ปะการัง
โครงการอนุรักษ์ปะการัง
ซึ่งถือได้ว่าเป็นผืนป่าแห่งท้องทะเลที่เป็นระบบนิเวศน์พื้นฐานที่สำคัญยิ่ง
สำหรับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
ดังนั้นจังหวัดตรังจึงได้ทำการประชาสัมพันธ์แนวทางคุ้มครองปะการัง
ให้กับประชาชนผู้อาศัยอยู่กับท้องน้ำทะเลกว้าง ตลอดจนนักท่องเที่ยว
ให้ตระหนักถึงคุณค่าของปะการังและกลวิธีจะปกปักรักษาให้แนวปะการังเติบโต
การอนุรักษ์ปะการัง
ปะการังเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เปราะบาง
และต้องใช้เวลายาวนานในการเติบโตที่เรียกว่า แนวปะการัง
เป็นโครงสร้างหินปูน (โพลิป) ซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติ
บรรเทาคลื่นลมกระแสน้ำ
โครงสร้างปะการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสคลื่นพัดเข้าสู่ฝั่ง
เป็นเม็ดทรายที่ขาวสะอาดให้กับชายหาด ในปริมาณ 1 ตัน/ไร่ 1 ปี
นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวยังเป็นที่อาศัยของสัตว์ทะเลนานชนิดดังนั้นการอนุรักษ์ปะการัง
เพื่อธำรงรักษาสภาพแวดล้อม โดยความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ภาครัฐบาล
เอกชนและองค์การต่าง ๆ ดังนี้
1.
สงวนคุ้มครองแนวปะการังที่ยังไม่ถูกทำลาย โดยประกาศเขตคุ้มครอง
2.
ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้มีความตระหนักถึงคุณประโยชน์ปะการัง
3. มาตรการการจัดการที่เหมาะสม
เช่นการออกกฎหมายเพิ่มโทษแก่ผู้ทำลายปะการัง
การจัดฝึกอบรมและสัมมนาการจัดแทรกหลักสูตรการศึกษา
4. การติดตั้งทุ่นผูกเรือ
เพื่อมิให้มีการทอดสมอเรือในแนวปะการัง
5.
ลดการใช้ประโยชน์แนวปะการังให้น้อยที่สุดเช่น
การจับสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ปลาสวยงาม การเก็บปะการัง
การยืนและเดินบนปะการังของนักดำน้ำ ฯลฯ
6.
รักษาสมดุลและระบบนิเวศน์ชายฝั่งทะเลให้เอื้ออำนวยต่อการอาศัยและเติบโตแพร่พันธุ์ของปะการัง
7.
สร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญ
คุณค่าและคุณประโยชน์ปะการังที่มีต่อมวลมนุษย์
โดยงดการทิ้งของเสียและสิ่งปฏิกูลลงสู่ทะเลโดยตรง
8.
กระตุ้นการประสานความร่วมมือของทุกคนทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อฟื้นฟูและรักษาแนวปะการัง
ให้มีความงดงามตามธรรมชาติ
จะเห็นได้ว่า
ปะการังมีคุณประโยชน์แก่มนุษย์พืชและสัตว์ทะเลอย่างมหาศาล
ก่อให้เกิดสีสัน
ความสวยงามซึ่งธรรมชาติสร้างสรรค์ใหอย่างวิจิตรงดงามเป็นแหล่งที่ให้ความเพลิดเพลิน
และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำทะเลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจนานาชนิดนับเป็นแหล่งธรรมชาติที่ทุก
ๆ คนจักต้องตระหนักถึงความสำคัญ
และให้ความร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง
เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ ให้เป็นชลสมบัติ
ที่สามารถให้ผลผลิตที่ยั่งยืนต่อเนื่องตลอดไป
มาตราการอนุรักษ์
กรมประมงได้กำหนดมาตราการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำดังต่อไปนี้
- ผู้ฝ่าฝืนทำการประมงปะการัง หรือหินปะการังทุกชนิด
ทุกขนาดไม่ว่าวิธีใด ๆ ในทะเล
หรืออ่าวในท้องที่จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัด
มีความผิดต้องโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ผี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
- ผู้ฝ่าฝืนทำการประมงดำน้ำโดยใช้อวนล้อมทุกชนิดทุกขนาด
หรือลักษณะคล้ายกัน โดยวางบนพื้นทะเลแล้วดำน้ำ
เดินเหยียบย่ำบนแนวปะการังเพื่อไล่ต้อนปลาเข้าอวน
มีความผิดต้องโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
- ผู้ฝ่าฝืนทำการประมงโดยใช้กระแสไฟฟ้า วัตถุระเบิด สารเคมี
ยาเบื่อเมามีความผิดต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 5 ปี
และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท และริบของกลางทั้งสิ้น
- ผู้ฝ่าฝืนส่งปะการัง ซากส่วนหนึ่งส่วนใด
ผลิตภัณฑ์จากปะการังและปลาสวนงามออกนอกประเทศ
มีความผิดต้องโทษปรับเป็นเงิน 5 เท่าของสินค้า จำคุกไม่เกิน 10 ปี
หรือทั้งปรับทั้งจำและริบของกลางรวมทั้งสิ่งที่บรรจุและพาหนะใดๆ
ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยความผิด
- ผู้ฝ่าฝืนมีหินปะการัง กัลปังหา เต่าทะเล
กระและผลิตภัณฑ์ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า มีความผิดต้องโทษปรับไม่เกิน
20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
- ผู้ฝ่าฝืนทำการประมงใจเขตรักษาพืชพันธ์ มีความผิดต้องโทษปรับ
10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
http://www.lib.ru.ac.th/trang/trangtravel/pakarung.html