ขณะนี้เป็นเวลา 20.05 น. แล้ว เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะเหนื่อย เมื่อยล้า และที่สำคัญคือ เวียนหัวมาก อันเนื่องมาจากการที่ต้องนั่งรถไป-กลับระหว่างตัวเมืองลำปางกับอำเภอวังเหนือ ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดลำปาง อยู่เหนือที่สุดติดกับจังหวัดเชียงราย ไป-กลับก็ไม่มากมายอะไรแค่ 200 กว่ากิโลเท่านั้น (แต่วิ่งรถในพื้นที่อำเภออีกรวมแล้วก็ 300 กว่ากิโลได้มั๊งคะ) ที่บอกว่าเหนื่อย เมื่อยล้า และเวียนหัวมากนั้นคงเป็นเพราะ
1.นั่งรถเป็นระยะทางพอสมควร และเป็นทางขึ้นเขา ใครที่เคยมาเที่ยวทางภาคเหนือแล้วคงทราบว่าทางวกวนขนาดไหน
2.ต้องขึ้น-ลงรถบ่อยมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรก (อย่างเป็นทางการ) ที่มาสำรวจพื้นที่เพื่อให้นักศึกษาลงมาศึกษาชุมชนในช่วงภาคฤดูร้อน ต้องหาหมู่บ้านให้ได้อย่างน้อย 11 หมู่บ้าน ผู้วิจัยจึงต้องขึ้น-ลงรถบ่อยเพื่อไปหาข้อมูลของหมู่บ้านต่างๆ
3.ผู้วิจัยเริ่มต้นจากการไปขอคำแนะนำจาก (ผู้ใหญ่) ในอำเภอ ขนาดได้รับคำแนะนำว่าควรจะไปหมู่บ้านไหนบ้างแล้ว (เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงไปสำรวจทุกหมู่บ้าน) แต่พอเอาเข้าจริงๆ หมู่บ้านที่ได้รับคำแนะนำกลับไม่สะดวกที่นักศึกษาจะเข้ามาอยู่อาศัยและศึกษาในหมู่บ้านเหล่านี้ เพราะ ไม่มีที่พัก (อันเนื่องมาจากไม่มีบ้านเช่า และโรงเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านได้ยุบไปแล้ว)
โดยสรุปก็คือ จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะสำรวจหมู่บ้านให้เสร็จวันนี้ เพื่อที่ในอาทิตย์หน้าประมาณวันพฤหัสบดี หรือวันศุกร์ จะได้ไปเข้าพบท่านนายอำเภอเพื่อเรียนขอคำปรึกษาและขอให้ทางอำเภออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆให้ ความตั้งใจนี้ก็ต้องพับไป เพราะ ผู้วิจัยสำรวจหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในตำบลต่างๆได้แค่ 4 ตำบล จากทั้งหมด 8 ตำบลของอำเภอวังเหนือ (ทั้งๆที่ไปตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาถึงที่ในเมืองก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว) ดังนั้น อาทิตย์หน้าไม่วันพฤหัสบดีก็วันศุกร์จะต้องไปสำรวจอีกรอบให้เสร็จ หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าพบนายอำเภอ เมื่อใกล้ๆเวลาที่นักศึกษาจะต้องลงพื้นที่ผู้วิจัยก็ต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยอีก 1 รอบ พร้อมกับต้องไปส่งนักศึกษาเข้าพื้นที่ด้วย แม้จะเป็นภารกิจที่หนักมากแต่ถ้าทำสำเร็จก็น่าภาคภูมิใจ ผู้วิจัยคงต้องพยายามต่อไป
ความจริงแล้ววันนี้ไปที่วังเหนือก็ดีเหมือนกัน เพราะ ที่อำเภอนี้เครือข่ายฯยังไม่มีกลุ่มเลย ผู้วิจัยจึงตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้มาดูลาดเลาและทำความรู้จักกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งผู้ใหญ่ในอำเภอก่อน เอาไว้วันหลังจะค่อยๆพูดคุยเรื่องนี้ และจะพาทางเครือข่ายฯไปลงพื้นที่ด้วย
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอเล่าเรื่องการประชุมเครือข่ายฯสัญจรต่อก็แล้วกันนะคะ แต่เนื้อหาในวันนี้ขึ้นวาระที่ 4 แล้ว คอยติดตามดูนะคะว่าจะเป็นประเด็นอะไรบ้าง
วาระที่4 เรื่องพิจารณา
ประธานฯเริ่มต้นด้วยการถามกรรมการเครือข่ายที่ดูแลในเรื่องการตายว่าเดือนนี้มีคนตายกี่ศพ? คณะกรรมการตอบว่า เดือนนี้มีคนตาย 12 ศพ รวมเป็นเงิน 145,000 บาท ประกอบด้วย1.กลุ่มบ้านแม่พริก 2 ศพ
2.กลุ่มบ้านเกาะคา 5 ศพ
3.กลุ่มบ้านป่าตัน 2 ศพ
4.กลุ่มบ้านเหล่าเถิน 2 ศพ
5.กลุ่มบ้านร้อง 1 ศพ
เมื่อคณะกรรมการตอบจบปรากฎว่ามีการทักท้วงกันว่ายังขาดศพของกลุ่มบ้านเอื้อมอีก 1 ศพ ดังนั้น ในเดือนนี้จึงมีคนตายทั้งสิ้น 13 ศพ (อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าจนถึงเดือนนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วที่กลุ่มบ้านดอนไชยไม่ส่งสถิติจำนวนคนตายเข้ามาที่เครือข่ายฯ)
ประธานฯกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ในส่วนของกองทุนร่วม (เฉลี่ยเรื่องการตาย) เราค่อนข้างมีตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราได้ลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ ตอนนี้ทุกกลุ่มมีตัวเลขจำนวนสมาชิกที่ชัดเจน ทั้งในส่วนของสมาชิกเข้าใหม่ สมาชิกสมทบ สมาชิกที่ครบ 180 วัน ทีนี้ในส่วนของผู้รับผิดชอบกองทุนนี้กำลังตรวจเช็คในเรื่องการจ่ายเงินของแต่ละกลุ่มเข้ามาที่ (เครือข่าย) กองทุนนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมายังมีหลายกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องการจ่ายเงินค่าเฉลี่ยความเสี่ยง (ค่าเฉลี่ยศพ) เดิมทีที่ผ่านมาเราใช้เงินสินเชื่อ พอช. จ่ายสวัสดิการเรื่องศพไปก่อน (เงินสินเชื่อ พอช.นั้นทางเครือข่ายฯกู้มาตั้งแต่ปี 254…. โดยในขณะนั้นมีสมาชิกเครือข่ายฯทั้งสิ้น 7 กลุ่ม เงินที่กู้จาก พอช.มาเป็นเงิน 3.5 ล้านบาท เป็นเงินที่กู้มาเพื่อให้กลุ่มที่เป็นสมาชิกกู้ออกไปใช้ในการลงทุนต่างๆ เพื่อนำดอกผลมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับคนทำงาน เฉลี่ยแล้วแต่ละกลุ่มได้รับเงินกู้เป็นจำนวนกลุ่มละ 5 แสนบาท เรียกว่า สินเชื่อคนทำงาน ขณะนี้แต่ละกลุ่มกำลังทยอยส่งคืนมาที่เครือข่ายฯ เพื่อให้เครือข่ายฯส่งคืนไปที่ พอช.อีกทีหนึ่งค่ะ) จากนั้นก็มีการเรียกเก็บจากแต่ละกลุ่มในภายหลัง ในการเรียกเก็บนั้นทางเครือข่ายฯก็ต้องแยกออกมาเป็นเดือนว่าในแต่ละเดือนมีคนตายกี่ศพ และในขณะนั้นกลุ่มไหนที่เป็นสมาชิกครบ 180 วันแล้วก็ต้องเข้ามาเฉลี่ยความเสี่ยงตรงนี้ด้วย ดังนั้น แต่ละกลุ่มสามารถนำข้อมูลที่เครือข่ายฯตรวจสอบออกมาแล้วนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ แล้วส่งเงินค่าเฉลี่ยศพคืนมาที่เครือข่าย จากข้อมูลที่ปรากฎออกมาขณะนี้เราใช้เงินสินเชื่อคนทำงานไปในการจ่ายค่าศพที่ยังเรียกเก็บคืนมาไม่ได้เป็นเงินประมาณ 8 แสนบาท เพราะ หลายกลุ่มยังไม่มั่นใจ ยังไม่เข้าใจ และไม่ทราบว่าติดอะไร จึงยังไม่ได้ส่งเงินเข้ามาที่เครือข่ายฯ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ เวลาสมาชิกเสียชีวิตจะมีปัญหา เพราะฉะนั้น เราอยากให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันในเรื่องเฉลี่ยความเสี่ยง พอหลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น ขอให้มีการแจ้งยอดเป็นเดือนๆไป สำหรับเงินที่แต่ละกลุ่มส่งเข้ามาแล้วก็ขอให้มาตรวจเช็คเพื่อจะได้ทราบว่าส่งเข้ามาแล้วเท่าไหร่ ต้องจ่ายอีกเท่าไหร่ เนื่องจากบางทีตัวเลขที่ได้มาในช่วงก่อนๆก็เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน แต่ตอนนี้คิดว่าแน่นอนแล้ว เพราะ เราลงไปเอาตัวเลขของแต่ละกลุ่มมา ได้ข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าในแต่ละเดือนมีสมาชิกเท่าไหร่ คณะกรรมการกองทุนร่วม (เครือข่ายฯ) ก็จะจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อย
คุณปิยชัยได้ยกมือขออนุญาตประธานฯ พร้อมกับกล่าวว่า จากการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วได้ข้อสรุปว่าในทุกเดือนจะต้องมีการเช็คพร้อมกับแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในแต่ละเดือนมีสมาชิกเท่าใด จำนวนเงินที่จ่ายค่าสวัสดิการ (เรื่องศพ) ไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้น ในเดือนนี้ขอให้แจ้งด้วย เพราะ ตรงนี้เป็นจุดขายของเราที่จะเอาไปบอกกับคนในชุมชน
คณะกรรมการที่ดูแลกองทุนร่วมได้ตอบคำถามข้อนี้กลับไปว่า ขณะนี้รวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว ได้ยอดต่างๆมาแล้ว แต่ยังพิมพ์ไม่เสร็จ ขอเวลาอีกหน่อย คิดว่าเดือนหน้าจะจัดการตรงนี้ให้เสร็จเรียบร้อยและจะแจ้งให้ทราบ
ประธานฯ ได้กล่าวต่อไปว่า เมื่อมาประชุมกันในทุกเดือน แต่ละกลุ่มอย่ามาตัวเปล่า ขอให้ทำหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติด้วย คือ
1.เงิน 20% (สำหรับเป็นกองทุนกลาง) ทุกกลุ่มต้องนำมาจ่าย
2.เงินสวัสดิการกองทุนเพื่อการชราภาพ 5% และเงินกองทุนเพื่อการศึกษา 5% ต้องนำมาจ่ายที่เครือข่ายด้วย
3.เงินเฉลี่ยความเสี่ยง (ค่าศพ) จะแจ้งให้ทราบทุกเดือน หากแจ้งเดือนนี้ เดือนหน้าจึงนำมาจ่าย เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ รวมทั้งถ้าหากกลุ่มไหนมีสมาชิกเข้าใหม่ครบ 180 วัน ในเดือนนั้นต้องจ่ายเข้ามาที่เครือข่ายฯเพิ่มอีก 30 บาท/คน
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ต้องถือปฏิบัติ หากทางกลุ่มไม่แจ้งรายชื่อและจำนวนของสมาชิกใหม่ที่เข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันจะอันตรายมาก เพราะ ถ้าคนคนนั้นตายทางกลุ่มต้องรับผิดชอบเอง เนื่องจากกลุ่มไม่ได้แจ้งว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นสมาชิกเครือข่ายฯ ดังนั้น แต่ละกลุ่มต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง ต้องตรวจสอบว่าใครเข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันแล้วต้องแจ้งมาที่เครือข่ายฯรวมทั้งต้องจ่ายเงินในเดือนนั้นเข้ามาเพิ่มเติมอีก 30 บาท เงิน 30 บาทนี้จะเก็บเอาไว้เป็นเงินสำรองจ่ายให้กับศพที่เกิดขึ้น
วันนี้ขอจบไว้ที่แค่นี้ก่อนนะคะ เพราะ เนื้อหาต่อไปเริ่มเข้าสู่การถกเถียงกันแล้ว ถ้าหาดกเล่าต่อไปคงอีกยาว เกรงว่าจะเล่าได้ไม่จบ แล้วจะขาดช่วงค่ะ พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อก็แล้วกันนะคะ