“ เกษียณ….ให้เกษม ”
“ เดี๋ยวลูกสาวก็จะให้ไปอยู่เชียงใหม่เดี๋ยวลูกชายก็จะให้ไปอยู่ภูเก็ตเดี๋ยวลูกคนเล็กก็จะให้ไปอยู่กรุงเทพฯ”
เป็นเรื่องเล่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรย ถึงแม่จอมน่าเบื่อ พ่อน่ารำคาญ ที่ลูกสาวบ้านอยู่ภูเก็ตก็ไล่ให้พ่อแม่ไปอยู่เชียงใหม่ ส่วนลูกชายบ้านอยู่เชียงใหม่ก็ไล่ให้พ่อแม่ไปอยู่ภูเก็ต ส่วนลูกคนเล็กที่อยู่อุบลก็ไล่ให้แม่ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ
“ เพราะ..อยู่แก๊งไหน หัวหน้าตายหมด” วัน ๆ มีแต่เรื่องให้รำคาญใจ..ลูกหลานแก้ปัญหาไม่หวาด ไม่ไหวลูก ๆ จึงเกี่ยงกันที่จะเลี้ยงดู ผู้ที่เป็น สว. หรือ สูงวัยทั้งหลายจึงควรทำตัวให้น่ารัก ดีกว่าทำตัวน่าเบื่อหน่าย
เราควรจะเป็นมรดกของครอบครัว มากกว่าการเป็นปัญหาของครอบครัว เพราะฉะนั้นถ้าจะ “ เกษียณให้เกษม ” ก็ควรประพฤติปฏิบัติตนเบื้องต้นดังนี้
หนึ่ง.. จงดำเนินชีวิตให้เรียบง่าย ติดดิน อย่าดำเนินชีวิตยุ่งยาก ยุ่งเหยิง มากเรื่อง มากความ ท่าเยอะ กติกาแยะ ข้อจำกัดหยุมหยิม กินยาก อยู่ยาก นอนยาก ลำบากคนรอบข้างสิบทิศ จนคนรอบข้างเบื่อหน่าย
สอง..อย่าเรียกร้องอะไรต่อมิอะไรจากลูกหลานจนมากเกินไป จะเอาโน่นเอานี่ เอานี่ยังไม่พอทำเนา บางราย เอาหนี้มาให้เรื่อย ๆ นี่ซิ ปวดหัว
สาม..อย่าทำตัวน่าเบื่อหน่าย น่ารำคาญให้คนรอบข้าง อย่าจู้จี้ ขี้บ่นจุกจิกไปทุกเรื่อง ที่สำคัญพยายามทำตัวให้เข้ากับลูกหลานให้เนียน อย่าให้อายุเป็นช่องว่างระหว่างเรากับลูกหลาน ประเภทกฎกติกามากมาย จนลูกหลานกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้เลย
สี่.. อย่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยคิดหยุมหยิม จนทำให้คนในบ้านอึดอัด ต้องคอยระวังคำพูดคำจา ตลอดเวลา เกรงจะทำให้น้อยอก น้อยใจ หัดทำตัวเป็นคนง่าย ๆ ไม่มากเรื่อง ท่าเยอะจะน่ารักมากขึ้น
ห้า.. อย่าทำตัวเป็นผู้สื่อข่าวภาคค่ำ เวลา 2 ทุ่ม พอลูกหลานกลับมาถึงบ้าน ก็รีบรายงานจนเขาไม่ได้มีเวลาพักผ่อน ประเภททำงานไม่ปวดหัว จะปวดหัวก็ตอนรับคำฟ้องจากพ่อแม่ที่มาอยู่ด้วยนี่ละ
หก.. อย่าทำตนเป็นคน อมโรค นั่งก็โอย..ลุกก็โอย..ในกระเป๋าถือมีแต่ยากับผ้าเช็ดน้ำลาย บางคนชอบคุยถึงแต่เรื่องเจ็บป่วย เรื่องยา เรื่องไปงานศพ เพราะเพื่อน ๆ เริ่มทะยอยกันถอดใจไปทีละคนสองคน
เจ็ด.. อย่าลำเลิกบุญคุณลูกหลาน วันเว้นวัน ความจริงลูก ๆ ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้ว ว่าพ่อแม่มีบุญคุณมากน้อย ขนาดไหน ไม่ต้องมาคอยทวงถามเป็นระยะ ๆ ให้รู้สึกรำคาญใจหรอก
แปด.. อย่าทำตัวเป็น “ คนแก่ขี้งก ” หวงสมบัติ..ของใช้..ของกิน..หวงทุกอย่าที่คิดว่า
เป็นของตน คิดดูให้ดีซิ “ ถ้าไม่ให้เขา ใครเล่าจะมาให้เรา ” ในยามที่เราจำเป็น แปลกแต่จริง“ คนแก่ที่ชอบให้ ก็จะเป็นคนแก่ที่ได้รับ ” ตลอดชีวิต
เก้า..อย่าทำตนเป็น “ บิดาแห่บ่าง ” คือคอยยุแยงตะแคงรั่ว ให้ผัวเมียในบ้านทะเลาะกัน
วันๆ ทำตัวเป็นอีกาคาบข่าว ให้นักข่าว ระวังให้ดี ถ้าลูกตัว ลูกสะใภ้ จับได้ว่าเป็นแผนของเรา อาจจะได้ไปอยู่เชียงใหม่หรือหาดใหญ่กัน หายอยากก็ได้
สิบ..อย่าบั่นทอนตนเองและคนรอบข้างด้วยการนินทาให้ร้ายป้ายสีคนอื่น หรือต่อว่าต่อขานตนเองไม่เว้นแม้แต่คนสนิทใกล้ตัว พยายามอย่าเล่าเรื่องร้าย ๆ ของเราให้คนอื่นฟังเป็นการบั่นทอนจิตใจเขาเปล่าๆ อย่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องในอดีตที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ เพราะนอกจากจะบั่นทอนตัวเองทางกายแล้ว มันยังทำร้ายด้านจิตใจเราอีกทางหนึ่งด้วย.
ทั้งสิบประการที่กล่าวมานี้เป็นการกล่าวกระทบกระเทียบเปรียบเปรย..สะกิดท่านทั้งหลายเพื่อการตามรู้ทันตัวเองในวัยที่เกษียณแล้วหรือกำลังย่างก้าวใกล้เข้าไปทุกขณะครับ .
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ สบายดีนะคะ
สวัสดีครับ อาจารย์
อ่านข้อคิดของอาจารย์แล้วเพลินดีนะครับเอาเรื่องที่น่าจะเศร้า มาเขียนให้เป็นเรื่องที่น่าจะสนุก
คุณคนสองท่านนั้น หนักหนา
คุณหนึ่งคือมาตา แม่เจ้า
คุณสองนั่นปิตา ฤๅพ่อ แลนา
สองท่านบังเกิดเกล้า มิ่งเหย้า ขวัญคาม
.
คามใดแหนอยู่เฝ้า คนชรา
คนึงอยู่ภูมิปัญญา เหล่านั้น
ชีพวิถีย่อมหรรษา สุขร่า เริงธรรม
รวมอยู่ญาติหลายชั้น อุ่นบ้าน เย็นเมือง