สังคมแห่งสติ (Mindfulness Society)


นับเวลาล่วงผ่านมาหลายสิบปีที่สังคมแห่งโลกใบนี้เดินเข้าสู่ "ยุคแห่งความรู้ที่กำลังระเบิด (Knowledge Explosion)" ทั้งวิทยาการด้านการศึกษา สังคม การเมือง ที่ออกมาในรูปของสื่อสิ่งพิมพ์ ภาษา วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสื่อดิจิตอล ซึ่งอยู่ในรูปแบบของเครือข่ายโยงใยกันทั่วโลกหรือที่เรียกว่า อินเทอร์เนท (Internet)


ความรู้ที่ระเบิดออกมาสู่สังคมนั้น เปิดเผย กว้างขวาง มหาศาลกว่าสิ่งใด คนใด หรือประเทศใด หรือแม้กระทั่งโลกใดจะหยุดยั้งไว้ได้


ในอดีตถ้าคนหนึ่งคนต้องการจะอ่านนิตยสารที่ดีสักเล่มหนึ่งของต่างประเทศ ต้องลงทุน ลงแรง ลงเงินเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งนิตยสารที่อัดแน่นด้วยความรู้จากต่างประเทศนั้น


ซึ่งแตกต่างกับในปัจจุบัน ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนโลกของไซเบอร์ ทำให้ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ทุก ๆ มุม ทุก ๆ ที่ กลายเป็นที่จุดระเบิดแห่งความรู้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด อย่าว่าแต่นิตยสารเพียงเล่มเดียวเลย แม้แต่จะฟังการบรรยายสด ๆ จากมุมโลกใดก็มิใช่เรื่องยากเกินไขว่คว้า


แต่ทว่า ความรู้ที่ระเบิดออกมาอย่างมากมายนั้น กลับเดินสวนทางกลับปัญหาของสังคมที่มากขึ้นอย่างมากมายทวีคูณ ทั้ง ๆ ที่ความรู้ที่ระเบิดออกมามีที่ดีมากกว่าที่เสีย

 

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น....?

ความรู้ที่ระเบิดออก เปรียบเสมือนดาบที่มีทั้งสองคม ดีและไม่ดี
ความรู้ที่ระเบิดออก เดินรุดหน้าก้าวข้ามสติของคนรับความรู้
ถ้าผู้คน ใช้ความรู้ที่ดีเป็นในทางดี “ดียิ่ง
ถ้าผู้คน ใช้ความรู้ที่ไม่ดีเป็นในทางไม่ดี “แย่ยิ่ง”
ถ้าผู้คน ใช้ความรู้ที่ดีไปในทางไม่ดี “แย่ที่สุด”
แต่ถ้าผู้คน ไม่รู้จะใช้ความรู้ที่ดีและไม่ดีไปในทางใด “แย่ยิ่งกว่า”

 

“รู้” พอ “สติ” มิพอ

 ทุก ๆ ครั้งที่ตัดสินใจ “ผิด” หากย้อนกลับมาทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นคนส่วนใหญ่จะพบว่า “เรารู้นี่ ว่าควรจะทำอย่างไร” แต่ตอนนั้น คิดไม่ทัน ยั้งไม่อยู่
 อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เชื่อได้ว่าทุกคนมีความรู้ว่าจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร แต่ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไรนั้นวัดกันที่ “สติ”

สติ เป็นตัวป้องกันการเกิด
สติ เป็นตัวบรรเทาการเกิด
สติ เป็นตัวลดความรุนแรงแห่งการเกิด
สติรู้ รู้สติ “มีสติ” ณ เสี้ยววินาทีนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น...

 

มีสติ...

สังคมปัจจุบัน คนเก่งมีมาก บัณฑิตมีเยอะ มหาบัณฑิตมีมากมาย ดุษฎีบัณฑิตมีมหาศาล และโดยหลากหลายคนมีความรู้เรื่องสติในระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต แต่ขาดสติ ณ เสี้ยววินาทีที่ กาย วาจา ใจ มีอารมณ์ต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ มากระทบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยฝึกเรื่องสติ หลากหลายครั้งมีคนเคยถามว่า ทำไมคนเข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล ปฏิบัติธรรม กลับมาบ้านแล้วยังโกรธ เกรี้ยวกราด อาฆาต พยาบาท อิจฉา ริษยา ไม่ลดลง แถมบางครั้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิม 

คำตอบก็ด้วยเหตุปัจจัยว่า “มีความรู้เรื่องสติ แต่มิมีสติ”

 

ความรู้เรื่องสติระเบิดออกมามิใช่น้อย

คนเรียนรู้เรื่องสติ แต่ไม่มีสติ คนนี้มีปัญหามากกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องสติเลยเสียอีก
ด้วยเหตุเพราะว่า จะเกิดปัญหาการถกเถียงกันเรื่องของ “ใครรู้เรื่องสติมากกว่าใคร” ใครเก่งเรื่องสติมากกว่าใคร ยิ่งกว่าคนที่ไม่มีความรู้เรื่องสตินี้เสียอีก  
บางคนเถียงกันว่า ฉันปฏิบัติถึงขั้นโน้น บางคนเถียงกันว่า ฉันปฏิบัติถึงขั้นนี้ บางคนเถียงกันว่า ฉันจบปริญญาด้านสติปริญญาโน้น ฉันจบปริญญาด้านจิตปริญญานี้ เพียงหากคิดว่าจะเถียงกันเรื่องนี้ก็ถือได้ว่า “สอบตกเรื่องสติแล้ว”....

 

สังคมแห่งสติ (Mindfulness Society)

ในจิตเดิมของทุก ๆ คน อาตมาเชื่อว่า จิตเดิมของทุก ๆ คนนั้น “ประภัสสร” ใส สะอาด บริสุทธิ์ และหมดความสิ้นสุดแห่งการเห็นแก่ตัว 

ในหัวสมองของทุก ๆ คน อาตมาก็เชื่อว่า มีความรู้ด้านดี มากกว่าด้านเสีย มีความฉลาด สามารถ ประสิทธิภาพอย่างอเนกอนันต์

ในประสบการณ์ทั้งในด้านสังคม อารมณ์ การดำเนินชีวิต แต่ละคนมีความเจนจัด รู้ครอบรอบด้านอยู่ในตัวทุกผู้ทุกคน

และอาตมาก็เชื่ออีกว่า เมื่อคนทุกคนในโลกมีปัญหา มีเหตุการณ์คับขัน เกิดสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือเมื่อถึงกาลเวลาที่ตัดสินใจ “ทุกคนมีความรู้” ที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นไปในทางดีด้วยกันทุก ๆ คน

แต่ในเวลานั้น ณ เสี้ยววินาทีนั้น ใครจะมีสติ...นั่นคือโจทย์  

 

สังคมแห่งสติ (Mindfulness Society) จึงเป็นสังคมอันสวยงามในอุดมคติ ที่ท้าทายผู้มีสติ ซึ่งแน่นอนเขาเหล่านั้นคือผู้มีปัญญา ให้เข้ามาสร้างเสริม ส่งเสริม พลิกฟื้น ฟื้นฟู จูงใจ ชี้นำ หรือด้วยวิธีการใด ๆ ก็ได้ ซึ่งแน่นอนเขาเหล่านั้นมีปัญญา มีทุน มีปัจจัย มีสิ่งอาศัยเกื้อหนุนมากกว่าอาตมาหลากหลายเท่าให้เข้ามาทำงานเพื่อสังคมแห่งนี้


สร้างสังคมแห่งนี้ให้เป็น “สังคมสติ” สังคมที่ทุก ๆ คนในสังคม “มีสติ” ซึ่งสังคมที่ทุก ๆ คนมีสติ จะเป็นสังคมที่มีแต่ความสงบสุขในทุกอณูแห่งลมหายใจ...

หมายเลขบันทึก: 145044เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2007 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

กราบ นมัสการท่านอาจารย์ที่เคารพ

ตอนนี้ ผมกำลังฝึกจิตใจของตนให้ เป็น รู้ อยู่ อย่างเท่าทันหรือมีสติ และจะนำคำแนะนำที่ดีของอาจารย์นำไปใช้ ตอนนี้ รู้สึกว่า เบา และสบายมากกว่าแต่ก่อน คงต้อง ขัดสีฉวีดวงใจกันต่อไปครับ

กราบนมัสการเจ้าค่ะ

โดยปัจจุบันขณะจะพยายามฝึกให้มีสติ  ก็คือมีสติรู้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์อะไร  และณเสี้ยวเวลานั้นมีสิ่งเร้าภายนอกมากระทบทำให้อารมณ์เปลี่ยนซึ่งสิ่งเร้าที่ว่านั้นมาจากคนในสังคมและชุมชนเป็นผู้สร้างขึ้นแต่ไม่คิดว่าได้สร้างสิ่งนั้น(ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของฟืนของขยะ เศษใบไม้)เป็นที่รบกวนเพื่อนบ้าน  จึงเป็นปัญหาว่าจะฝึกสติให้รู้สึกว่าไม่มีควันไม่ได้  เพราะควันมีจริงๆ  เหม็นจริงๆ  ดังนั้นอารมณ์จึงหงุดหงิด  หายใจก็ไม่เต็มปอด  โดยเฉพาะฝึกอานาปานสติไม่ได้เลย  ทำให้สติ  สมาธิเสื่อมมาก  มาก  สังคมที่ว่านี้ภายในหมู่บ้านดิฉันเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท