ปลาฉลาม megamouth
ตัวที่ 16
ของโลกจากมหาสมุทรอินเดีย
The megamouth Shark # 16 of the World from the Indian
Ocean
(
ที่มา : โสภณา บุญญาภิวัฒน์
กองประมงนอกน่านน้ำไทย. วารสารการประมง ปีที่ 55
ฉบับที่ 5
กย.- ตค. 2545 )
ปีนี้เป็นปีที่ 2
ที่กรมประมงและศูนย์ฯ
มีการปฏิบัติงานบนเรือ M.V.SEAFDEC
ร่วมกันโดยเริ่มจากเดือนตุลาตม 2544
จนถึงเดือนมกราคม 2545
มีการวางแพล่อปลาและตรวจเช็คฝูงปลาที่แพ
สำรวจหาวัตถุลอยน้ำ เช่น ขอนไม้
แพเก่าๆเพื่อหาฝูงปลา
ถ้าพบว่ามีปลาขนาดใหญ่รวมเป็นฝูงอยู่มากก็จะได้ทำการล้อมอวน
ในวันที่ 18
มกราคม 2545
เป็นวันที่มีการล้อมอวนเป็นครั้งสุดท้ายของเที่ยวเรือมีฝนตกและทะเลมีคลื่นเล็กน้อย
ได้ล้อมอวนที่แพของศูนย์ฯ ณ ตำบลที่ ละติจูด 02
องศา 17.9
ลิบดาใต้ ลองจิจูด 088
องศา 12.7
ลิบดาตะวันออก
ปรากฏว่ามีปลาฉลามขนาดใหญ่อยู่ในวงอวน
เมื่อนำขึ้นมาบนเรือพบว่าปลาฉลามตัวนี้มีลักษณะที่แปลกมากไม่เคยพบมาก่อน
จึงได้ถ่ายรูปไว้ ลำตัวด้านบนมีสีเทาเข้ม
และมีสีจางลงมาทางด้านล่าง
ที่สะดุดตาคือมีหัวที่ใหญ่มากและปากกว้างกว่าฉลามทั่วๆไป
มีฟันซี่เล็กคล้ายเข็มเป็นร้อยๆซี่
ขนาดจากปลายสุดของส่วนหัวจนถึงปลายสุดของส่วนหาง 235
เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักประเมินว่ามากกว่า
120
กิโลกรัม เนื้อเหลวและตัวอ่อนปวกเปียก
ดูเป็นปลาฉลามที่อ่อนแอ น่าสงสาร
ไม่มีพิษสงเลย
ซึ่งได้ทราบจาก ดร.ชวลิต
วิทยานนท์ แห่งสถาบันพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
ว่าเป็นปลาฉลามที่หายากของโลก คือปลาฉลาม megamouth
ซึ่งอาจแปลว่าปลาฉลามปากกว้าง
จนปัจจุบันมีผู้พบจากทั่วโลกเพียง 15
ตัว
ดังนั้นตัวนี้จึงเป็นตัวที่ 16
และยังไม่มีรายงานว่าพบในมหาสมุทรอินเดีย
แต่เคยพบในปี 2531
ที่ชายหาดใกล้เมืองเพิร์ธอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย
ซึ่งจากการได้แจ้งไปยังผู้เชี่ยวชาญฉลาม megamouth
คือ Dr. John F. Morrissey
แห่งมหาวิทยาลัย
Hofstra
ที่ New York
และ Dr. Goege F.
Burgess
แห่งมหาวิทยาลัย Florida
พร้อมทั้งได้ส่งเรื่องราวและรูปภาพทางอินเทอร์เนตในเวบไซต์ของ
Florida Museum of Natural History
ว่าเป็นฉลาม
megamouth
ตัวล่าสุดคือตัวที่ 16
เท่าที่เคยพบมาทั่วโลก
จากข้อมูลที่ค้นคว้ามาพบว่าตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัย
จึงมีขนาดเล็ก และมีอวัยวะเพศผู้ ( clasper )
ที่เล็กยังเป็นเด็กชายอยู่เลย
แต่พบที่อื่นมาแล้วมีขนาดความยาวตัวมากกว่า 4
เมตร
การจัดลำดับ
จากรายงานของ FAO Compagno ( 1984 )
กล่าวถึงปลาฉลาม megamouth
ว่าเป็นชนิดเดียวในวงศ์ Megachasmidae
อันดับ Lamniformes
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Megachasma pelagios Taylor , Compagno & Struhsaker
ชื่อภาษาอังกฤษคือ Megamouth shark
ชื่อภาษาฝรั่งเศสคือ Requins grande gueule
และชื่อภาษาสเปนคือ Tiburones bocudos
ลักษณะทั่วไป
ลำตัวอ้วนและเรียวเล็กไปทางด้านหาง ส่วนหัวใหญ่ มีปลายจมูก
( smout )
สั้น ปากกว้างมาก
มุมปากยาวถึงหลังตา ช่องเหงือก ( gill slits )
ยาว สองช่องสุดท้ายอยู่เหนือฐานของครีบหู (
pectoral fin )
ฟันซี่เล็กมาก
คล้ายเข็มลักษณะเป็นตะขอมากกว่า 50
แถว
มีจำนวนหลายร้อยซี่ ตาไม่มีแผ่นหนังคลุมลูกตา (
nictitating eyelid )
ครีบหลัง ( dorsal fin )
มี 2
ครีบ ครีบแรกค่อนข้างใหญ่ ครีบที่2
เล็กกว่าครึ่งหนึ่งของครีบแรก
ครีบหูใหญ่และเรียวยาว ครีบท้อง ( pelvic fin )
เล็กกว่าครีบหลังครีบแรกและครีบหู ครีบก้น
( anal fin )
เล็ก ฐานของมันอยู่หลังฐานครีบหลังเล็กน้อย
ครีบหาง ( caudal fin )
สองส่วนไม่เท่ากันและไม่โค้ง
โคนหางไม่มีสัน ( keel ) ( Compagno , 1984 )
สี
ลำตัวและครีบมีสีเทาเข้มจนถึงดำอมน้ำเงิน
บางตัวสีน้ำตาลอมดำ ด้านข้างลำตัวมีสีจางลง
ด้านล่างและส่วนปลายของครีบมีสีขาว
ขากรรไกรล่างมีสีเข้มมีสีเงินเคลือบ
บริเวณใต้คางสีขาวขุ่นและมีจุดสีเข้มประปราย
เพดานปากทั้งด้านบนและด้านล่างมีสีเงิน ริมฝีปากมีสีเงิน
ลิ้นสีน้ำตาลอมม่วงและมีสีเงินเคลือบบางๆ
ทั้งด้านบนและด้านล่าง
มีแผ่นสีขาวอยู่ด้านหน้าของปลายจมูก
เห็นได้ชัดตัดกับสีเข้มของปลายจมูก และขากรรไกรบน
เมื่อขากรรไกรบนยื่นออกมาจะเห็นเด่นชัดมากขึ้น
ขนาด
ความยาวสูงสุดที่พบคือ 549
เซนติเมตร
ซึ่งพบที่ประเทศญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
การแพร่กระจาย
มีการแพร่กระจายทั่วไปทั้งในเขตร้อนและเขตอบอุ่นซึ่งทราบได้บริเวณที่พบแล้ว
15
ตัว คือ ฮาวาย แคลิฟอร์เนียตอนใต้
ตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์
อินโดนีเซีย ( Sulawesi )
บลาซิลตอนใต้
และเซเนกัล
นิสัยและการกินอาหาร
ได้มีการศึกษาปลาฉลาม megamouth
จากตัวอย่างที่ถูกจับได้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่โดยติดเครื่อง
transmitter
ที่ครีบหลังและติดตามพฤติกรรมอยู่ 2
วัน จึงทราบว่ามันมีการอพยพในแนวดิ่ง ( vertical
migration )
คือในเวลากลางคืนอยู่ใกล้ผิวน้ำที่ระดับ
10-15
เมตร และดำดิ่งลงไปในระดับลึก 200
เมตรจากผิวน้ำในเวลากลางวัน
กระดูกมีแคลเซี่ยมน้อยและมีกล้ามเนื้ออ่อนแอ
เนื้อมีน้ำมากทำให้มีการพยุงตัวในน้ำได้ดี
เป็นปลาฉลามที่เชื่องช้ากว่าปลาฉลามอีก 2
ชนิดที่กินแพลงก์ตอนเช่นเดียวกัน คือ basking shark
และปลาฉลามวาฬ ( whale shark )
ปลาฉลาม
megamouth
นี้มีการเคลื่อนที่ในแนวระดับเพียง 0.95
กิโลเมตร ต่อ
ชั่วโมงจึงอาจเป็นเหยื่อของปลาฉลามชนิดอื่น
และจากบาดแผลที่พบตามผิวหนังพบว่ามันยังถูกโจมตีโดย
cookiecutter shark ( Isistius brasiliensis )
และพบว่าในกระเพาะอาหารของซากปลาฉลาม megamouth
มีแพลงก์ตอนสัตว์พวก euphausid ( Thysanopoda pectinata
)
เป็นส่วนมาก นอกจากนี้มี copepod
และหวีวุ้น
( comb jelly )
ด้วยในบางตัวการที่พวก euphausid
มีการอพยพในแนวดิ่งเช่นเดียวกันจึงมีความสัมพันธ์กับการกินอาหารของปลาฉลามชนิดนี้
มันกินอาหารโดยกรองอาหารที่มากับน้ำ เช่น euphausid
copepod
แมงกะพรุน หวีวุ้น ( comb jelly )
และลูกปลาเป็นต้น จึงเป็นพวก filter feeder
ขนาดยักษ์ เมื่อมันอ้าปากที่กว้างใหญ่
ขากรรไกรก็ยืดออก
ภายในปากและริมฝีปากที่มีสีเงินเคลือบซึ่งเรืองแสงรวมทั้งแผ่นสีขาวที่ปลายจมูกดึงดูดให้แพลงก์ตอนสัตว์มารวมตัวกันเข้าไปในปาก
มันจึงมีอาหารกินได้ไม่ยากนัก
ปลาฉลาม megamouth
ในอดีต
Hennemann (2001)
บรรยายความเป็นมาของปลาฉลาม megamouth
ว่าในวันที่ 15
พฤศจิกายน 2519
ที่บริเวณนอกฝั่งฮาวาย เรือของกองทัพสหรัฐอเมริกา
พบสัตว์น้ำตายติดอยู่กับสมอทะเลของเรือ
เป็นสัตว์ทะเลที่มีคามยาว 5
เมตร
สีน้ำตาลและปากกว้างใหญ่มาก
มีฟันซี่เล็กมากจำนวนกว่าพันซี่
ในไม่ช้าก็ค้นพบว่าเป็นปลาฉลามชนิดใหม่
หลังจากนั้นจึงตั้งชื่อว่า Megachasma pelavios
เนื่องจากมีลักษณะที่แตกต่างจากชนิดอื่นมาก
จึงถูกแยกให้อยู่ในครอบครัวใหม่คือ Megachasmidae
หลังจากพบตัวแรกถึง 8
ปี
จึงพบปลาฉลามชนิดนี้ตายอยู่ในอวนลอยนอกฝั่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้
ต่อมา Dr. Barry Hutchinson
แห่ง Weastern
Australian Museum
ที่เมืองเพิร์ธ
ได้รับโทรศัพท์ในตอนเช้าของวันที่ 18
สิงหาคม 2531
ว่ามีสัตว์ประหลาดตายอยู่บนหาด
มันมีลักษณะที่อยู่ระหว่างปลาฉลามกับปลาวาฬ
เมื่อเขาไปถึงที่นั่นพบผู้คนมุงดูอยู่จำนวนมาก
เฮลิคอปเตอร์ของสื่อต่างๆมาอยู่ที่หาด
และผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด ปลาฉลามตัวนี้มีความยาว
515
เซนติเมตร
หัวมีลักษณะคล้ายปลาวาฬผู้ที่พบเปิดเผยว่าเมื่อพบมันที่ผิวน้ำใกล้หาดนั้นในตอนแรกคิดว่เป็นปลาวาฬ
เพราะปลาวาฬมักจะฆ่าตัวตายโดยว่ายน้ำมาเกยหาด
พวกเขาจึงพยายามผลักดันโดยลากออกสู่ทะเล แต่ไม่สำเร็จ
เช้าวันต่อมาพบว่ามันตายอยู่บนหาด การที่มีน้ำหนักตัวถึง
700
กิโลกรัม
จึงเคลื่อนย้ายไปพิพิธภัณฑ์ยากลำบากมาก ปลาฉลาม
megamouth
ตัวนี้จึงเป็นตัวที่ 3
ของโลก
และถูกเก็บรักษาโดยดองน้ำยาฟอร์มาลีนอยู่ในพิพิธภัณฑ์
หลังจากนั้นมีผู้พบเห็นปลาฉลามชนิดนี้ตามที่ต่างๆ เช่น
ประเทศญี่ปุ่น ที่เมือง Hamatsu
ในปี 2532
แต่ได้ทิ้งไปในปีเดียวกันพบที่อ่าว Suruga
แล้วปล่อยไปเพราะยังมีชีวิตอยู่ ปี 2537
พบที่อ่าว Hakata
ขณะนี้เก็บรักษาอยู่ที่
Marine World
เมือง Fukuoka
ที่เมือง Toba
ก็พบตัวที่ขนาดใหญ่กว่า 500
เซนติเมตรในปี
2540
ขณะนี้เก็บรักษาอยู่ที่ toba Aquarium
ครั้งล่าสุดพบที่ญี่ปุ่นคือในปี 2541
พบที่
Mie
มีความยาว 549
เซนติเมตร
เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา
ส่วนที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้ก็ได้พบปลาฉลามชนิดนี้ติดอยู่ในอวนลอยที่ใช้จับปลากระโทงแทงดาบ(
swordfish )
ถึง 4
ครั้ง คือ เกาะ Catalina
ในปี 2527
ที่ Dana point , Los Angeles
ในปี 2533
และที่ San Diego
ในปี 2542
เนื่องจากมันยังมีชีวิตอยู่และมีสภาพดีจึงปล่อยไป
ยกเว้นในปี 2527
ที่พบว่าตายอยู่ในอวนจึงเก็บรักษาไว้เพื่อทำการศึกษา
ในปี 2541
ที่ชาวประมง 3
คนจับปลาฉลามชนิดนี้ได้ที่อ่าว Macajalar , Cagayan de
oro
ประเทศฟิลิปปินส์
โดยไม่ทราบว่าเป็นปลาอะไร
รุ่งเช้าวิทยุท้องถิ่นรายงานข่าวนี้กล่าวกันว่าเป็นปลาฉลามวาฬ
มีนักวิทยาศาสตร์ไปดูและถ่ายรูปไว้
เมื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม
จึงทราบว่าเป็นปลาฉลาม megamouth
แต่ปลาขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวประมาณ 549
เซนติเมตร
ถูกตัดเป็นชิ้นๆนำเป็นอาหารของผู้คนไปแล้ว
ในปี 2538
ที่นอกฝั่ง Dakar
ประเทศเซเนกัล
กัปตันเรืออวนล้อมปลาทูน่าต้องประหลาดใจเมื่อพบปลาฉลามรูปร่างประหลาดนี้ในอวนร่วมกับปลาทูน่าท้องแถบ
เป็นปลาฉลาม megamouth
ที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยพบมาคือยาว 180
เซนติเมตร
ส่วนที่ประเทศบลาซิลก็พบขนาดเล็ดเช่นเดียวกัน คือยาว 190
เซนติเมตร
ที่ประเทศอินโดนีเซียพบปลาฉลามชนิดนี้ในปี 2541
ที่นอกฝั่ง Manada , North Sulawesi
ซึ่งไม่ใช่ด้านมหาสมุทรอินเดีย
โดยขณะที่นักวิทยาศาสตร์ชาวอินโดนีเซียและชาวอิตาลีกำลังเฝ้าดูปลาวาฬอยู่ตามโครงการ
Whale Whtching
พบปลาวาฬชนิด sperm whale (Physeter
macrocephalus ) 3
ตัวกำลังรุมโจมตีปลาฉลาม megamouth
ซึ่งมีความยาวประมาณ 5
เมตร
เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆปลาวาฬก็ว่ายหนีไป ส่วนปลาฉลาม
megamouth
บาดเจ็บเป็นแผลที่ครีบหลังและเหงือก
ปลาฉลาม megamouth
ที่พบเป็นตัวที่ 6
ได้ถูกทำการศึกษาขณะที่ยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดี คือ
ในเดือนตุลาคม 2533
ชาวประมงที่ Los Angeles
พบปลาฉลามในอวนลอยและยังมีชีวิตอยู่จึงผูกไว้กับเรือ
แล้วโทรศัพท์แจ้งไปยัง Dr. Robert Lavenberg
ซึ่งเมื่อเห็นปลาตัวนี้ได้กล่าวว่า
มันเหมือนกับเป็นฟอสซิลที่มีชีวิตที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงใน
10
ล้านปีที่ผ่านมา เขาโทรศัพท์ไปทั่วโลก
เพื่อที่จะหาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เหมาะสม แต่ไม่สำเร็จ
เพราะไม่มีที่ไหนกว้างใหญ่พอที่จะรับปลาฉลามที่มีชีวิตขนาด
494
เซนติเมตรนี้ได้
จึงศึกษาพฤติกรรมของมันโดยติด transmitter
ที่ครีบหลัง และติดตามอยู่ 2
วันจึงได้ปล่อยไป
จากการศึกษาทราบว่ามันมีการอพยพในแนวดิ่งดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
Tom Haight
นักดำน้ำและนักถ่ายรูปใต้น้ำ
ที่ได้ร่วมปฏิบัติการนี้กล่าวว่า
เขามีความสุขและตื่นเต้นที่สุดในชีวิตการเป็นนักดำน้ำมา
28
ปี
สรุปและข้อเสนอแนะ
เรื่องราวของปลาฉลาม megamouth
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ทราบว่าการที่ปลาฉลามชนิดนี้เป็นชนิดที่หายากมากนั้น
เนื่องจากประการหนึ่งเป็นปลาฉลามที่อ่อนแอและเชื่องช้าจึงถูกทำร้ายได้ง่าย
อีกประการหนึ่งมันหนีการรบกวนลงไปที่ระดับลึกในเวลากลางวันทำให้พบได้ยาก
ปลาฉลามชนิดนี้เป็นพวกที่กินแพลงก์ตอนจึงทำให้โอกาสที่ถูกจับด้วยเบ็ดมีน้อยมาก
ส่วนมากถูกจับด้วยอวนลอยและอวนล้อม
อาจจะมีผู้จับได้มาบ้างแล้วในมหาสมุทรอินเดีย
แต่ไม่ทราบว่าเป็นปลาฉลาม megamouth
ที่หายากจึงไม่มีการรายงาน
ดังนั้นเมื่อท่านผู้ใดจับปลาฉลามปากกว้างที่น่ารักและน่าสงสารนี้ได้โดยยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดีโปรดอย่าทำร้ายมัน
ควรที่จะปล่อยไปเพื่อเป็นการอนุรักษ์ปลาชนิดนี้ต่อไป
ที่มาhttp://www.nicaonline.com/articles8/site/view_article.asp?idarticle=112