อาจารย์มิ่งตันดาเตง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางประวัติ-ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง และเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์พม่า ณ มหาวิทยาลัยดะโกง เมืองย่างกุ้ง
แผ่นดินพุกามในมุมมองของครูสอนประวัติศาสตร์ชาวพม่าคนหนึ่ง
อาจารย์มิ่งตันดาเตง
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางประวัติ-ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง
และเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์พม่า ณ มหาวิทยาลัยดะโกง
เมืองย่างกุ้ง เป็นเวลา ๔ ปี
เธอได้รับการขอร้องให้ช่วยเล่ามุมมองของเธอต่อเมืองพุกาม
ความเรียงต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอได้พรรณนาไว้ในฐานะครูสอนประวัติศาสตร์พม่าระดับมหา-วิทยาลัยคนหนึ่ง
เธอชี้แจงว่าในการพูดถึงประวัติศาสตร์ของชาวพม่านั้นถูกสอนไว้ว่าจะต้องกล่าวอย่างยกย่องเทิดทูนในทางสร้างสรรค์
หากมีจุดที่จะต้องวิจารณ์ก็ต้องระมัดระวังมิให้ภาพของประวัติศาสตร์พม่าต้องเสียหาย
ชาวพม่าจึงมีความทรงจำต่อภูมิหลังประเทศด้วยความชื่นชมและคติอันสะเทือนใจ
ดังสะท้อนในความเรียงของอาจารย์มิ่งตันดาเตง ดังต่อไปนี้
คุณแม่ของดิฉันเป็นนักเล่านิทานที่เก่ง
พวกเราได้รู้จักคุ้นเคยกับนิทานที่คุณแม่เล่าให้ฟังตั้งแต่พวกเรายังเล็ก
ส่วนคุณพ่อนั้นมีงานมากมาย ซ้ำยังต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ
เวลาที่คุณพ่อห่างจากบ้านแต่ละครั้งนั้นมักกินเวลาไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน
และบางที่ก็ต้องไปนานเป็นแรมปี
ส่วนใหญ่พวกเราจึงอยู่กับคุณแม่มาแต่เล็ก
แล้วก็เติบใหญ่อย่างมีความสุขมาด้วยการอบรมสั่งสอนของคุณแม่
ในบรรดานิทานที่คุณแม่เล่าให้พวกเราฟังนั้น
มักจะมีเรื่องราวของเมืองพุกาม กษัตริย์แห่งเมืองพุกาม
พระสถูปเจดีย์ที่พระมหากษัตริย์พุกามสร้างขึ้นมา
และเรื่องราวของวีรบุรุษของพุกามอยู่เป็นจำนวนมาก
เนื่องเพราะนิทานที่คุณแม่เล่าให้ฟังนี่เอง
ดิฉันจึงคุ้นเคยกับแผ่นดินพุกามมาตั้งแต่เล็กๆ
ในยามที่เป็นเด็กนั้นก็ฟังนิทานด้วยความที่รู้สึกว่านิทานเป็นเรื่องสนุก
แต่ว่าเมื่อโตขึ้นมานิทานเหล่านี้ได้ปรากฏเป็นภาพจริงขึ้นมา
เมื่อดิฉันเรียนจบชั้นสิบ(ชั้นมัธยมปลาย)แล้ว ได้เข้ามหาวิทยาลัย
ดิฉันได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก
ดิฉันพอใจมากที่ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์
บรรดาอาจารย์ของดิฉันได้สอนจนพวกเราเห็นภาพของประวัติศาสตร์และรู้สึกถึงความรักและเทิดทูนชาติของตัวเอง
ยามนี้เมืองพุกามที่ดิฉันได้เพียงคิดฝันตามจิตนาการในวัยเยาว์กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างงดงาม
นับตั้งแต่เป็นเด็กจนเติบโตขึ้นมา
ดิฉันได้เคยไปเยือนเมืองพุกามอยู่บ่อยครั้ง
และทุกครั้งที่ได้ไปเยือนพุกาม
ก็จะบังเกิดความสนุกเบิกบานอย่างไม่เคยเบื่อหน่ายสักครา
สิ่งที่ดิฉันไม่อาจลืมได้ในชีวิตของดิฉันนั้น คือ
ในสมัยที่เรียนปริญญาโทนั้น ดิฉันได้ไปทัศนศึกษา ณ
เมืองพุกามพร้อมกับเพื่อนวิชาเอก
โดยการนำของหัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ชื่ออาจารย์อูจ่อวีง(futgdykN;'Nt)
