กลับบ้าน


ฝันไว้ว่าหากวันใดกลับที่มั่น จะปลูกตูบน้อยสักสามสี่หลัง ไว้รอต้อนรับมวลมิตรมาสนทนาธรรม ถกปรัชญาชีวิตกัน

 ยามที่มีหน้าที่ต้องไปใช้สิทธิ การเป็นพลเมืองที่ดี

ผมถือโอกาสกลับบ้าน (ความจริงต้องมาค้นเอกสารที่ติดมาจากมุกดาหาร แหะๆ)บ้านที่ผมยังรู้สึกว่าเป็นบ้านผมจริงๆ เป็นบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านที่ใช้ชื่อของผมเป็นเจ้าบ้าน

หรืออาจยืมสำนวนน้องเอกหนุ่มเมืองปาย และเพื่อนสิงห์ป่าสักที่เรียกว่า ที่มั่นสุดท้ายแต่ผมกลับชอบที่จะใช้ภาษาแบบสุดโต่งของตนเองว่า เรือนตาย 

ทุกวันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่แม่พ่อทยอยกันเดินทางไกลข้ามผ่านภพไปนานแล้ว แต่บ้านยังสะอาดสะอ้านยิ่งกว่าตอนที่ผมอยู่เอง  ด้วยหลานสาวกำพร้าที่อยู่ใกล้ๆ และแม่ของเธอคอยมาปัดกวาด เปิดปิดไฟ ถางหญ้า รดน้ำดอกไม้ให้ทุกๆวัน

เธอบอกว่าเป็นการตอบแทนที่ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของเธอ (เธอใช้จ่ายประหยัดมากรายจ่ายไม่ถึงร้อยละห้าของรายได้ผม) 

ผมถือเป็นที่เร้นกายพักใจที่บ้านแห่งนี้ เพราะไม่มีใคร จึงไม่ต้องระวังกับสีหน้าท่าทีที่ชอบอมทุกข์ของตนเอง ไม่ต้องปรับสีหน้าก่อนเข้าบ้านด้วยเกรงว่าคนอื่นจะพลอยทุกข์ไปกับเรา   ที่บ้านยังมีร่องรอยความทรงจำอันอบอุ่นในวัยเด็ก ยังมีความเอื้ออาทรของเพื่อนบ้าน ชนิดที่ว่าอยู่สามวันกินข้าวฟรีมื้อละบ้านก็ยังไม่ทั่ว  

ประสบการณ์ที่ได้รับจากบ้านแห่งนี้คือ ผมซื้อบ้านของตัวเอง ด้วยความไว้ใจผมได้ใช้ที่ดินและบ้านไปจดจำนองค้ำประกันเงินกู้คนอื่นในมูลค่าไม่ถึงครึ่งล้าน หลายปีต่อมาเขาปรับโครงสร้างหนี้ขอให้เราเป็นผู้กู้ร่วม อีกห้าหกปีต่อมาก็มีหมายศาลมาที่บ้านว่าจะขายทอดตลาด

ความไม่รู้เรื่องโรงเรื่องศาล ความที่พ่อจากไปโดยที่เรายังไม่ได้รับโอนมรดก ผมจึงตัดสินใจต่อสู้แบบลูกทุ่ง ผมไปถอนเงินสดจากธนาคารสองแห่ง หอบเงินสดล้านกว่าปลายๆ ขึ้นมายกป้ายประมูลสู้ราคากับนักค้าที่ดินอย่างเมามัน ด้วยลูกบ้าและราคาที่ผมสู้ด้วยมูลค่าทางจิตใจ บ้านและที่นากลับมาเป็นของผมเรียบร้อยในราคาสูงกว่าราคาประเมินเกือบสามเท่า 

  

ตะวันฉายแสง ที่บ้านแพะ แม่แตง บันทึกยามเช้าขณะรอตักบาตร  

บ้าน ที่มั่นสุดท้ายตัวบ้านสร้างด้วยเงินเดือนผู้ช่วยพยาบาลสมัยสองพันกว่าบาท และค่าสอนหนังสือชั่วโมงละห้าสิบบาท หลานสาวปลูกดอกมะลิ พุดซ้อน(เก็ดถะหวา) เข็มม่วง ลั่นทม ชบา ดาหลา และอีกนานาชนิดครับ 

 

ที่นาผม แม่ธรณีคงไม่รู้จักเจ้าของที่แท้จริงเสียแล้ว หลายสิบปีแล้วมั้งที่ผมไม่ได้จับจอบเสียมไปพรวนดิน ทุกวันนี้ให้พี่น้องญาติห่างๆทำกิน ปลอดค่าเช่าครับ สักวันผมจะกลับมาทำเกษตรอินทรีย์ 

 

ตะวันรอน ที่บ้านแพะ แม่แตง 

ฝันไว้ว่าหากวันใดกลับที่มั่น จะปลูกตูบน้อยสักสามสี่หลัง ไว้รอต้อนรับมวลมิตรมาสนทนาธรรม ถกปรัชญาชีวิตกัน

ขอให้ฝันเป็นจริงทีเถอะ จะได้ชวนพี่น้องมาเยี่ยมยามบ้างครับ 

หมายเลขบันทึก: 155359เขียนเมื่อ 22 ธันวาคม 2007 13:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ อาวเปลี่ยน

  • ทำไม ป้าแดง อ่านแล้วเศร้าจัง
  • บุญกุศล ของอาวเปลี่ยน ตอบสนองอาวอย่างเห็นได้ชัด
  • ป้าแดง ขอมีโอกาส ได้ไปหลบน้ำค้าง ที่ตูบของอาวเปลี่ยนบ้าง..เด้อ...
  • ---
  • ว่าแต่...สงสัยได้มั้ยว่า น้าสาว ที่ชื่อเหมือน ป้าแดง หายไปไหนละ

หวัดดีครับเอื้อยแดง

คึดฮอดแฮงหลายครับ

น้าสาว ชื่อ และอาชีพเหมือนเอื้อย

ติดเลี้ยงหลานน้อย ห้าคนอยู่บ้านพ่อในเมืองครับ ผมโทรขอปลีกวิเวกไปแล้ว มีเรื่องในหัวเครียดนิดๆไม่อยากเอาหน้าย่นๆไปอวดใคครับ

ติดเอื้อยด้วยเรียงความเรื่องชีวิตคู่ออนไลน์อยู่เด้อ เดี๋ยวหยุดยาวตอนปีใหม่จะต่อให้จบแล้วเมล์ส่งการบ้านเอื้อยเด้อ

ให้น้องเหว่า ไปนอนเล่นพักผ่อน

แวะกินข้าว กินน้ำ ยามขับรถผ่านไปทางนั้นด้วยเด้อ

เป็นตาอิจฉาแท้ เรือนพัก เรือนใจ เสียแต่ แม่เรือนยังไม่มี (อิ อิ อิ)

 

สวัสดีครับ

  เป็นบันทึกที่ทำให้คิดถึงพี่มากๆครับ

   แวะมาปายไม่ได้หรือครับ  นอนที่บ้านผมสัก2-3 คืนครับ

  ผมก็คิดถึงบ้านแล้วนะครับ ที่สุรินทร์

  แต่ว่าที่นั่นคงยกให้เป็ของพี่ๆน้องๆ

  ผมเองเริ่มตั้งรกรากที่นี่แล้วครับ..แม่ไม่ได้เกิดแต่ก็ผูกพัน ครับ

  ตอนนี้อยู่เชียงใหม่หรือเปล่านะ...

  ดูแลระดับน้ำตาลด้วยนะครับ  ขอ 140 นะครับ

สวัสดีครับน้องชาย P

ไม่ได้วัดน้ำตาลมาหลายวันแล้วครับ

ประมาณจากอาการ ความเพลีย จำนวนครั้งที่ต้องตื่นมาviod แล้ว น่าจะ 260 ครับ ด้วยเหตุที่ต้องย้ายเข้ากรุงเทพฯ ไปลาว กลับมาปั่นรายงานสามฉบับ (แก้ตัวอีกแล้ว แหะ ๆ)

ยังคิดถึงข้อคิดของน้องหมอที่ว่า ถึงเวลาที่ต้องเลือก...แล้ว

อีกเดือนสองเดือนได้ไปประจำที่ลาว รับงานโครงการเดียว คงมีเวลาดูแลตัวเอง ว่าจะจ้างแม่ครัวมาทำอาหารตามตำราให้กินตลอด คงช่วยได้บ้าง

ต้องรีบกลับครับ วันพรุ่งนี้มีนัดส่งรายงาน สามฉบับ

โอกาสหน้าคงมีโอกาสไปเยี่ยมน้องสบายครับ

ขอบคุณเด้อ

ที่มั่นสุดท้าย” .....

ฟังดูเหมือนนักรบกำลังพูดกันเลยทีเดียว... 

"เรือนตาย" ... ฟังดูประหนึ่งนักรักที่อาภัพรักยังไงยังงั้น

แต่ทั้งปวงนั้นก็คือบ้าน... บ้านที่เราสามารถหลับฝันได้อย่างไม่ต้องกังขาต่อสิ่งอันเลวร้าย

อ้ายเอ๊ย...

เบิ่งเจ้าของแนเด้อ...

มันหลายโพดแล้วเด้อน้ำตาลนั่น

แตวาออนซอนหลายได่กลับบ้านเนาะ  น้องกะกลับคือกัน  อิอิ  กลับซุกมื่อ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท