ปัญหาการทำงาน “เชิงเปรียบเทียบ” (Relativity) problem-based และ Area-based


ผมว่าน่าจะเป็น problem-based ครับ ใครรู้ปัญหา วิธีแก้ปัญหาอะไร มากกว่า “อยู่ที่ไหน”

 ผมได้รับอีเมล์จากคุณเอก (จตุพร) ที่เป็นบทสนทนาของคุณเอกกับใครไม่ทราบบอกว่าเป็น “you” เท่านั้น เกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่อัมพวา กับเมืองปายที่มีประเด็นสำคัญว่า
 
เรื่องของเราปัญหาของเรา เราต้องแก้ไข
 การสนทนา เพื่อให้เกิดการพัฒนาความรู้นั้นดี

ผมตอบคุณเอกไปว่า


 ผมอ่านบทสนทนาแล้วสะกิดใจอยู่คำหนึ่ง

"เรื่องของเราปัญหาของเรา  เราต้องแก้ไข" 

สะกิดตรงที่  

ใคร คือ "เรา" 

ถ้าผมจะพูดว่า

 " ผมเป็นคนไทย ปัญหาประเทศไทย ผมต้องแก้ไข" 

และ ปายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย

และ ปัตตานีก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย 

ผมก็พอรู้ว่ามีปัญหาที่นั่น

แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนไทย ผมรู้จริงแค่ไหน

ในการแก้ปัญหาทั้งของปัตตานี และปาย

ผมจะแก้อะไรได้ไหม 

นี่เป็นประเด็นเชิงอุปมาอุปมัยครับ 

ทีนี้มองเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองทั้งสองเมือง และจะแก้ปัญหาในเมืองปาย หรือในปัตตานี

ก็เช่นเดียวกัน คนที่รู้และแก้ได้จริงๆนั้น  เป็นใคร 

ควรต้องเป็นคนรู้ปัญหาจริงๆ ในแต่ละเรื่อง

ไม่ใช่แค่ "อยู่" ในเมืองปาย หรือ เมืองปัตตานี 

คนๆนั้นคือใคร แก้เรื่องอะไร

การพูดแบบนั้น

จึงเป็นเชิงเปรียบเทียบ ( relativity) ซะมากกว่า และมักแก้ปัญหาจริงๆไม่ได้สักที 

ผมจึงค่อนข้างอึดอัดเวลาได้ยินใครพูดประโยคนี้อย่างลอยๆ

และบางทีก็กลับกันด้วยซ้ำ

คนในเมืองนั้นๆ(บางคน) รู้ปัญหาน้อยกว่าคนภายนอก (บางคน)

แต่ก็ยังอ้างประโยคนี้อยู่เช่นเดิม 

ผมจึงถนัดที่จะทำงานแก้ปัญหาแบบ Problem-based มากกว่า area-based ครับ

ซึ่งก็ควรมีทั้งสองอย่าง แบบกลมกลืนกัน สนับสนุนกันครับ

โดยใช้ Area-based นำการวิเคราะห์ประเด็นปัญหา แต่ในการแก้ไข ผมว่าน่าจะเป็น problem-based ครับ

ใครรู้ปัญหา วิธีแก้ปัญหาอะไร มากกว่า อยู่ที่ไหน

ประเด็นที่น่าจะเหลวไหลที่สุด เท่าที่นึกออกคือ 

ปัญหาของโลก คนในโลกต้องแก้ไขเอง 

จากประโยคนี้

พอเห็นแนวทางการทำงานที่เป็นจริงไหมครับ 

หมายเลขบันทึก: 148051เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2007 04:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 12:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

กราบครับผม

ใคร คือ "เรา"   เราคือใคร

ใครเป็นเรา  เราเป็นใคร

อะไรทำเรา เราทำอะไร

อาจารย์เคยบอกว่า ทุกอย่างเี่กี่ยวกัน 

หากมีบางอย่างมีปัญหา แสดงว่าสิ่งอื่นก็ย่อมมีปัญหาด้วย แล้วแต่ว่าจะมากหรือน้อย...ว่าไปแล้วระเบิดลงตรงไหน อุกกาบาตตกลงใส่โลก แต่ละที่ก็โดนไฟไหม้แตกต่างกัน

เมื่อมีปัญหากระจายแล้วใครแก้ไข... หากมองว่าทุกอย่างเป็นเรา  เราในที่นี่....คือใคร ครับ

หากเรา คือ องค์รวม.... ก็ไม่มีการแบ่งแยกหรือเปล่าครับ อาจารย์เคยบอกว่า ทุกอย่างมีบูรณาการ....