ตอนที่พวกเราไปทัศนศึกษาครั้งนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว
เมืองพุกามจึงต้อนรับพวกเราด้วยความฉ่ำเย็น
แรกที่พวกเราไปถึงทางเข้าเมืองพุกาม
เราได้เห็นประตูเมืองก่อนสิ่งอื่นใด
จากนั้นพวกเราได้ไปกราบไหว้และศึกษาพระเจดีย์ชเวซีโข่ง(gU;0PNt-6"46ikt)ที่พระเจ้าอโนรธา(vgokNi5k)เป็นผู้สร้างและพวกเราได้สักการะบูชา
นี่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้าอโนรธา
จึงทำให้พวกเราชาวพม่าได้มีโอกาสนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทอันเที่ยงแท้
พระเจดีย์ที่คงความแข็งแกร่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของพระศาสนาในยุคพุกาม
จากนั้นพวกเราได้ไปกราบไหว้พระเจดีย์อานันดา(vkoOmk]6bIN8^46ikt)
ซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่พระเจ้าจันสิตตา(dyoN00Nlkt)สร้างไว้สักการะ
พระเจดีย์องค์นี้งดงามด้วยฝีมืองานช่าง มีภาพพุทธวงศ์แกะสลักหิน
มีภาพสลักนูนต่างๆที่ลงสีกระเบื้องและงานปูนปั้น
ขณะนั้นในใจของดิฉันได้เกิดจิตนภาพของพระเจ้าจันสิตตาผู้เป็นวีรบุรุษแห่งพุกาม
ในจิตนภาพนั้นยังปรากฏภาพพระนางอูเส้าก์ปัน (futgCkdNxoNt)
หรือสัมพูละ (l,¾&])
มเหสีของพระเจ้าจันสิตตาและเจ้าชายราชกุมาร(ik=d6,kiN)ผู้เป็นราชบุตรรวมอยู่ด้วย
เจ้าราชกุมารแม้จะเป็นราชบุตรที่แท้จริง
และแม้ไม่อาจได้สืบราชบัลลังก์ก็ตาม
แต่ก็มิได้แค้นเคืองพระราชบิดา
เจ้าชายราชกุมารผู้รู้พระคุณของบิดามารดา ทรงเป็นผู้ที่น่าเคารพยิ่ง
พวกเราเด็กๆทั้งหลายสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
พระเจดีย์สัพพัญญู
ซึ่งเป็นราชกุศลของพระเจ้าอลองซีตู(vg]k'Nt0PNl^,'NtWdut)นั้น
ยิ่งใหญ่งดงาม ด้วยฐานรอบพระเจดีย์กว้างขวาง
และเมื่อมาถึงพระเจดีย์ชเวคูจี(gU;8^Wdut46ikt)
อันเป็นพระราชกุศลอีกแห่งหนึ่งของพระเจ้าอลองซีตู
ทำให้ระลึกได้ถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าอลองซีตูถูกปลงพระชนม์ด้วยน้ำมือของเจ้าชายนรสู(oil^)ผู้เป็นราชบุตร
และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกเศร้าใจนัก
จากนั้นได้ไปยังพระเจดีย์มนูหา(,O^sk46ikt)
ซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่สร้างโดยพระเจ้ามนูหา(,O^sk,'NtWdut)กษัตริย์เมืองสะเทิม
ภาพของพระพุทธรูปองค์โตที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารแคบๆนั้น
ทำให้ดิฉันรู้สึกสงสารและอดรู้สึกไม่ได้ว่า
พระองค์คงไม่มีความสุขที่ต้องมาพำนักอยู่ในดินแดนพุกามที่ไม่ใช่แผ่นดินของตน
จากนั้นพวกเราได้ไปที่พระเจดีย์จุฬามุนี(0^>k,6ob46ikt)
ซึ่งสร้างโดยพระเจ้านรปติซีตู(oix9b0PNl^,'NtWdut)
พระเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์รูปแบบคูหาซ้อนสองชั้น(8^g9kNWdut)
มีงานปูนปั้นที่งดงามมาก
พระเจ้านรปติซีตูยังได้ทรงสร้างพระเจดีย์กะเต๊าะปะลีง(doNg9kHx]]'N46ikt)
เมื่อมองพระเจดีย์นี้ในใจของดิฉันเห็นภาพของพระเจ้านรปติซีตูที่กำลังก้มกราบขอขมารูปปั้น
ซึ่งเป็นรูปปั้นของบรรพบุรุษที่พระองค์เคยพลั้งล่วงเกินแล้วได้ทำขึ้นไว้เป็นที่สักการะ
พวกเรายังได้ไปที่พระเจดีย์โลกะนันดา(g]kdoO·k46ikt)ที่สร้างโดยพระเจ้าอโนรธา
พระเจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี
ดิฉันได้เคยอ่านพบในหนังสือว่า ครั้งหนึ่ง ณ
ริมฝั่งน้ำนี้เคยมีเรือจากแดนไกลมาจอดเทียบท่า
แล้วยังเคยอ่านพบอีกว่าราชธิดาชเวเอ่งแต่
(gU;vb,NlPN)พระธิดาของพระเจ้าจันสิตตา มักมาอยู่ที่ท่าน้ำโลกะนันดา
เพื่อเฝ้ารอเจ้าชายปฏิกกรา(xDbddikt,'Ntlkt)
เจ้าชายแขกผู้เป็นคนรักของนาง
แต่ว่าทั้งสองมิได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กัน
พระเจ้าจันสิตตาผู้เล็งเห็นต่อเรื่องบ้านเมืองเป็นสำคัญ
ได้ยกราชธิดาชเวเอ่งแต่
ให้กับเจ้าชายซอยูน(lktg9kNg0kp:oNt)ราชบุตรของพระเจ้าซอลู
(g0k]^t,'Nt)
เมื่อดิฉันคิดถึงเรื่องราชธิดาชเวเอ่งแต่ผู้ที่ต้องตรอมตรมเพราะต้องพรากจากคนรัก
ทำให้บังเกิดความรู้สึกเวทนา
พวกเรายังได้ไปยังพระเจดีย์ธัมมะยังจี(T,,i"Wdut46ikt)
ที่สร้างโดยพระเจ้านรสู(oil^,'Nt) พระเจดีย์ธัมมะยังจีนี้ใหญ่โต
สมดังกับคำที่กล่าวว่า “ สูงเด่น สัพพัญญู ทึบแน่นธัมมะยัง ”
พระเจดีย์องค์นี้มีชื่อว่าเป็นพระเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่
แต่พระเจ้านรสูผู้สร้างพระเจดีย์เองกลับมีชื่อว่าเป็นผู้โหดร้าย
ในการสร้างพระเจดีย์องค์นี้
พระองค์ประสงค์ที่จะให้เป็นงานฝีมือชั้นเลิศ
พระองค์ให้ทดสอบฝีมือช่างในการเรียงอิฐ
หากพบว่าที่ใดเข็มสามารถลอดเข้าไปในช่องอิฐได้
จะสั่งประหารช่างนั้นทันที
นอกจากนี้ยังพบคำสาปที่เขียนไว้บนจารึกที่พระเจดีย์ธัมมะยังจีด้วย
คำสาปชิ้นนี้ช่างน่าตระหนกยิ่ง
พวกเราได้มาถึงพระเจดีย์บูพยา(r^t46ikt)หรือเจดีย์น้ำเต้าในยามอาทิตย์อัสดง
พระเจดีย์บูพยานี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี
สายลมหนาวพัดผ่านลำน้ำมาแผ่วเบา
ความงามของพระเจดีย์และแม่น้ำอิรวดีช่างเหมะสมกันนัก
ช่วยให้จิตใจของดิฉันพลอยเบิกบานไปด้วย
มีโวหารกล่าวไว้ว่า “เสียงเพลาเกวียน เอียดออด ผองพุกามเจดีย์”
พระสถูปเจดีย์ วัดวาอาราม ปราสาทราชวัง
งานศิลปะภาพวาดแกะสลัก พระพิมพ์ กระเบื้องเคลือบ
ศิลาจารึก และ หนังสือหมึกจารทั้งหลายที่ปรากฏบนแผ่นดินพุกาม
ต่างได้บอกเล่าถึงประวัติของประเทศพม่าของเรา
อาจารย์จ่อวีง หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ของพวกเรา เคยสอนว่า
หากเราศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประเทศของเรา ประวัติศาสตร์ของเรา
เราก็จะมีความรักในเผ่าพันธุ์
มีความปรารถนาที่จะให้ชนชาติตนเจริญก้าวหน้า
มีความสามารถที่จะเห็นภัยอันตรายทั้งจากภายในและภายนอกที่จะมีมาถึงประเทศและชนชาติของเรา
และที่สุดจะสามารถเป็นผู้แบกหน้าที่อันเป็นประโยชน์ เช่น
การปกป้องประเทศ เป็นอาทิ
สำหรับตัวดิฉันเองนั้น
การที่ได้มาศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของพระเจดีย์เมืองพุกามและพระมหากษัตริย์ที่สร้างพระเจดีย์เหล่านั้นซึ่งอยู่ในนิทานก่อนนอนที่แม่เคยเล่าให้ฟังนั้น
ถือได้ว่าความคิดฝันและจินตนาการของดิฉันนั้นได้กลายเป็นความจริง
ดิฉันรู้สึกยินดีอย่างไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดมาเปรียบได้
มิ่งตันดาเตง เขียน อรนุช นิยมธรรม
แปล