beyond matrix


เพราะพื้นนี้เป็น matrix พอเราปฏิบัติธรรมมากๆ ตัวเราก็จะลอยขึ้น กฎแห่งกรรมก็จะวิ่งรอดใต้เท้าเราไป

การได้ไปร่วมงานจิบน้ำชาที่ ดร.วรภัทร์ จัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ ๑๑ แล้ว 
ทำให้อดไม่ได้ที่จะหยิบปากกาขึ้นมาจดที่อาจารย์วรภัทร์ ยกขึ้นมาเล่าให้ผู้ฟังได้คิดทบทวนตัวเอง


บันทึกจากงาน "จิบน้ำชาครั้งที่ ๑๑ "
แนวสุนทรียสนทนา  หัวข้อ "ไพ่ใบนั้นที่คุณทิ้งไป"
โดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ
วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เวลา ๙.๐๐-๑๒.๐๐ น.
ณ โรงแรมโฟร์วิงส์  สุขุมวิท ๒๖

 

เริ่มด้วย 
"เรามุ่งไปทางวัตถุนิยมเปรียบเหมือนต่างมุ่งไปในเส้นทางเดียวกัน  รถติดก็ยังมุ่งเบียดกันไป  ไม่ค่อยมีใครไปทางนิพพาน  ยูเทิร์นสิทางออกโล่ง  ไม่ค่อยมีใครอยากยูเทิร์น  มีเหลือกันอยู่แค่ในห้องนี้ (ฮา)

มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเราถูกหลอกอยู่หลายเรื่อง เช่น คนเราต้องกินมื้อเย็น  เพราะแม่ช่างกินก็กลัวลูกจะหิว  อาจารย์ไม่กินมื้อเย็น  แต่บางทีก็กิน เป็นเพื่อนภรรยา  หรือ การกินเจแบบสุดโต่งชนิดที่คนเดือดร้อนกันไปหมด  ยึดเกิน
คนเรายึดเกินไปในหลายเรื่อง

ตั้งแต่เกิดมาเจอเรื่องร้ายๆ เยอะ  ฝืนได้ไหม  ได้นะ  มาถึงห้องนี้กันแล้วชีวิตไม่น่าไปตามดวงแล้วนะ   ถ้ายังปล่อยไปตามดวง  แสดงว่าสอนแย่มาก  ผมผิดเอง  (ฮา) 
ถ้าไปดูหมอแล้วหมอดูเิริ่มไม่แม่น  แสดงว่ากำลังสติเราเยี่ยมมาก
ทำไมจึงไม่แม่น


เพราะพื้นนี้เป็น matrix  พอเราปฏิบัติธรรมมากๆ   ตัวเราก็จะลอยขึ้น  กฎแห่งกรรมก็จะวิ่งรอดใต้เท้าเราไป  เพราะฉะนั้นอย่าไปเกลียดเรื่องชั่วๆ  อย่าไปหลงในเรื่องดีๆ  มันคือครูที่สอนให้เราสะสมกำลังสติ  เป็นแบบฝึกจิต  ให้เข้ามาให้หมด  จะได้จากวัฎฎะไปอย่างไม่มีหนี้มีสิน
ข่าวดีนะ  เวลาเราปฏิบัติธรรมนะ  เรื่องร้ายๆ จะเ้ข้ามาเป็นชุดเลย  (ฮา)
แต่มาแบบน่ารักนะ  มันจะมาเป็นก้อน  ถ้าเราไม่ปฏิบัติธรรมมันจะโดนตรงๆ
แต่ในขณะที่ปฏิบัติธรรม  เราจะลอยๆ  มันจะวิ่งชนเราแบบเฉียดๆ  โดนแต่ไม่จัง
อย่าไปโกรธนะ   ถ้าเราไปโกรธ แค้น  มันจะเจอเรื่องเดิมไปเป็นแสนๆ ชาติ
มาชาตินี้ขอให้อย่า "อิน"  แบบฝึกหัดแบบนี้เล่นงานเราไม่ได้แล้ว
ขอยูเทิีร์นนะ  ให้มีสติกำกับตลอดเวลา

ใครไม่เคยมา  โห  เยอะมากเลย 
พวกที่มาแล้ว  มาทำไมเนี่ย  ของเก่าฝึกเสร็จแล้วยัง (ฮา)
ขอทวนสำหรับคนมาใหม่นะ 
จะนิพพานนี้  ก่อนอื่นต้องแยก "จิต" ออกจาก "ความคิด" ออกจากกันให้ได้

เห็นเชือกรอบหมวกผมไหม  มีกี่เส้น  ถ้าดูไกลๆ จะเห็นเส้นเดียว
แต่ถ้าจะดูใกล้ๆ จะเห็นหลายเส้น
ความคิดกับจิตของเราตอนนี้ เราใช้จนรวมเป็นเส้นเดียวกันหมดแล้ว
หน้าที่ของเราคือ  มองให้เห็นก่อนว่ามันเป็น สามเส้น
จิต ความคิด สติ
พอปฏิบัติธรรม  ก็ค่อยแกะออก  ดีดออกจากกัน  สุดท้ายจะมีเชือกไปทำไม
 เวลาคิดไปเรื่อยๆ  จิตกับความคิดจะไปด้วยกัน  จิตจะเกาะอยู่กับความคิด
แรกคือ จิตเกิด  ไปมีอิทธิพลกับความคิด
สอง ความคิดเกิด  ไปทำให้จิตกระเพื่อม
มองทันไหม 


ใครกลัวที่สูงมั่ง  เชิญครับ
สมมุติตรงนีั้้เป็นหน้าผา 
ภาพโดนตา  เกิดเวทนา เป็นทุกข์
ภาพเกี่ยวกับความสูงปรากฏ  จิตเกิด  ควาิมคิดเกิด
จินตนาการ ผีผลักมั่ง  วาดภาพว่าุ้ถ้าตกไปเป็นอย่างไร
ดูจิตให้ทัน  ดูจากร่างกายก่อนก็ได้
ครูบาอาจารย์สอนให้ดูลมหายใจ  ลองดูการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ดูไปตะพึดตะพือ
พอเราวิตกกังวล  ลมหายใจเปลี่ยน
เริ่มมีสติ  รู้ว่าจิตเกิดหนอ  ความคิดเกิดหนอ  ก็เป็นคะแนนสติสะสม
เก็บคะแนนสติสะสมมากๆ  เต็มเมื่อไรก็เบิกโสดาบัน

ช่วงแรกจิตปกติ  ความคิดปกติ
แต่พอขอเชิญออกมาพูดหน้าห้อง
มันจะมีความคิดแรก  มุ่งไปกระทบจิต
จิตเกิดแล้ว  ก็ไปจัดการกับความคิดอื่นๆ ที่ตามมา กระทบกันต่อไปเรื่อยๆ
ความคิดที่เกิดหลังจากจิตเกิดแล้ว  เป็นความคิดที่ไว้ใจไม่ได้นะ
เรามือใหม่  ดู phase หลังก่อน  ให้เห็นว่าความคิดมันกำลังปรุงแต่ง
เก่งแล้วค่อยมาดู phase แรก  คือ ตรงที่จิตถูกกระทบ"

(มีต่อตอนที่ ๒)

หมายเลขบันทึก: 145458เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2007 12:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับคุณ orange alright

วันนั้นผมก็ไปครับ

ช่วงเช้าจิบกาแฟ นึกได้ว่างานนี้เป็นงานจิบน้ำชา ช่วงบ่ายเลยเปลี่ยนเป็นชา อิอิ

ขอทบทวนจากบันทึกนี้อีกรอบนะครับ

สวัสดีค่ะคุณข้ามสีทันดร 
วันนั้นนอกจากได้อาหารอร่อยแล้ว
ยังได้รสธรรมอันจัดจ้านอีกด้วย (ชัดเจนตรงประเด็น) 
ยินดีเป็นสหายธรรมเพื่อมา ลปรร. กัน
แนะนำกันได้นะคะ 
เพิ่งเคยไปจิบน้ำชาฯ เป็นครั้งแรก
มือใหม่ยินดีรับฟังค่ะ

สวัสดีครับ ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ เรื่องของการปฏิบัติธรรมหรือการพัฒนาจิต ผมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็นมากนะครับ เพราะเป็นเรือ่งของคนทุกๆคน ทุกวัย และทุกอาชีพ  ผมเองตอนนีก็พยายามรักษาดูแลจิตของตัวเองครับ ระมัดระวังอย่าพยายามให้จิตเกิด  แต่ "จิต" มันมีความเร็วมากครับ ชั่วแว้บดียว ไปซะแล้ว สติ ตามไม่ทันครับ เพราะบางครั้ง สติก็มีกำลังไม่เพียงพอ  ตอนนี้ผมขอแลกเปลี่ยนบางประการเกี่ยวกับการควบคุมจิตครับ  คือ ผมพยายามตรวจสอบความคิดของตนเองอยู่เสมอ ว่า คิดด้วยจิต หรือ คิดด้วยสติ (บางทีก็ตรวจสอบทัน บางทีก็ตรวจสอบไม่ทัน) ถ้าตรวจสอบทัน ว่าเราคิดด้วยจิต ผมจะไม่แสดงออกครับ ทั้งคำพูดและการกระทำ หลังจากนั้นต้องหาวิธีหยุดคิดครับ ซึ่งก็มีหลายวิธี ทั้งเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนมุมมอง คิดเรื่องใหม่ สรุปความคิด ใช้ลมหายใจสยบ   ใช้ปัญญาขุด  ก็ได้ผลบ้างพอสมควรครับ อีกเรื่องหนึ่งครับ ในเรื่องของการจัดการเรียนการสอน ผมตั้งหลักคิดของผมเอาไว้ว่า "ไม่มีใครโง่  ไม่มีใครอยากเกเร"  ที่นี้ ถ้าเด็กทำอะไรให้เราไม่พอใจ จิตเราจะเกิด ถ้าตัดวงจรของจิตไม่ทัน ก็อาจจะต้องมีการแสดงอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมาทั้งคำพูดและการกระทำ เราก็ต้องรีบเอาหลักคิดนี้มาตัดวงจรการคิดของจิตครับ....เหล่านี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวครับ  ถามว่าทุกวันนี้ควบคุมจิตได้กี่เปอร์เซ็นต์  ก็ไม่ถึง 50 เปอรเซ็นต์หรอกครับ เพราะหลายเรื่อง  จิตมันว่องไวกว่าสติ ครับ

เห็นด้วยกับท่านผู้อำนวยการค่ะ  
ขอบพระคุณที่ให้แง่คิดดีๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท