การศึกษาดนตรี จำเป็นต้องมีพื้นฐานและองคืประกอบการศึกษาหลายด้าน เช่นในด้านสังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์ การศึกษาในแง่ของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเผ่าพันธ์มนุษย์แต่ล่ะเผ่า การศึกาในแง่ภูมิศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ สภาพภูมิประเทศ ตลอดถึงทรัพยากร วัสดุต่างๆที่หาได้งายในแต่ล่ะสภาพท้องถิ่น หรือการศึกษาในแง่ของภาษาศาสตร์ที่จำเป้นมากในการเรียนดนตรี เช่นคนภาคกลาง ไปฟังดนตรีพื้นเมืองหรือหมอลำทางอีสาน ส่วนใหญ่ฟังม่ค่อยได้เพราะอุปสรรคเรื่องภาษา ถ้าต้องการสึกษาดนตรีทั่วโลกที่จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาทั่งโลกเช่นเดียวกัน
ดนตรีเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง มีโครงสร้างใหญ่ เช่นเดียวกับภาษาศาสตร์ คือมีภาษาพูด(ใช้วิธีการต่างๆ กันหลายวิธี เช่นการบรรเลงด้วยการใช้เสียงจากร่างกาย เช่นการร้องเพลงหรือการพูดเป็นทำนองดนตรี หรือการบรรเลงด้วยเครื่องดนตรี) มีภาษาเขียน ใช้สัญลักษณ์โดยทั่วไปเรีบกว่า" โน้ต" เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ทางภาษาที่มีตัวอักษร พยัญชนะ สระและมีหลักไวยากรณ์ สำหรับข้อบังคับกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น Harmonic ในดนตรีสากลและใช้กลอน( counter point) ในดนตรีไทย นอกจากนี้ก็มีประวัติดนตรี(History Of Music) เช่นเดียวกับประวัติความเป็นมาของภาษาต่างๆ
ในการค้นคว้าหลักฐานประวัติความเป็นมาของเครื่องดนตรีแต่ล่ะชนิด นอกจากการศึกษาด้านสังคมศาสตร์แล้วยังต้องประกอบกับการพิจารณาอีกในหลายๆด้าน เช่นหลักการเจริญเติบโต ส่วนใหญ่จะเริ่มจากสิ่งเล็กไปหาสิ่งใหญ่เสมอ หรือจากสิ่งที่ง่ายๆไปหาสิ่งที่ยากกว่า เช่น เครื่องดนตรีที่มีสายเส้นเดียว ควรจะเกิดก่อนเครื่องดนตรีที่มี 2 หรือ 3 สาย หรือจากสภาพภูมิศาสตร์ดินแดนแถบทะเลทราย มนุษย์ที่อยู่บริเวณที่อยู่บริเวณนี้ต้องอพยพย้ายถิ่น ส่วยใหญ่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตให้อยู่รอด เมื่อท้องยังหิวอยู่ การใช้สติปัญญามาประดิษฐ์สิ่งปราณีตละเอียดอ่อนย่อมเกิดขึ้นยาก
ฉะนั้น มนุษย์เผ่าใดที่มีความเจริญในด้านวิทยาการทุกๆด้านเจริญดีแล้ว บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็นเป็นปกติสุขวิทยาการด้านดนตรีจึงจะเจริญไปถึงระดับสูงสุดเฉกเช่นเดียวกับดนตรีไทยของชนชาติเราชาวไทย............
สวัสดีครับ
ดนตรีทำให้เพลิดเพลิน ชอบฟัง แต่เล่นไม่เป็น อิๆ
ไม่ค่อยมีคนเขียนเรื่องดนตรีสักเท่าไหร่
ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับดนตรีมาเล่าสู่กันฟัง คงมีคนสนใจเยอะเลยครับ
แวะมาทักทายผู้มีดนตรีในหัวใจค่ะ