เป็นครั้งที่ 2 ของชีวิตที่มีโอกาสเข้าร่วมวงเสวนา QA-Forum ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 อาคารจามจุรี 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ศ.นพ.อดุลย์ วิริยเวชกุล ราชบัณฑิต เป็นประธาน
ความโชคดีอย่างที่ 1 ครั้งนี้ท่าน ผอ.สมศ. คือ ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ มาเล่าถึง (ใบ้) แนวทางของการประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่ 3 อุดมศึกษา มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เพื่อการเตรียมการในอีกสองสามปีข้างหน้า คือ
สรุปโดยส่วนตัวเพื่อการเตรียมความพร้อมรอบที่ 3 มมส.
ความโชคดีอย่างที่ 2 มีโอกาสได้คุยทักทายกับคุณตูน เจนจิต หลังจากเจอกันหลายครั้ง หลายที่ประชุม เฉียดไปเฉียดมา พร้อมแจกอีเมลให้ผม ประเด็นคือผมอย่าง ลปรร. ประสบการณ์ที่ มน. เคยนำเอาเครื่องมือธารปัญญามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพ จากผลประเมิน
กัมปนาท
19พย50สวัสดีครับพี่ขจิต
ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ไม่ว่าทั้งสายอาจารย์หรือบุคลากรสายสนับสนุนการเรียนการสอน ย่อมมีทักษะการสื่อสารภาษาที่สองครับ
ไม่งั้นแข่งเขาไม่ทันแน่ครับ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่อยู่ภูมิภาคครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับท่านอาจารย์จิตเจริญ
ได้ข่าวมานานแล้วว่าที่คณะสหเวชศาสตร์ มน. มีดีครับ
อ.จารุฉัตร คณะวิทยาศาสตร์ มมส. ก็ยืนยันมาแล้วอีกเสียงหนึ่ง ว่าดีจริงครับ
ผมก็ยืนยันอีกเสียงครับ
เรียนท่าน อ.แจ๊คและชาว อุดมศึกษา
ผมเป็น ผอ.โรงเรียน ขอแสดงความคิดเห็นและอยากให้เผยแพร่แนวคิดการประกันคุณภาพภายในที่เฉพาะเจาะจงในกระบวนการที่มีผลโดยตรงต่อคุณภาพของผู้เรียน นั่นคือการประกันการสอนของครู ครูทุกคนควรจะประกันคุณภาพการสอนของตนเอง เช่น ประกันปัจจัยพื้นฐานของครู การจัดทำแผนการสอน ออกแบบการสอน การสอน การสอบ ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายของหลักสูตรและส่งผลให้เด็กหรือผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขในการใช้ชีวิตและสุขในการเรียนรู้ โดยครูหรืออาจารย์ดำเนินการอย่างประกันคุณภาพ โดยใช้แนวทางประกันคุณภาพภายในเป็นเครื่องมือในการดำเนินการ ประกันคุณภาพการสอนของครู ทั้งปัจจัย กระบวนการ ผลผลิต ผลลัพธ์ ที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนของครูหรือคณาจารย์ ในส่วนผู้บริหารเน้นประกันการบริหารจัดการ เป็นต้น
การประกันดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการประกันคุณภาพภายในสถาบันทางการศึกษาผมเองก็จะผลักดันแนวคิดนี้เช่นกัน และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคุณภาพของผลผลิตจะดีอย่างแน่นอน
คุณภาพการศึกษาไม่ได้เกิดจากความบังเอิญแต่เกิดจากความพยายามทุ่มเทดำเนินการอย่างชาญฉลาด