การแก้ไปปัญหาก็คือ องค์รวม...คือเรา หรือเปล่า แต่คำว่าเรา ไม่ใช่ ฉัน ตัวฉัน ของฉันหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ อิๆๆ ตอบมั่วมากครับ เพราะว่าสมองไ่ม่ค่อยคมเลยครับ ช่วงนี้ 

 

 

เห็นกับความเห็นที่ว่าใช้ Area-based นำการวิเคราะห์ประเด็นปัญหา แต่ในการแก้ไข ผมว่าน่าจะเป็น problem-based เห็นด้วยมากๆเลยครับ

มันเหมือนต้องมีคนคอยบอกแผลแตกบนศีรษะให้อยู่นะ สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่แต่ไม่รู้ปัญหาและวิธีการจัดการปัญหา

อาจารย์เห็นด้วยไม๊

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับครูนง

ถ้าเราทำอย่างนี้เราจะลดความสับสนในการทำงานลงครับ

และไม่มีฝ่ายเขา ฝ่ายเรา คนใน คนนอก

มีแต่คนที่พยายามจะเข้าใจ และช่วยกันแก้ปัญหา

อย่างสอดคล้องกันครับ

ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของการทำจริงที่อาศัยข้อมูลที่มีอยู่ ศักยภาพที่มีอยู่

ผมปฏิเสธและรุกฆาตคนที่กล่าวหาลอยๆโดยไม่มีข้อมูลอ้างอิง บอกเพียงแต่ว่า "รู้มาว่า"  เป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบ

คำว่ารู้มาว่า และ ใช้คำพูดมากัดกร่อนกำลังใจ ผมรู้สึกไม่ค่อยดี  ปัญหาของโลก เป็นหน้าที่ของมนุษยชาติทั้งโลก

หลายคนมัวก่นด่าความอยุติธรรม ด่าไปเหอะ หลอดเสียงแตกใครจะได้ยิน ...พูดแล้วไม่ทำ จะมีค่าอะไร จริงมั้ยครับ

------------------------------------------------------------

ผมเชื่อมั่นในการ AI เพื่อให้กำลังใจคนทำงาน แต่ AI ของผมมีเหตุผล มีทิศทางใช่การยกยอ เพียงแต่เดินมาในมุมเดียวกันบ้าง เห็นในสิ่งที่เห็นร่วมกัน หรือ อาจต่างมุมก็ได้ แต่ขอให้มีเหตุผล สร้างสรรค์ ผมยอมรับได้ ...อันนี้ผมคิดเป็นเบื้องต้น

ปัญหาที่ปาย เป็นปัญหาของจังหวัด ประเทศ และโลก และแน่นอนว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน เราเหยียบอยู่บนโลกเดียวกัน ใช้ทรัพยากรร่วมกัน ...

มีปัญหา มีปัญหา ก็บอกว่า "บ้านผมตายแล้ว"  อันนี้ผมเคือง   มันจะตายได้ยังไง มันอาจป่วย แต่การพูดเพื่อให้คนป่วยได้มีวิธีการเยียวยาตนเองต่างหากที่ควรทำ ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆและละทิ้ง ไม่สนใจ

นั่น...เป็นเพียงบทสนทนาที่ผมส่งให้อาจารย์วิเคราะห์ครับผม เห็นแง่มุมที่ผมคิดอยู่รวมในนั้น ซึ่งผมคิดว่าทั้งหมดทั้งหมด เป็นการเริ่มต้นคิดเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

ผมทำคนเดียวไม่ได้..ต้องอาศัยทุกคนที่ใช้อากาศร่วมกันหายใจบนโลกที่กำลังร้อนใบนี้ เหมือนอาจารย์มาเยี่ยมผมที่ปาย เห็นปรากฏการณ์และมาให้คำแนะนำอันนั้น...ชอบด้วยการปฏิบัติของคนจริงครับ

ช่วยกันครับ...

สร้างสรรค์ผะหญา ปัญญา ให้กำลังใจกัน..

 

สรุปว่า

ไม่ต้องสนใจ

  • พวกที่ผีเจาะปากมาให้พูด

แต่สนใจคนที่เทวดา

  • ปั้นมือมาให้ทำงาน
  • ปั้นหัวสมองมาให้ช่วยกันคิด
  • ปั้นขามาให้เดิน
  • ปั้นบ่ามาให้ช่วยกันแบกหาม
  • และ ปั้นใจมาให้เป็นคนจริงๆ

ครับ

เข้าใจตรงกันครับ

ขอบคุณครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท