อิสรภาพคือสิ่งที่หลาย ๆ คนถวิลหา ไคว่คว้า เพื่อให้ได้มา... แต่กลับมีอีกด้านหนึ่ง ที่เขาเหล่านั้นได้ทำมันหายไป จึงได้มาอยู่รวมกันยังสถานที่หนึ่ง เพื่อรอวันแห่งอิสรภาพที่หายไป ได้หวนกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้งหนึ่ง... คราบน้ำตา ความเศร้าหมอง ความไม่แน่นอน ความโดดเดียว ปรากฏให้เห็นตลอดทุกเส้นทางที่ได้เดินเข้าไปจากประตูหนึ่ง ไปสู่อีกประตู และหลายๆ ประตูที่ย่างเก้าเข้าไป มันย้ำกับใจตัวเองเสมอว่า ไม่อยากเห็นสภาพนี้...และไม่อยากให้มีสถานที่อย่างนี้ ในสังคมที่บอกกับตัวเองว่า “พัฒนาแล้ว” แต่มันคงเป็นได้แค่อุดมคติเท่านั้น ถ้าตราบใดที่สังคมยังคงเน้นพัฒนาทางด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ เพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุมากกว่าค่าของความเป็นมนุษย์... เมื่อวานผมได้มีโอกาสพานักศึกษาไปเยี่ยมชมเรือนจำกลางสงขลา ตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่ได้มีการกำหนดทำแผนยุทธศาสตร์ “เปิดเรือนจำสู่สังคม” ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนนัศึกษาได้มีส่วนร่วมในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดทั้งในและนอกสถานศึกษา และเพื่อให้นักเรียนนักศึกษายุติพฤติกรรมการเสพยาเสพติดและเลิกยุ่งเกี่ยวข้องหรือคบค้าสมาคมกับผู้ที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติด หลายๆ คนเกิดคำถามแย้งขึ้นมาทันที่ว่า ไม่มีที่ให้ไปแล้วหรือ... จะให้นักศึกษาไปพบกับสภาพเหล่านั้นทำไม... แต่อย่างน้อยที่สุด การที่ได้พานักศึกษาไปยังสถานที่แห่งนั้น เพื่อให้เขาได้เห็น / เรียนรู้ถึงสภาพเป็นอยู่ของสถานที่ตรงนั้นว่าเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการป้องกัน ย้ำเตือน ไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นก้าวผลาดเข้าไป และที่สำคัญที่สุด ต้องการแสดงให้หลายๆ คนที่อยู่ในสถานที่ตรงนั้นว่า สังคมไม่ได้รังเกียจพวกเขาทั้งหมด สังคมไม่ได้รังเกียจพวกเขา และพ่อแม่ พี่ น้อง รวมถึงสังคมยังเฝ้ารอวันที่พวกเขาเหล่านั้นได้กลับออกมาเป็นคนดี จากการฝึกฝน ผ่านการหล่อหลอมจากที่นั้น และได้ร่วมกันพัฒนาสังคมต่อไป “การให้โอกาสคนทำผิดได้ปรับตัว มันมีค่ามากกว่าการให้สิ่งของ”
ทายุ
21 พ.ย. 2550