การประชุมเครือข่ายฯสัญจร (4)


      ขณะนี้เป็นเวลา 20.05 น. แล้ว  เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะเหนื่อย  เมื่อยล้า  และที่สำคัญคือ  เวียนหัวมาก  อันเนื่องมาจากการที่ต้องนั่งรถไป-กลับระหว่างตัวเมืองลำปางกับอำเภอวังเหนือ  ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดลำปาง  อยู่เหนือที่สุดติดกับจังหวัดเชียงราย  ไป-กลับก็ไม่มากมายอะไรแค่ 200 กว่ากิโลเท่านั้น  (แต่วิ่งรถในพื้นที่อำเภออีกรวมแล้วก็ 300 กว่ากิโลได้มั๊งคะ)  ที่บอกว่าเหนื่อย  เมื่อยล้า  และเวียนหัวมากนั้นคงเป็นเพราะ

       1.นั่งรถเป็นระยะทางพอสมควร  และเป็นทางขึ้นเขา  ใครที่เคยมาเที่ยวทางภาคเหนือแล้วคงทราบว่าทางวกวนขนาดไหน

       2.ต้องขึ้น-ลงรถบ่อยมาก  เนื่องจากเป็นครั้งแรก (อย่างเป็นทางการ) ที่มาสำรวจพื้นที่เพื่อให้นักศึกษาลงมาศึกษาชุมชนในช่วงภาคฤดูร้อน  ต้องหาหมู่บ้านให้ได้อย่างน้อย 11 หมู่บ้าน  ผู้วิจัยจึงต้องขึ้น-ลงรถบ่อยเพื่อไปหาข้อมูลของหมู่บ้านต่างๆ

       3.ผู้วิจัยเริ่มต้นจากการไปขอคำแนะนำจาก (ผู้ใหญ่) ในอำเภอ  ขนาดได้รับคำแนะนำว่าควรจะไปหมู่บ้านไหนบ้างแล้ว (เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงไปสำรวจทุกหมู่บ้าน)  แต่พอเอาเข้าจริงๆ  หมู่บ้านที่ได้รับคำแนะนำกลับไม่สะดวกที่นักศึกษาจะเข้ามาอยู่อาศัยและศึกษาในหมู่บ้านเหล่านี้  เพราะ  ไม่มีที่พัก  (อันเนื่องมาจากไม่มีบ้านเช่า  และโรงเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านได้ยุบไปแล้ว) 

      โดยสรุปก็คือ  จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะสำรวจหมู่บ้านให้เสร็จวันนี้  เพื่อที่ในอาทิตย์หน้าประมาณวันพฤหัสบดี  หรือวันศุกร์  จะได้ไปเข้าพบท่านนายอำเภอเพื่อเรียนขอคำปรึกษาและขอให้ทางอำเภออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆให้  ความตั้งใจนี้ก็ต้องพับไป  เพราะ  ผู้วิจัยสำรวจหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในตำบลต่างๆได้แค่ 4 ตำบล  จากทั้งหมด 8 ตำบลของอำเภอวังเหนือ  (ทั้งๆที่ไปตั้งแต่เช้า  กว่าจะกลับมาถึงที่ในเมืองก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว) ดังนั้น  อาทิตย์หน้าไม่วันพฤหัสบดีก็วันศุกร์จะต้องไปสำรวจอีกรอบให้เสร็จ  หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าพบนายอำเภอ  เมื่อใกล้ๆเวลาที่นักศึกษาจะต้องลงพื้นที่ผู้วิจัยก็ต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยอีก 1 รอบ  พร้อมกับต้องไปส่งนักศึกษาเข้าพื้นที่ด้วย  แม้จะเป็นภารกิจที่หนักมากแต่ถ้าทำสำเร็จก็น่าภาคภูมิใจ  ผู้วิจัยคงต้องพยายามต่อไป

      ความจริงแล้ววันนี้ไปที่วังเหนือก็ดีเหมือนกัน  เพราะ  ที่อำเภอนี้เครือข่ายฯยังไม่มีกลุ่มเลย     ผู้วิจัยจึงตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้มาดูลาดเลาและทำความรู้จักกับกำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  รวมทั้งผู้ใหญ่ในอำเภอก่อน  เอาไว้วันหลังจะค่อยๆพูดคุยเรื่องนี้  และจะพาทางเครือข่ายฯไปลงพื้นที่ด้วย 

      มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ  วันนี้ขอเล่าเรื่องการประชุมเครือข่ายฯสัญจรต่อก็แล้วกันนะคะ  แต่เนื้อหาในวันนี้ขึ้นวาระที่ 4 แล้ว  คอยติดตามดูนะคะว่าจะเป็นประเด็นอะไรบ้าง

      วาระที่4 เรื่องพิจารณา

        ประธานฯเริ่มต้นด้วยการถามกรรมการเครือข่ายที่ดูแลในเรื่องการตายว่าเดือนนี้มีคนตายกี่ศพ? คณะกรรมการตอบว่า เดือนนี้มีคนตาย 12 ศพ รวมเป็นเงิน 145,000 บาท ประกอบด้วย

       1.กลุ่มบ้านแม่พริก 2 ศพ

       2.กลุ่มบ้านเกาะคา 5 ศพ

       3.กลุ่มบ้านป่าตัน 2 ศพ

       4.กลุ่มบ้านเหล่าเถิน 2 ศพ

       5.กลุ่มบ้านร้อง 1 ศพ

      เมื่อคณะกรรมการตอบจบปรากฎว่ามีการทักท้วงกันว่ายังขาดศพของกลุ่มบ้านเอื้อมอีก 1 ศพ ดังนั้น ในเดือนนี้จึงมีคนตายทั้งสิ้น 13 ศพ (อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าจนถึงเดือนนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วที่กลุ่มบ้านดอนไชยไม่ส่งสถิติจำนวนคนตายเข้ามาที่เครือข่ายฯ)

      ประธานฯกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ในส่วนของกองทุนร่วม (เฉลี่ยเรื่องการตาย) เราค่อนข้างมีตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราได้ลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ ตอนนี้ทุกกลุ่มมีตัวเลขจำนวนสมาชิกที่ชัดเจน ทั้งในส่วนของสมาชิกเข้าใหม่ สมาชิกสมทบ สมาชิกที่ครบ 180 วัน ทีนี้ในส่วนของผู้รับผิดชอบกองทุนนี้กำลังตรวจเช็คในเรื่องการจ่ายเงินของแต่ละกลุ่มเข้ามาที่ (เครือข่าย) กองทุนนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมายังมีหลายกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องการจ่ายเงินค่าเฉลี่ยความเสี่ยง (ค่าเฉลี่ยศพ) เดิมทีที่ผ่านมาเราใช้เงินสินเชื่อ พอช. จ่ายสวัสดิการเรื่องศพไปก่อน (เงินสินเชื่อ พอช.นั้นทางเครือข่ายฯกู้มาตั้งแต่ปี 254…. โดยในขณะนั้นมีสมาชิกเครือข่ายฯทั้งสิ้น 7 กลุ่ม เงินที่กู้จาก พอช.มาเป็นเงิน 3.5 ล้านบาท เป็นเงินที่กู้มาเพื่อให้กลุ่มที่เป็นสมาชิกกู้ออกไปใช้ในการลงทุนต่างๆ เพื่อนำดอกผลมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับคนทำงาน เฉลี่ยแล้วแต่ละกลุ่มได้รับเงินกู้เป็นจำนวนกลุ่มละ 5 แสนบาท เรียกว่า สินเชื่อคนทำงาน ขณะนี้แต่ละกลุ่มกำลังทยอยส่งคืนมาที่เครือข่ายฯ เพื่อให้เครือข่ายฯส่งคืนไปที่ พอช.อีกทีหนึ่งค่ะ) จากนั้นก็มีการเรียกเก็บจากแต่ละกลุ่มในภายหลัง ในการเรียกเก็บนั้นทางเครือข่ายฯก็ต้องแยกออกมาเป็นเดือนว่าในแต่ละเดือนมีคนตายกี่ศพ และในขณะนั้นกลุ่มไหนที่เป็นสมาชิกครบ 180 วันแล้วก็ต้องเข้ามาเฉลี่ยความเสี่ยงตรงนี้ด้วย ดังนั้น แต่ละกลุ่มสามารถนำข้อมูลที่เครือข่ายฯตรวจสอบออกมาแล้วนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ แล้วส่งเงินค่าเฉลี่ยศพคืนมาที่เครือข่าย จากข้อมูลที่ปรากฎออกมาขณะนี้เราใช้เงินสินเชื่อคนทำงานไปในการจ่ายค่าศพที่ยังเรียกเก็บคืนมาไม่ได้เป็นเงินประมาณ 8 แสนบาท   เพราะ  หลายกลุ่มยังไม่มั่นใจ  ยังไม่เข้าใจ  และไม่ทราบว่าติดอะไร  จึงยังไม่ได้ส่งเงินเข้ามาที่เครือข่ายฯ  ถ้าหากเป็นอย่างนี้  เวลาสมาชิกเสียชีวิตจะมีปัญหา  เพราะฉะนั้น  เราอยากให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันในเรื่องเฉลี่ยความเสี่ยง   พอหลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดปัญหา  ดังนั้น  ขอให้มีการแจ้งยอดเป็นเดือนๆไป  สำหรับเงินที่แต่ละกลุ่มส่งเข้ามาแล้วก็ขอให้มาตรวจเช็คเพื่อจะได้ทราบว่าส่งเข้ามาแล้วเท่าไหร่  ต้องจ่ายอีกเท่าไหร่   เนื่องจากบางทีตัวเลขที่ได้มาในช่วงก่อนๆก็เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน  แต่ตอนนี้คิดว่าแน่นอนแล้ว  เพราะ  เราลงไปเอาตัวเลขของแต่ละกลุ่มมา  ได้ข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าในแต่ละเดือนมีสมาชิกเท่าไหร่   คณะกรรมการกองทุนร่วม (เครือข่ายฯ) ก็จะจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อย 

        คุณปิยชัยได้ยกมือขออนุญาตประธานฯ  พร้อมกับกล่าวว่า  จากการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วได้ข้อสรุปว่าในทุกเดือนจะต้องมีการเช็คพร้อมกับแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในแต่ละเดือนมีสมาชิกเท่าใด  จำนวนเงินที่จ่ายค่าสวัสดิการ (เรื่องศพ) ไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด  ดังนั้น  ในเดือนนี้ขอให้แจ้งด้วย  เพราะ  ตรงนี้เป็นจุดขายของเราที่จะเอาไปบอกกับคนในชุมชน 

       คณะกรรมการที่ดูแลกองทุนร่วมได้ตอบคำถามข้อนี้กลับไปว่า  ขณะนี้รวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว  ได้ยอดต่างๆมาแล้ว  แต่ยังพิมพ์ไม่เสร็จ  ขอเวลาอีกหน่อย  คิดว่าเดือนหน้าจะจัดการตรงนี้ให้เสร็จเรียบร้อยและจะแจ้งให้ทราบ 

        ประธานฯ ได้กล่าวต่อไปว่า  เมื่อมาประชุมกันในทุกเดือน  แต่ละกลุ่มอย่ามาตัวเปล่า  ขอให้ทำหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติด้วย  คือ

        1.เงิน 20% (สำหรับเป็นกองทุนกลาง)  ทุกกลุ่มต้องนำมาจ่าย

        2.เงินสวัสดิการกองทุนเพื่อการชราภาพ 5%  และเงินกองทุนเพื่อการศึกษา 5% ต้องนำมาจ่ายที่เครือข่ายด้วย

        3.เงินเฉลี่ยความเสี่ยง (ค่าศพ)  จะแจ้งให้ทราบทุกเดือน  หากแจ้งเดือนนี้  เดือนหน้าจึงนำมาจ่าย  เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ    รวมทั้งถ้าหากกลุ่มไหนมีสมาชิกเข้าใหม่ครบ 180 วัน  ในเดือนนั้นต้องจ่ายเข้ามาที่เครือข่ายฯเพิ่มอีก 30 บาท/คน

        เพราะฉะนั้น  เรื่องนี้ต้องถือปฏิบัติ  หากทางกลุ่มไม่แจ้งรายชื่อและจำนวนของสมาชิกใหม่ที่เข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันจะอันตรายมาก  เพราะ  ถ้าคนคนนั้นตายทางกลุ่มต้องรับผิดชอบเอง   เนื่องจากกลุ่มไม่ได้แจ้งว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นสมาชิกเครือข่ายฯ   ดังนั้น  แต่ละกลุ่มต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง  ต้องตรวจสอบว่าใครเข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันแล้วต้องแจ้งมาที่เครือข่ายฯรวมทั้งต้องจ่ายเงินในเดือนนั้นเข้ามาเพิ่มเติมอีก 30 บาท  เงิน 30 บาทนี้จะเก็บเอาไว้เป็นเงินสำรองจ่ายให้กับศพที่เกิดขึ้น

         วันนี้ขอจบไว้ที่แค่นี้ก่อนนะคะ  เพราะ  เนื้อหาต่อไปเริ่มเข้าสู่การถกเถียงกันแล้ว  ถ้าหาดกเล่าต่อไปคงอีกยาว  เกรงว่าจะเล่าได้ไม่จบ  แล้วจะขาดช่วงค่ะ  พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อก็แล้วกันนะคะ 

       

       

 

     

    

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 14335เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2006 21:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท