ผมเคยรู้จักหน่วยงานของราชการหลายแห่ง ที่น่าทำงาน ด้วยบรรยากาศในการทำงาน เป็นใจให้คนร่วมกันพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพขององค์กรในภาพรวม ความตั้งใจในการทำงาน ความร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน การมีเป้าหมายร่วมกัน แล้วช่วยเหลือซึ่งกันและกัน....สิ่งเหล่านี้เป็นสวรรค์บนดิน ด้วยความที่เราใช้เวลาในที่ทำงาน อาจจะมากกว่าเวลาที่เราต้องอยู่บ้านด้วยซ้ำ ดังนั้น การมีบรรยากาศในที่ทำงาน ที่เอื้อต่อการทำงาน และมีความสุขที่จะได้ทำงานอยู่ที่ทำงาน ก็ไม่ต่างจากการอยู่บนสวรรค์สักเท่าไร
ผมเคยบอกหลายคนว่า ดูง่ายๆ ว่าองค์กรน่าอยู่หรือไม่ คือดูจากคนทำงาน หากมืดค่ำ ดึกดื่น หรือในวันหยุด เรายังพบคนมาทำงาน โดยไม่หวัง OT ล่ะก็ ให้นึกได้เลยว่า องค์กรนั้นน่าทำงานด้วย เพราะคนมีความสุขที่จะได้มาทำงาน แต่หากองค์กรใด ที่พอใกล้เลิกเวลางานแล้วคนก็เริ่มเก็บข้าวของ รีบกลับบ้าน วันหยุดหากไม่มีธุระจำเป็นก็ไม่อยากโผล่หน้ามาที่ทำงานแล้วล่ะก้อ.....ที่นั่นไม่น่าทำงานด้วยหรอกครับ
ผมกำลังจะเล่าถึงหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ที่อดีตเคยเป็นสวรรค์สำหรับคนทำงาน พวกเราทำงานด้วยกัน ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกัน เป้าหมายของหน่วยงาน ได้จากการระดมความคิดเห็นร่วมกัน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน ทำงานกันเป็นทีม ช่วยกันอย่างเต็มกำลัง ในการขับเคลื่อนหน่วยงานไปอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเราไม่เคยเบิก OT กัน แม้จะต้องทำงานกันดึกดื่น หรือมาทำงานต่อในวันหยุด ซึ่งมีบ่อยมากที่วันหยุด พวกเรามาเจอกันพร้อมหน้า โดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็มีความสุขในการทำงานร่วมกัน.....สิ่งที่เป็นการันตีความน่าอยู่ของหน่วยงานนี้ ก็คือ ความทรงจำที่ดีของคนในที่ทำงานด้วยกัน ที่คงไม่ลืมช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทำงานด้วยความสุข และโล่ประกาศเกียรติคุณว่าเป็นหน่วยงานดีเด่น 2 ปี ซ้อน เป็นหน่วยงานตัวอย่างที่หลายๆคน ที่ได้พบเห็น คงอยากจะมาทำงานด้วย.....แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้วครับ.....สิ่งที่ผมเล่าให้ฟังนั้น ได้ผ่านไปแล้ว.....เราคงย้อนเอากลับมาไม่ได้ ได้แต่ประทับไว้ในความทรงจำตลอดไป....ปัจจุบันที่นั่น เป็นนรกบนดิน.....ด้วยสิ่งที่ปรากฎ ไม่มีวี่แววของความร่วมแรงร่วมใจทำงานเป็นทีมเช่นเดิม ต่างคนต่างทำ หากไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องทำ ทุกคนรับผิดชอบเฉพาะหน้าที่ที่ควรต้องทำ ......ก็เพียงเท่านั้น......ส่วนความก้าวหน้า เป็นเรื่องที่ไม่ต้องไปพูดถึง หากคุณไม่ใช่เด็กของเขา......
การเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนเข้ามาเป็นหัวหน้าหน่วยงาน สร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายภายใน ทำลายความกลมเกลียว สามัคคี และบรรยากาศในการทำงานโดยสิ้นเชิง ด้วยการเน้นการทำงานที่ลูกน้องต้องเอาใจหัวหน้า ทำตามที่หัวหน้าสั่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะขัดแย้งกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ ใครจะคุยอะไรกันมา ไม่สนใจ เมื่อหัวหน้าไม่เห็นด้วย เป็นอันว่าทำไม่ได้ การปฎิบัติงานที่เคยมีอิสระในการคิด การทำ กลับกลายเป็นว่า ทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบ ถ้าไม่เห็นชอบก็ไม่ได้ทำ
การโปรโมท คนของตัวเอง ให้ได้สองขั้น หรือขั้นครึ่ง ทุกปี โดยไม่ได้มองจากผลงานที่เป็นจริง ช่วยบั่นทอนกำลังใจและความตั้งใจทำงานของคนส่วนใหญ่ลงไปได้อย่างมาก ความรุ้สึกทุ่มเท ในการทำงาน หมดสิ้นไป พวกเขาเหล่านั้น กำลังถูกทำลายจิตวิญญาณ แห่งการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคนที่ตั้งใจทำงาน แล้วไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และถูกเอาเปรียบ ริดรอน สิทธิ์ เสรีภาพ หรือแม้กระทั่งสิทธิ์ที่พึงได้จากการเลื่อนขั้นปกติในระบบราชการ แล้วเอาไปให้คนของตัวเอง ที่ทำงานวิจัยให้ตัวเอง โดยมีส่วนร่วมในงานประจำของหน่วยงานน้อยลง และทำอย่างนี้ให้เห็นบ่อยๆ
การพูดจากับคนในหน่วย สองคน ไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างคนในหน่วยงาน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จนเมื่อสองคนได้มาคุยกัน ถึงรู้เรื่องว่า ได้รับข้อมูลมาไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติในที่ทำงานแห่งนี้.......
ถ้าจะให้ผมพูด ยังมีได้อีกเยอะ .........เรากำลังมอง งูที่กำลังกินกบอยู่ในบึงน้ำแห่งหนึ่ง โดยได้แต่ยืนดู ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ก็ได้แต่ยืนดู เห็นกับตา แต่ก็ไม่ได้แสดงทีว่าอันใดในการแก้ไข อาจด้วยเกรงว่า ถ้าไปยุ่งกับงู อาจถูกงูฉกทำร้ายได้ ปล่อยให้งูกินกบได้ตามความพอใจ หรืออาจจะคิดว่า กบ ยังไง ก็ต้องเกิดมาเป็นอาหารของงู ก็ปล่อยให้งูกินไปเถิดตามเวรตามกรรมที่สร้างสมกันมาแต่ชาติปางก่อน.....
ผมได้แต่เสียดาย สวรรค์ในที่ทำงาน.....ที่ปัจจุบันกลายเป็นนรก....แล้วยังไม่รู้ว่าจะเป็นนรกอย่างนี้ ไปอีกนานเพียงใด......ใครรู้บ้าง....ช่วยตอบที
อ่านแล้วได้แต่เศร้าใจนะพี่ไมโตที่รัก รู้สึกหดหู่และน่าเสียดายกับสวรรค์แห่งนั้น แล้วก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราเข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้น เราจะเป็นยังงัยนะ เราจะเป็น กบอ้วนๆที่รอดจากพญางูไดไม๊ล่ะเนี๋ย (สงสัยจะรอดยาก เพราะตัวใหญ่ อุ้ยอ้าย กระโดดหนีไม่ทันค่ะ)
กบอ้วนอย่างหนูก็ได้แต่ให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆนะค่ะ สู้ สู้ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณไมโต....
สบายดีนะคะ
พ่อหมูอ้วนเพื่อนรักของฉัน
....ฉันจะคอยให้กำลังใจคนในที่ทำงานนั้นเสมอ....เพื่อนรัก.
หนู moi
ครูอ้อย
คุณ naree suwan
แม่แมงมุมเพื่อนรัก
อ่านข้อความที่พี่ mito เขียนแล้วรู้สึกเห็นใจพี่และผู้ร่วมงานอีกหลายๆๆคนที่มีจิตวิญญาณในการทำงานที่ดี แต่กลับต้องมาเจอกับงูร่วมงานแย่ๆๆแบบนั้น ก้อขอเป็นกำลังใจให้พี่ยืนหยัด ต่อสู้กับอำนาจแห่งอยุติธรรมให้ได้ ด้วยพลังแห่งความดี และพลังจิตวิญญาณของข้าราชการไทยผู้หนึ่งที่ได้ทำประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เรารักมาเป็นเวลานาน สักวันนึงสวรรค์คงประทานพรให้เรา และทำลายอำนาจมนต์ดำ ที่ทำลายขวัญและกำลังใจของคนดีๆๆเป็นแน่ เฮ้ย!! ในโลกนี้แม้ยังคงเหลือความยุติธรรมอยู่บ้าง แต่มันก้อน้อยมากๆๆ ที่คำๆๆนี้ จะถูกหยิบยื่นให้กับคนที่ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม ก้อขอเป็นกำลังใจให้พี่ mito ฝ่าฟันคลื่นก้อนโต้โตก้อนนี้ให้ได้นะคะ
สวัสดีดีครับพี่ไมโตะคุง
บ่นมาไกลเลยนะครับ
ผมยังเชื่อเสมอว่า เราสามารถเลือกได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกนาย เลือกงาน หรือเลือกอะไรก็ตามแต่ครับ ถ้าเราเข้มแข็งซะอย่าง สามัคคีกันให้มากกว่านี้อีกนิด เราชนะครับ
ชนะของผมมี 2 นัยยะนะครับ
อันแรกคือ เราเลือกนายได้ เราชนะ เรามีความสุข
อันที่ 2 คือ เราเลือกสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ แต่เราอยู่ได้ด้วยการทำงานของเราไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังไม่มีใครมารังแกเรา หรือเขาไม่มารังแกเรา แล้วก็รอเวลาอาทิตย์ตกดินอีกรอบ แบบนี้เรียกว่าชนะอยู่ที่ใจครับ ฮา
เอ๊ะ นี่ผมสอนสังฆราชรึเปล่าน๊า
น้องโซดาไฟ
หมอแป๊ะครับ
อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกจริงๆค่ะ น่าเห็นใจคนที่ยังคงต้องทนอยู่กับสภาพเช่นนั้นจริงๆ และเชื่อว่าน่าจะมีหน่วยงานอีกมากมายที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันนี้นะคะ อย่างที่ว่านั่นแหละว่า ไม่งั้นเมืองไทยคงเจริญกว่านี้เยอะเลย คนดีๆที่ทำงานอย่างไม่หวังผลตอบแทนเกินเหตุก็คงมีกำลังใจ ได้ทำงานมีประโยชน์เยอะแยะกันไปแล้ว
พี่โอ๋เชื่ออยู่อย่างว่า กฏแห่งกรรมมีจริงค่ะ ถ้าเราไม่อยากให้ความรู้สึกว่าราตรีนี้ยาวนานนัก สิ่งที่จะทำได้ก็คือ ทำใจให้เรียนรู้กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มั่นคงในจุดยืนของตัวเราเอง เห็นแล้วว่ามีคนทำได้ค่ะ ชื่นชมอยู่ คนบางคนทำบุญมาเยอะจริงๆแหละค่ะ เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า สิ่งที่ตัวเองทำก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องแผ่เมตตาให้เขาเยอะๆนะคะ จะได้เพิ่มบุญให้เรา อย่าไปให้สิ่งที่เขาทำมาเผาผลาญจิตใจเราได้ (พูดง่ายแต่ทำยากมากๆๆๆๆค่ะ พี่โอ๋เข้าใจและเห็นใจจริงๆ)
พี่โอ๋
ตอนนี้คุณ Mitochondria เธอกำลังอยู่ที่แดนปลาดิบ ปฏิบัติภารกิจในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ค่ะ คิดถึงอยู่เหมือนกันเพราะปกติอยู่ที่โน่นจะได้ข่าวคราวของเธอผ่านบล็อกบ่อยกว่าตอนอยู่เมืองไทยที่ได้เห็นหน้าเห็นตากันบ้าง แต่มาครั้งนี้หายไปนานเชียว มีแว้บๆบ้างน้อยครั้งมาก มาช่วยหยอดว่าคิดถึงไว้ตรงนี้ด้วยคนค่ะ คุณอร
เคยเจอยิ่งกว่านี้..ละตำแหน่งจากเมืองนอก (สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย)จะกลับไปอยู่เมืองไทย (สอนในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน) เงินเดือนไม่ต้องพูดทำงานไม่เคยเห็นเงิน..ท่านเห็นว่าคงจะเกินหน้าหรือขยันเกินไปบอกกันว่าไม่ผ่านมติกรรมการทั้งๆที่กพ.พิจารณาขั้น
เงินเดือนจากระดับ๔เป็นระดับ๑๑(ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ)เพราะสอนอยู่ต่างประเทศหลายปีดีดัก...เลยต้องคิดเอาเองว่าบ้านเมืองนี้ การเมืองนี้ (เมืองไทย) ฟอนเฟะอย่างนี้แล้วจะเป็นอย่างไร.....
เห็นด้วยว่าคนที่มาเป็นผู้บริหารมีส่วนสำคัญมากมากที่จะทำให้ที่ทำงานกลายเป็นสวรรค์หรือนรกนะคะ
หายไปนานมากๆๆ คิดถึงๆๆๆ
เย้พี่ไมโตมาอีกแล้ว สบายดีไหมครับ คนใกล้ตัวเป็นอย่างไรบ้างครับ