พระราชบัญญัติจัดระเบียบกิจการแพปลา


พระราชบัญญัติจัดระเบียบกิจการแพปลา

พระราชบัญญัติ
จัดระเบียบกิจการแพปลา
พ.ศ. 2496
______
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2496
เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
     โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายจัดระเบียบกิจการแพปลา


     จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ
และยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้

     มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติจัดระเบียบกิจการ
แพปลา พ.ศ. 2496"

     มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

     มาตรา 3  ในพระราชบัญญัตินี้
     "กิจการแพปลา" หมายความว่า  การกระทำอันเป็นปกติธุระอย่างใด
อย่างหนึ่ง ดั่งต่อไปนี้
           (ก) การให้กู้ยืมเงิน หรือใช้เช่า ให้เช่าซื้อ ให้ยืมเรือ
เครื่องมือทำการประมง หรือสิ่งอุปกรณ์การประมงเพื่อให้ผู้กู้ยืม หรือผู้เช่า
ผู้เช่าซื้อ ผู้ยืม ประกอบกิจการประมงหรือทำการค้าสินค้าสัตว์น้ำ โดยมีข้อตกลงกัน
โดยตรงหรือโดยปริยายว่า ผู้กู้ยืม หรือผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ ผู้ยืม จะต้องนำสินค้า
สัตว์น้ำมาให้ผู้ให้กู้ยืม หรือผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้ยืม เป็นตัวแทน
ทำการขายสินค้าสัตว์น้ำนั้น
           (ข) การรับเป็นตัวแทนทำการขายสินค้าสัตว์น้ำของบุคคลอื่น
           (ค) การขายสินค้าสัตว์น้ำโดยวิธีขายทอดตลาด
           (ง) กิจการค้าสินค้าสัตว์น้ำ โดยวิธีอื่นใดตามที่จะได้มีพระราช
กฤษฎีการะบุว่าเป็นกิจการแพปลา
     "สินค้าสัตว์น้ำ" หมายความว่า  สัตว์น้ำตามความหมายแห่งกฎหมาย
ว่าด้วยการประมง ไม่ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และรวมตลอดถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
ทุกชนิด ซึ่งเป็นวัตถุสินค้า
     "สะพานปลา" หมายความว่า  สถานที่หรือบริเวณซึ่งได้มีประกาศให้เป็น
ที่ประกอบกิจการแพปลาตามพระราชบัญญัตินี้
     "ค่าบริการ" หมายความว่า  เงินค่าจัดสถานที่และอำนวยความสะดวก
ในการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำที่สะพานปลา
     "คณะกรรมการ" หมายความว่า  คณะกรรมการองค์การสะพานปลา
     "ผู้อำนวยการ" หมายความว่า  ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา


     "พนักงาน" หมายความว่า  พนักงานองค์การสะพานปลา
     "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า  ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มีอำนาจ
หน้าที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
     "อธิบดี" หมายความว่า  อธิบดีกรมการประมง
     "รัฐมนตรี" หมายความว่า  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

     มาตรา 4  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรักษาการตามพระราช
บัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวง กำหนด
อัตราค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดกิจการ
อื่น ๆ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
     กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
                                    หมวด 1
                              องค์การสะพานปลา
                                   _______
     มาตรา 5  ให้จัดตั้งองค์การขึ้นองค์การหนึ่งเรียกว่า `องค์การสะพานปลา'
มีวัตถุประสงค์ดั่งต่อไปนี้
     (1) จัดดำเนินการและนำมาซึ่งความเจริญของสะพานปลา ตลาดสินค้า
สัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมการประมง
     (2) จัดดำเนินการหรือควบคุม และอำนวยบริการซึ่งกิจการแพปลา การขนส่ง
และกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวกับกิจการแพปลา
     (3) จัดส่งเสริมฐานะสวัสดิการ หรืออาชีพของชาวประมง และบูรณะหมู่บ้าน
การประมง
     (4) จัดส่งเสริมสหกรณ์หรือสมาคมการประมง

     เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว ให้องค์การสะพานปลามีอำนาจ
รวมถึง
     (1) สร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า ถือกรรมสิทธิ์ หรือครอบครอง
ซึ่งทรัพย์สินต่าง ๆ
     (2) กู้ยืมเงินหรือยืมสิ่งของ ให้กู้ยืมเงินหรือให้ยืมสิ่งของ 

     มาตรา 6  ให้องค์การสะพานปลาเป็นนิติบุคคล

     มาตรา 7  ให้องค์การสะพานปลาตั้งสำนักงานใหญ่ในจังหวัดพระนคร
     มาตรา 8  องค์การสะพานปลาเห็นสมควรจัดตั้งสะพานปลาขึ้นสำหรับ
ท้องที่ใด เมื่อได้อนุมัติจากรัฐมนตรีแล้ว ก็ให้ประกาศตั้งขึ้นได้
     การประกาศ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
     ให้สะพานปลาอยู่ในความดูแลและดำเนินการขององค์การสะพานปลา

     มาตรา 9  ให้โอนกิจการ ทรัพย์สิน และหนี้สิน รวมทั้งบรรดาข้อสัญญา
และภาระผูกพันทั้งสิ้น อันเกิดขึ้นจากการดำเนินการจัดตั้งแพปลาของกรมการประมง
โดยงบประมาณแผ่นดิน ให้แก่องค์การสะพานปลา

     มาตรา 10  ให้จ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายวิสามัญลงทุนประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2496 ของกรมการประมงที่เกี่ยวกับการดำเนินการจัดตั้งแพปลา
ให้แก่องค์การสะพานปลา

     มาตรา 11  ให้มีคณะกรรมการองค์การสะพานปลาขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
ประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าสี่คน แต่ไม่เกินหกคน
     ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการองค์การ
สะพานปลา

     มาตรา 12  ประธานกรรมการและกรรมการต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย

     มาตรา 13  ผู้มีลักษณะดั่งต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้เป็นประธานกรรมการ
หรือกรรมการ คือ
     (1) เป็นพนักงาน หรือ
     (2) มีส่วนได้เสียในสัญญากับองค์การสะพานปลาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่
องค์การสะพานปลา ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยทางอ้อม

     มาตรา 14  ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแล
โดยทั่วไปซึ่งกิจการขององค์การสะพานปลาอำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
     (1) วางข้อบังคับเกี่ยวกับการต่าง ๆ ตามความในมาตรา 5
     (2) วางข้อบังคับการประชุมและการดำเนินกิจการของคณะกรรมการ
     (3) วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง และการถอดถอนพนักงาน
     (4) วางข้อบังคับว่าด้วยระเบียบปฏิบัติงานขององค์การสะพานปลา และ
ข้อบังคับว่าด้วยระเบียบวินัยและการลงโทษพนักงาน
     (5) กำหนดอัตราเงินเดือนของพนักงาน

     มาตรา 15  ให้ประธานกรรมการและกรรมการอยู่ในตำแหน่งมีกำหนด
สองปี แต่อาจรับแต่งตั้งใหม่ได้

     มาตรา 16  ประธานกรรมการ และกรรมการ ย่อมพ้นจากตำแหน่ง
ก่อนถึงวาระ เมื่อ
     (1) ตาย
     (2) ลาออก
     (3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
     (4) เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13
     ในกรณีที่มีการพ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระ ให้มีการแต่งตั้งประธาน
กรรมการ หรือกรรมการเข้าแทนได้ แล้วแต่กรณี ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าแทนนี้ย่อม
อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
     มาตรา 17  การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการประชุม
ไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงเป็นองค์ประชุมได้
     เมื่อประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการเลือกตั้งกันขึ้นเอง
เป็นประธานชั่วคราว

     มาตรา 18  การลงมติวินิจฉัยข้อปรึกษาในคณะกรรมการ ให้ถือเอา
เสียงข้างมากเป็นประมาณ ถ้ามีเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียง
เพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

     มาตรา 19  ให้องค์การสะพานปลามีอำนาจเรียกเก็บเงินค่าบริการ
จากผู้ประกอบกิจการแพปลาได้ไม่เกินร้อยละสามของราคาสินค้าสัตว์น้ำที่ซื้อขายกัน
ที่สะพานปลาหรือราคาที่พนักงานประเมินราคาตลาดในวันนั้น

     มาตรา 20  ให้แบ่งเงินค่าบริการที่องค์การสะพานปลาเรียกเก็บตาม
ความในมาตรา 19 ไว้ร้อยละยี่สิบห้าของค่าบริการที่เก็บได้ทั้งหมด เพื่อใช้จ่าย
ในการส่งเสริมการประมงตามความในมาตรา 5 (3) และ (4)
     การเก็บรักษาและการเบิกจ่ายเงินค่าบริการที่แบ่งไว้ในวรรคก่อน
ให้เป็นไปตามระเบียบและวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดด้วยความเห็นชอบของ
คณะรัฐมนตรี

     มาตรา 21  ให้องค์การสะพานปลาจัดทำงบประมาณประจำปี แยกเป็น
งบลงทุนและงบทำการ สำหรับงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและ
ให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
     ให้องค์การสะพานปลาเปิดบัญชีเงินฝายไว้กับธนาคารตามระเบียบของ
คณะกรรมการ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

     มาตรา 22  รายได้ที่องค์การสะพานปลาได้รับในปีหนึ่ง ๆ เมื่อได้หัก
ค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินงาน ค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่น ค่าบำรุงรักษา
ค่าเสื่อมราคา และเงินสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในองค์การ
สะพานปลา เงินสำรองธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองขยายงานและเงิน
ลงทุนตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็น
รายได้ของรัฐ
     แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่ายดังกล่าว นอกจากเงินสำรอง
ที่ได้ระบุไว้ในวรรคก่อน และองค์การสะพานปลาไม่สามารถหาเงินจากทางอื่น
รัฐพึงจ่ายเงินให้แก่องค์การสะพานปลาเท่าจำนวนที่จำเป็น

     มาตรา 23  ทุกปี ให้คณะกรรมการตั้งผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคน
เพื่อสอบและรับรองบัญชีเป็นปี ๆ ไป แล้วนำเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยัง
คณะรัฐมนตรีพร้อมด้วยรายงานกิจการประจำปี ซึ่งให้กล่าวถึงผลงานในปีที่ล่วงแล้ว
และให้มีคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ โครงการ และแผนงาน
ที่จะจัดทำในภายหน้า
     ห้ามมิให้ตั้งประธานกรรมการ กรรมการ หรือพนักงานเป็นผู้สอบบัญชี
     เมื่อรัฐมนตรีร้องขอ ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจบัญชี
ขององค์การสะพานปลา

     มาตรา 24  ให้คณะกรรมการเป็นผู้แทนองค์การสะพานปลาในส่วนที่
เกี่ยวกับบุคคลภายนอก แต่คณะกรรมการจะมอบหมายให้ผู้อำนวยการ หรือพนักงาน
อื่นใดขององค์การสะพานปลาเป็นผู้แทนก็ได้
     มาตรา 25  ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนผู้อำนวยการ
ด้วยความเห็นชอบจากรัฐมนตรี

     มาตรา 26  ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการขององค์การสะพานปลา
ตามนโยบายและระเบียบข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดหรือมอบหมาย

     มาตรา 27  ประธานกรรมการ และกรรมการย่อมได้รับประโยชน์
ตอบแทนตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

     มาตรา 28  ประธานกรรมการ กรรมการ ผู้อำนวยการ และพนักงาน
อาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
                                    หมวด 2
                                 กิจการแพปลา
                                    ______
     มาตรา 29  ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการแพปลา เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต
และเสียค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้

     มาตรา 30  ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการเป็นผู้ขายทอดตลาดสินค้าสัตว์น้ำที่
สะพานปลา เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตและเสียค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้
     มาตรา 31  ให้อธิบดี โดยอนุมัติรัฐมนตรี มีอำนาจออกข้อกำหนด
ดั่งต่อไปนี้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
     (1) ให้ผู้ประกอบกิจการแพปลาประกอบกิจการที่สะพานปลา และปฏิบัติ
ตามระเบียบและเงื่อนไขที่กำหนด
     (2) อัตราอย่างสูงสำหรับค่านายหน้า ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่
ผู้ประกอบกิจการแพปลาจะพึงเรียกจากเจ้าของสินค้าสัตว์น้ำและผู้ซื้อสินค้าสัตว์น้ำ
     (3) วิธีการขายทอดตลาด และการกำหนดหน่วยของน้ำหนักหรือปริมาณ
สินค้าสัตว์น้ำ
     (4) การจอดเรือ การขนส่ง และการจราจรที่สะพานปลา
     (5) ให้ผู้ประกอบกิจการแพปลาทำบัญชีและเอกสารเป็นภาษาไทยตาม
แบบซึ่งกำหนดไว้

     มาตรา 32  ให้อธิบดี โดยอนุมัติรัฐมนตรี มีอำนาจกำหนดแบบพิมพ์
ให้ผู้ประกอบกิจการแพปลากรอกรายการ ข้อความ จำนวน ปริมาณ ชนิด ราคา
สินค้า และอื่น ๆ ได้
     ผู้ประกอบกิจการแพปลาต้องกรอกคำตอบลงในแบบพิมพ์นั้นตามความ
เป็นจริงพร้อมทั้งลงชื่อกำกับ และจัดการยื่นตามกำหนดเวลาและวิธีการ ณ
สถานที่ดั่งที่กำหนดไว้ในแบบพิมพ์นั้น
     เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบรายการในแบบพิมพ์ที่กรอกยื่นดั่งกล่าว
เมื่ออธิบดีเห็นสมควร มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการ
ตรวจสอบสมุดบัญชีหรือเอกสารต่าง ๆ ในที่ทำการของผู้ประกอบกิจการแพปลาได้
ในระหว่างเวลาราชการ ให้ผู้ประกอบกิจการแพปลาอำนวยความสะดวกแก่
พนักงานเจ้าหน้าที่ในการนี้ แต่ในการตรวจสอบนี้ต้องไม่เป็นการขัดขวางต่อ
กิจการงานของผู้ประกอบกิจการแพปลา

     มาตรา 33  ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการแพปลาไม่ยอมขายทอดตลาด
สินค้าสัตว์น้ำ รัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งให้
องค์การสะพานปลาดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าสัตว์น้ำที่สะพานปลาเสียเอง
ก็ได้

     มาตรา 34  รัฐมนตรีมีอำนาจที่จะสั่งยกเว้น หรือลดค่าธรรมเนียม
หรือค่าบริการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่สหกรณ์การประมงได้ตามที่เห็นสมควร
     มาตรา 35  ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการแพปลาที่สะพานปลารับซื้อสินค้า
สัตว์น้ำเสียเอง เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของสินค้าสัตว์น้ำนั้น ในกรณี
เช่นนี้ ห้ามมิให้เรียกเก็บค่านายหน้าจากเจ้าของสินค้าสัตว์น้ำนั้น

     มาตรา 36  ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการแพปลา หรือผู้ขายทอดตลาด
สินค้าสัตว์น้ำกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ออก
ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ชำระค่าบริการตามที่องค์การสะพานปลาเรียกเก็บ
หรือไม่ยอดมขายทอดตลาด ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้หยุดกระทำกิจการโดยมีกำหนด
เวลา หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้
     ในการที่อธิบดีจะสั่งดั่งกล่าวในวรรคก่อน ให้ส่งคำตักเตือนเป็นหนังสือ
ให้ผู้ประกอบกิจการแพปลาหรือผู้ขายทอดตลาดสินค้าสัตว์น้ำปฏิบัติการให้ถูกต้อง
ภายในเวลาอันสมควรที่กำหนดให้เสียก่อน

     มาตรา 37  ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ยอมออกใบอนุญาตให้ก็ดี
หรือในกรณีที่อธิบดีสั่งให้หยุดกระทำกิจการแพปลา หรือหยุดขายทอดตลาดสินค้า
สัตว์น้ำ หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก็ดี ผู้ขออนุญาตหรือผู้ถูกสั่งเช่นว่านั้น
มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ โดยยื่นคำอุทธรณ์ต่ออธิบดีภายในสิบห้าวัน นับแต่
วันที่ทราบคำสั่ง ให้อธิบดีส่งคำอุทธรณ์นั้นไปยังรัฐมนตรีภายในเจ็ดวัน นับแต่
วันได้รับคำอุทธรณ์
     คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
                                 หมวด 3
                             บทกำหนดโทษ
                                 ______
     มาตรา 38  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 มีความผิดต้องระวางโทษปรับ
ไม่ต่ำกว่าห้าพันบาทแต่ไม่เกินกว่าหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
ทั้งปรับทั้งจำ

     มาตรา 39  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 30 มาตรา 35 หรือฝ่าฝืนข้อกำหนด
ของอธิบดีออกตามความในมาตรา 31 (1) (2) (3) และ (4) หรือขัดขวาง
การขายทอดตลาดสินค้าสัตว์น้ำโดยองค์การสะพานปลา ตามความในมาตรา 33
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือ
ทั้งปรับทั้งจำ
     มาตรา 40  ผู้ใดไม่กรอบแบบพิมพ์ยื่น หรือแกล้งกรอกแบบพิมพ์ที่อธิบดี
กำหนดไม่ครบถ้วน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของอธิบดีว่าด้วยการกรอกแบบพิมพ์นั้น
หรือกรอกแบบพิมพ์เช่นว่านั้นโดยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จ หรือไม่ยอมให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ทำการตรวจสอบสมุดบัญชีหรือเอกสารตามคำสั่งของอธิบดี หรือไม่อำนวยความ
สะดวกในการตรวจสอบเช่นว่านั้นตามความในมาตรา 32 มีความผิดต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

     มาตรา 41  ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดของอธิบดีออกตามความในมาตรา 31 (4)
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท
                                     หมวด 4
                                  บทเฉพาะกาล
                                     ______
     มาตรา 42  ผู้ประกอบกิจการแพปลาและผู้ขายทอดตลาดสินค้าสัตว์น้ำ


ที่กระทำการอยู่แล้วก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตาม
ความในพระราชบัญญัตินี้ภายในหกสิบวัน นับตั้งแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เป็นต้นไป

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
    จอมพล ป. พิบูลสงคราม
            นายกรัฐมนตรี


                                                 อัตราค่าธรรมเนียม
          
                                                  [โปรดดูใน Image]
ที่มา    http://www.cffp.th.com/law_fishport.doc

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15315เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2006 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท