พวกเราคงจะได้ยินได้ฟังเรื่องคำแนะนำให้คนไข้ความดันเลือดสูงลดเกลือมาแล้วไม่มากก็น้อย วันนี้มีข่าวดีว่า การลดเกลือลดเค็มลงหน่อย ให้ผลดีกับโรคความดันเลือดสูงมากกว่าที่คิดมาฝากครับ
อาจารย์ดอกเตอร์ยารัด โคจูริ, อาจารย์ดอกเตอร์ราฮิม ราฮิมิ และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยชีราซ อิหร่าน ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างคนไข้ความดันเลือดสูงที่มีความดันเพิ่มจากน้อยถึงปานกลาง (mild-to-moderate hypertension)
...
กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 60 คน อายุเฉลี่ย 49 ปี เป็นผู้ชายครึ่งหนึ่ง ผู้หญิงครึ่งหนึ่ง
ท่านแบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 20 คน การศึกษาทำโดยการวัดความดันเลือดทั้งกลางวัน และกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่งโมง ซึ่งคนไข้ต้องตวงปัสสาวะใส่ขวดส่งตรวจหาปริมาณเกลือตลอด 6 สัปดาห์
...
อาจารย์ท่านแนะนำให้ลดเกลือในอาหารแบบง่ายๆ 2 วิธีได้แก่
...
ผลการศึกษาปรากฏว่า กลุ่มที่ลดเกลือในอาหารให้น้อยลงมีความดันเลือดลดลงดังตาราง
ปริมาณเกลือที่กิน (กรัมต่อวัน) ความดันเลือดลดลง (%) 3-7 50% มากกว่า 7 25% ... กลุ่มที่กินเกลือปานกลางหรือ 3-7 กรัมต่อวัน ซึ่งกินเกลือน้อยลงประมาณ 1 ใน 3 หรือ 35% จากการตรวจหาปริมาณเกลือในปัสสาวะ มีความดันเลือดลดลงในช่วงกลางวัน 12.1/6.8 หน่วย (ความดันเลือดตัวบน / ตัวล่างตามลำดับ) ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ให้กินยา การศึกษานี้พบว่า กลุ่มที่กินเกลือปานกลางมีความดันช่วงกลางคืนต่ำกว่ากลางวันเล็กน้อย ... ความดันเลือดสูงเป็นโรคที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ส่วนน้อยมีอาการ เช่น ปวดหัวบริเวณท้ายทอย ฯลฯ โรคนี้ได้ชื่อว่า เป็นฆาตกรเงียบ... ถ้าไม่ตรวจเช็คและรักษาให้ดีแล้ว อวัยวะสำคัญคือ ไต ตา หัวใจ จะเสื่อมสภาพไปได้มาก โดยเฉพาะโรคไตเสื่อมสภาพ และไตวายนี่ น่ากลัวเป็นที่สุด เนื่องจากอาจต้องลงท้ายด้วยการฟอกไต หรือเปลี่ยนไต ... การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การลดเกลือมีส่วนลดความดันเลือดให้ต่ำลงได้ ทว่า... ถ้าจริงจังกันมากเกินไปจนกินอาหารประเภท "จืดชืด" ไปหมด ชีวิตอาจจะหมดรสชาด จนมีรายงานคนไข้ฆ่าตัวตายเพราะทนกินอาหารจืดชืดมาแล้วในช่วงปี 1950s (พ.ศ. 2493-2502) ทุกวันนี้เรามีวิธีกินอาหารแบบสบายๆ หน่อยเรียกว่า "อาหารแดช (DASH)" ซึ่งเน้นการกินอาหารแบบเค็มน้อยหน่อย ผักผลไม้มากหน่อย แถมนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันอีกนิด และขอธัญพืชแบบไม่ขัดสี เช่น เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ฯลฯ ... การกินอาหารแบบนี้มีรสมีชาด มีชีวิตชีวา ยิ่งถ้าได้ออกกำลัง-ออกแรงเป็นประจำ เริ่มจากการเดินเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนเดินได้วันละ 60 นาทีขึ้นไป ฝึกหายใจช้าๆ ไม่เกิน 10 นาทีต่อครั้งอีกวันละ 10 นาที และทำตามที่หมอแนะนำ อย่างนี้ผลการรักษาจะดีขึ้นมาก ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ ขอแนะนำ
ที่มา
ไม่มีความเห็น