาจบ่งชี้ความเป็นเชื้อชาติได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง
โดยมิได้สืบสายถาวรติดอยู่กับเชื้อชาติตลอดไป
ในทางภาษาศาสตร์ มักยอมรับในเรื่องการโยงใยทางภาษาของกลุ่มชนต่างๆ
และวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างภาษาที่มีเสียง ศัพท์
และไวยากรณ์คล้ายคลึงกัน
แล้วจำแนกภาษาต่างๆเป็นกลุ่มภาษาหรือตระกูลภาษา
การวิเคราะห์ดังกล่าวช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์
แต่หากนำมาอ้างอิงอย่างไม่ระวัง
ก็อาจหลงคิดไปว่าภาษาเป็นตัวกำหนดเชื้อชาติไปด้วย
ในสมัยอาณานิคมนั้น
ได้เคยมีการศึกษาทั้งในเชิงมานุษยวิทยาและภาษาศาสตร์เพื่อจำแนกกลุ่มประชากรในประเทศพม่า
ดังความเห็นว่า “…หากจะจัดจำแนกประชากรในพม่า เราไม่อาจอาศัยพงศาวดาร
ประเพณี คติชน หรือความคล้ายคลึงทางพื้นที่(เช่น
พม่าและมอญอยู่ที่ลุ่ม ฉิ่นและกะเหรี่ยงอยู่ตามดอย)
หากต้องอาศัยภาษาพูดเป็นหลัก
เรื่องอื่นๆอาจใช้เพื่อตรวจสอบเกณฑ์ภาษาเท่านั้น” (C.C.Lowis,
The Tribes of Burma ๑๙๑๙, หน้า ๒)
และมีความเห็นว่าประเพณีหรือตำนานนั้นชนชาติต่างๆอาจมีร่วมกันได้
ภาษาพูดจึงเป็นข้อพิสูจน์สายพันธุ์ของกลุ่มชนชาติ
ความเห็นเช่นนี้ยอมรับกันมานานจนมีการนำมาใช้คาดคะเนถิ่นกำเนิดและเส้นทางอพยพของชนชาติต่างๆในประเทศพม่า
เพราะเข้าใจไปว่าภาษาเป็นเครื่องบ่งชี้ชนชาติได้ดีกว่าเกณฑ์ด้านอื่นๆ
ที่ผ่านมานั้น
ภาษาพม่าและภาษาของชนชาติต่างๆในประเทศพม่าได้รับการศึกษาเพื่อจัดจำแนกสายพันธุ์และชี้ให้เห็นเครือข่ายและเชื้อสายทางภาษาในระดับต่างๆ
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ได้จากองค์ความรู้ทางภาษาศาสตร์ว่าด้วยภาษาพม่าและภาษาที่เกี่ยวข้องกับพม่าในพื้นที่ประเทศพม่าและประเทศไทย
จากการเปรียบเทียบภาษาตามแนวภาษาศาสตร์เปรียบเทียบเชิงประวัติ
นักภาษาศาสตร์ได้ข้อสรุปว่า ภาษาพม่าเป็นภาษาหนึ่งในกลุ่มภาษาเบอร์มิส
(Burmish) ของสายโลโล-พม่า (Lolo-Burmese)
ภายใต้สาขาทิเบต-พม่า(Tibeto-Burman)
ที่แยกเชื้อสายมาจากตระกูลภาษาจีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)อีกที
ภาษาพม่าจึงมีความคล้ายคลึงกับภาษาทิเบตมากกว่าภาษาจีน
และแตกต่างกับภาษาไทย ภาษามอญ ภาษาเขมร และภาษามาเลย์โดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันก็มีความใกล้ชิดกับกลุ่มภาษาโลโล
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชาวเขาอยู่ในประเทศไทย อาทิ มูเซอ ลีซอ และอีก้อ
ส่วนภาษาพม่าจะมีความใกล้ชิดกับภาษากะเหรี่ยงมากน้อยเพียงใดนั้น
ยังไม่อาจหาข้อยุติได้อย่างแน่ชัด แต่โดยลักษณะทางภาษานั้น
พบว่าภาษากะเหรี่ยงมีโครงสร้างประโยคที่ต่างไปจากภาษาในกลุ่มทิเบต-พม่า
คือเป็นแบบ ประธาน-กริยา-กรรม แทนที่จะเป็นแบบ ประธาน-กรรม-กริยา
อย่างภาษาต่างๆในสาขาทิเบต-พม่า
แรกๆนักภาษาศาสตร์จึงเสนอให้ภาษากะเหรี่ยงอยู่นอกสาขาทิเบต-พม่า
แต่ต่อมามีการจัดภาษากะเหรี่ยงไว้ในกลุ่มสาขาทิเบต-พม่าด้วย
เพราะเห็นว่าภาษากะเหรี่ยงมีความคล้ายคลึงกับภาษาอื่นๆของกลุ่มทิเบต-พม่าในด้านศัพท์
แต่ใกล้ชิดกับภาษาพม่าน้อยกว่าภาษาในกลุ่มโลโล เช่น มูเซอ ลีซอ
และอีก้อ
สำหรับภาษาที่อยู่ในกลุ่มเบอร์มิสและมีความใกล้ชิดกับภาษาพม่ามากยิ่งกว่าภาษาในกลุ่มโลโลได้แก่
ภาษามะยู(,U^) หรือมารู และภาษาอะซี(v=ut) ซึ่งพูดอยู่ในรัฐกะฉิ่น
บริเวณพรมแดนพม่า-จีน
ในประเทศพม่ามีชนร่วมเชื้อสายภาษาพม่าอยู่หลายกลุ่ม
ทั้งที่ร่วมเชื้อสายอย่างใกล้ชิดและที่ห่างออกไปจนส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง
กลุ่มที่ใกล้ชิดกับพม่าได้แก่ชนชาติพม่าที่พูดภาษาพม่าสำเนียงท้องถิ่นต่างๆตามชนบทและพื้นที่รอบนอก
ในกลุ่มนี้ที่รู้จักกันดีเพราะเคยสร้างบ้านแปลงเมืองเป็นของตนเอง
คือชาวพม่าในรัฐยะไข่(i-6b'N)หรือรัฐอาระกัน นอกจากพม่าที่ยะไข่แล้ว
ชนที่มีเชื้อสายภาษาร่วมกับพม่าและยังคงหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน
เป็นเพียงชาวพม่าท้องถิ่นที่ไม่ค่อยมีบทบาททางการเมืองอย่างเด่นชัด
ได้แก่ อิงตา(v'Ntlkt) ทวาย(5kt;pN) ธนุ(TO6) ยอ(gpk) พูน(z:oNt)
และต่องโย(g9k'NU6bt) เป็นต้น
สำหรับชนที่มีเชื้อสายห่างจากชนเผ่าพม่าออกมาหน่อยนั้น ได้แก่
มูเซอ(,^C6bt) ลีซอ(]ugiak) อีก้อ(gdk) ฉิ่น(-y'Nt) กะฉิ่น(d-y'N)
นาคา(ok8) กะเหรี่ยง(di'N-สะกอหรือโป) ปะโอหรือตองสู(g9k'Nl^)
คะยา(dpkt-กะเหรี่ยงแดง) และปะด่อง(xgmj'N-กะเหรี่ยงคอยาว) เป็นอาทิ
ชนส่วนน้อยที่ร่วมเชื้อสายกับพม่าเหล่านี้
ต่างก็มีกองกำลังอิสระต่อสู้กับรัฐบาลกลางของพม่ามาเป็นเวลานานหลายสิบปีนับแต่ได้รับเอกราช
(ค.ศ.๑๙๔๘)
ในประเทศไทยมีชนเผ่าที่ร่วมเชื้อสายทางภาษาใกล้ชิดกับพม่าอยู่หลายเผ่า
ได้แก่ อีก้อ(อะข่า) มูเซอ (ละหู่) ลีซอ(ลีซู)
อูก๋อง(พวกละว้าที่อุทัยธานี) บิซู(พวกละที่เชียงราย)
อึมปี(พวกก้อที่เมืองแพร่) รวมถึงกะเหรี่ยงหรือยางเผ่าต่างๆ โดยเฉพาะ
กะเหรี่ยงสะกอ(ยางขาว) และกะเหรี่ยงโป(ยางแดง)
กลุ่มชนร่วมเชื้อสายกับพม่าที่กล่าวมานี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเขาหรือเป็นเพียงกลุ่มชนเล็กๆที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือ
และตลอดแนวภูมิภาคตะวันตกของประเทศไทย
สำหรับในประเทศพม่าพบชนกลุ่มดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วไปต่อจากชายแดนไทยด้านตะวันตกจนถึงลุ่มแม่น้ำสาละวิน
อันที่จริง กลุ่มชนร่วมเชื้อสายกับพม่าในประเทศพม่านั้น
มีเป็นจำนวนมากที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
แต่ส่วนที่ผสมกลมกลืนอยู่ในสังคมเมืองจนแยกไม่ออกจากชาวพม่านั้นก็มีอยู่แทบทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะมอญและกะเหรี่ยงในชุมชนเมืองในพื้นที่ปากแม่น้ำอิระวดี สะโตง
และสาละวิน บ้างยังใช้ภาษาเดิมได้
และมีเป็นจำนวนมากที่พูดภาษาพม่าได้เพียงภาษาเดียว
มีทั้งที่รู้และไม่รู้เชื้อสายเดิมของตน นอกจากนี้
ยังพบว่าบางภาษาในประเทศพม่าเป็นภาษาที่มีลักษณะ“ลูกผสม”อย่างภาษากะเหรี่ยง
จนยากที่จะกำหนดชัดว่าเป็นภาษากลุ่มใด
ดังนั้นภาษาจึงมิอาจนำมาพิสูจน์เชื้อสายของกลุ่มชนหรือบุคคลได้
นั่นคือภาษาหาได้ผูกติดกับเชื้อชาติไม่
จะเห็นได้ว่าแม้ภาษาจะเป็นระบบสื่อสัญลักษณ์อันซับซ้อนที่อยู่คู่กับมนุษย์ก็ตาม
แต่ภาษาก็มิได้ผูกติดอยู่กับสายเลือด
การหลงเข้าใจไปว่าภาษาบ่งบอกถึงเชื้อชาติได้นั้น
ย่อมผิดจากข้อเท็จจริง เพราะไม่มีชนชาติใดอยู่อย่างโดดเดี่ยว
และภาษาของกลุ่มชนหนึ่งๆก็ย่อมผันแปรไปตามสภาวะแวดล้อม
ไม่หยุดนิ่งดุจแช่แข็ง
ดังนั้นชนชาติต่างๆที่ร่วมเชื้อสายทางภาษากับพม่าดังกล่าวมา
จึงย่อมมีข้อแตกต่างทางภาษามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติ
หาได้สืบทอดทางพันธุกรรม
ข้อมูลทางภาษาจึงมิอาจสนับสนุนเรื่องเชื้อชาติให้เป็นจริงขึ้นมาได้
ความรู้เกี่ยวกับเชื้อสายภาษาพม่าในทางภาษาศาสตร์ข้างต้นนั้น
จึงเพียงช่วยให้ทราบเครือข่ายภาษาพม่าอย่างเป็นระบบ
และให้มองเห็นภาษาในฐานะเครื่องบ่งชี้ทางวัฒนธรรม(วิถีชีวิต)อย่างหนึ่ง
ส่วนเชื้อชาตินั้นอาจเป็นเพียงคำที่ถูกหยิบขึ้นมาเพื่อกำหนด
สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง และยากที่จะพิสูจน์ให้เห็น
ส่วนการปฏิเสธทางเชื้อชาตินั้น
คงเป็นปฏิกิริยาทางสังคมหรือทางการเมืองของผู้คนในประเทศที่ยังหลงสมมุติทางเชื้อชาติ
ดังนั้นการที่ความเชื่อเรื่องเชื้อชาติซึ่งโยงไว้กับความรักชาติยังคงเป็นเครื่องมือทางการเมืองในประเทศพม่าอยู่นั้น
ย่อมส่งผลให้ชนชาติที่ต่างพื้นเพทางภาษา เกิดสับสนและมีกังขาใน
“ความเป็นพม่า”
ทั้งที่สามารถพูดภาษาพม่าได้อย่างคล่องแคล่วก็ตาม
วิรัช นิยมธรรม