ทำไมจึงมีคำกล่าว "ออมก่อน รวยกว่า" ?
สมมติว่า คนเรามีนิสัยใช้เงินเดือนเกือบหมด เหลืออยู่ระดับหนึ่ง ที่เป็นนิสัยเฉพาะตัว เช่น ใช้ 60 %, ใช้ 90 %, ใช้ 100 % หรือ ใช้ 110 % ของเงินเดือน
นิสัยนี้เป็นนิสัยติดตัว แก้ยาก
จากข้อสมมตินี้ ลองใช้คณิตศาสตร์พิสูจน์ไม่ยาก ว่าหากเขาเก็บไว้แล้วบริหารให้ดี ๆ จะเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ใครอ่อนเลข คงไม่รู้สึกสนุก เพราะตัวเลขลายตา
ผมลองสร้างภาพอธิบายปรากฎการณ์ โดยสามารถตัดทิ้งสมการทั้งหมดออกไปได้ จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
ดูภาพวาดนี้ครับ
แกนนอนเป็นอายุ
สีดำ+สีเหลือง เป็นรายได้
โซนสีดำ=ค่าใช้จ่ายของช่วงเวลานั้น ๆ
โซนสีเหลือง=เงินออมของช่วงเวลานั้น ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ช่วงแรก ๆ สีเหลืองจะมีนิดเดียว (ออมได้ไม่มากในวัยแรกแย้ม) ไปมากตรงปลาย ๆ (วัยแรกแง้ม)
ที่แต่ละค่าของอายุ ถ้าไปลงทุนด้วยฝีมือต่าง ๆ กัน แล้วรอจนถึงวัยเกษียณ ก็จะเห็นสีเหลืองโตสูงขึ้นกลายเป็นสีอื่น ๆ ช้างบน เช่น
เขียวอ่อน ฝีมือลงทุนไม่ดี เช่น ฝากเงินบวกพันธบัตร แค่เอาชนะเงินเฟ้อได้เฉียดฉิว
เขียวแก่ ฝีมือลงทุนหุ้นแบบอนุรักษ์นิยม บวก พันธบัตร เอาชนะเงินเฟ้อได้ระดับหนึ่ง
สีฟ้า ฝีมือลงทุนระดับมืออาชีพ
ส่วนที่มีสี ที่ไม่ใช่สีขาว-ดำ จะเป็นส่วนที่เก็บได้ แต่ไปตระหนักเอาตอนเกษียณ
ก็จะเห็นว่า ที่วัยต้น ๆ แม้มีเงินออมนิดเดียว แต่ส่วนที่เก็บนานมาก ๆ จะโตได้มากที่สุด ในขณะส่วนที่เพิ่งได้ก่อนเกษียณ ไม่มีเวลาโตเลย
เช่น คนอายุ 20 ปีเริ่มออม หากลงทุนชนะเงินเฟ้อเพียง 4 % ในเวลาทำงานประมาณ 40 ปี เงิน 1 บาท จะเพิ่มกำลังซื้อขึ้นเป็นประมาณ 5 บาท ในขณะที่ไปออมตอนอายุ 59 ปี กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.04 เท่า ต่างกันเห็น ๆ
ผลคือ ถ้าคิดแต่ตัวเงินออมตามวัยต่าง ๆ โดยฝากธนาคารเพื่อกันเงินเฟ้อ เราจะนึกถึงภาพสามเหลี่ยมชายธง ที่ต้นเรียวบาง ปลายหนาทึบ (ดูโซนสีเหลือง)
แต่ถ้าเอาการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อได้มาคิด เป็นไปได้ว่า เราจะได้รูปที่เป็นเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าทึบขนาดยาว (เหลืองบวกเขียวอ่อน หรืออาจเขียวแก่ หรือบวกฟ้า)
พื้นที่ใต้กราฟสะสม ก็คือสินทรัพย์นั่นเอง
เช่น ออมตั้งแต่อายุ 20 ปี จะเก็บได้เป็น 2 เท่าของการเริ่มออมที่อายุ 40 ปี ทั้ง ๆ ที่ดูเม็ดเงินแล้ว ที่อายุ 20 ปี อาจเป็นตัวเงินที่นิดเดียวในตอนนั้นจนเราอาจมองข้ามไป
นั่นคือ ออมก่อนควรจะรวยกว่า เพราะสินทรัพย์ จะแปรผันตรงกับเวลาที่ออม ทั้งที่ช่วงต้น จะออมได้น้อยกว่าช่วงปลายก็ตาม
พ่อแม่ที่ฉลาด มักลงทุนการศึกษาให้ลูกได้หัดทักษะดี ๆ ตั้งแต่วัยเด็กโดยไม่ต้องแยแสตามแห่ใคร ด้วยเหตุผลคล้ายกัน คือ รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ จะงอกงามเติบใหญ่ ล้วนต้องการการฟูมฟักด้วย "เวลา"
ไม่ว่าจะเป็น ทักษะดนตรี ทักษะกีฬา หรือทักษะอื่นใด ที่ไม่ขึ้นกับวัย
หรือการปลูกป่า ก็เช่นกัน "เวลา สำคัญกว่าปุ๋ย"
สำหรับการลงทุนที่ดี เวลา มีความสำคัญยิ่งกว่าเงินเสียอีก
สวัสดีครับคุณ Mitochondria
ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul...
จำไม่ได้ว่า หนังสือเล่มนี้ หรือหนังสือของตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า "การออมเป็น game of time" , "การลงทุนเป็น game of timing"
คุณหมอ นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์