เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ ผมได้สอบประมวลความรู้ตามหลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขายุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ผมศึกษาเป็นปีที่ ๒ ว่ากันว่า การสอบประมวลความรู้นั้น เสมือนหนึ่งการสอบไล่ประจำปีก่อนสำเร็จการศึกษา มีทั้งหมด ๓ วิชา คือ ทฤษฎีการพัฒนา,การวิจัยยุทธศาสตร์ และการวางแผนยุทธศาสตร์ เป็นข้อสอบอัตนัย มีความลุ่มลึกตามหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาโท เพื่อนๆ ผม ๒๐ คน ดูเหมือนจะตื่นเต้น และตระหนกกันมาก สำหรับผมเฉยๆ ด้วยเคยผ่านการสอบลักษณะนี้มาแล้ว สมัยเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อปี ๒๕๓๙-๒๕๔๐ มรภ.พิบูลสงคราม ประกาศผลสอบเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ ผมสอบผ่านทั้ง ๓ วิชา มี ๑ วิชาคือ ทฤษฎีการพัฒนา ที่ต้องสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติม ก็วันนี้ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐) ผมสอบสัมภาษณ์แล้ว ความน่าจะเป็นก็น่าจะผ่าน ส่วนเพื่อนผมซิ มีผ่านเหมือนผมแค่ ๑ คน นอกนั้น สอบครั้งที่ ๒ ๑ วิชาบ้าง ๒ วิชาบ้าง และ ๓ วิชาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะตามหลักสูตรให้สอบถึง ๓ ครั้ง ส่วนสาขาวิชาอื่นๆ ก็ลักษณะเดียวกัน ถ้าเรามองการสอบเป็นเรื่องธรรมดา ก็สบายใจ เป็นการสอบวัดภูมิรู้ ที่ได้เล่าเรียนมาตั้งแต่ต้น....ผมเล่าให้ท่านทั้งหลายฟัง มิใช่มองว่าผมเก่งกล้าสามารถก็หาไม่ ผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง เพียงแต่ผมมีความพยายามที่จะเรียนรู้มากกว่าที่จะเรียนเก่ง..ผมมีเรื่องคุยสำหรับวันนี้ตามหัวข้อข้างต้น ครับ
กระแสการใช้คำว่า “ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” “การบริหารการเปลี่ยนแปลง” ตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีการกำหนดเป็นหลักสูตรการบริหารการเปลี่ยนแปลง อบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้บริหารโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในวงการศึกษาเท่านั้น หน่วยงานอื่นๆ ก็ลักษณะเดียวกัน เป็นความจำเป็นของผู้บริหารหน่วยงานทุกระดับ ผมอ่านหนังสือ “ความเป็นนักบริหารมืออาชีพ” ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (๒๕๔๗ ) กล่าวไว้ว่า ผู้บริหารที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญอย่างน้อย ๓ ประการ คือ ๑.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๒. มีความรู้ลึกและรู้รอบ และ ๓.มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง มีคำอธิบายในแต่ละข้อค่อนข้างจะชัดเจน โดยมีเป้าหมายในการนำโรงเรียนไปสู่ความสำเร็จในการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพคนให้แก่สังคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง
ผมคิดคำที่จะใช้เป็นคุณลักษณะสำหรับตัวผมเองในฐานะที่เป็น ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยสอดคล้องกับคุณลักษณะผู้บริหารที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้น ไว้ว่า “ คิดให้กว้าง มองให้ไกล ไปให้ถึง” ซึ่งจะต้องตั้งอยู่บนฐานของสัมมาทิฐิที่ถูกต้องด้วยเหตุผล หลักวิชา ความชอบธรรม และ ความรู้ความสามารถ.......สวัสดีครับ.
ไม่มีความเห็น