ความเหมือนที่แตกต่าง


ความเหมือนที่แตกต่าง
 นับตั้งแต่ผมได้เข้ามาเป็นสมาชิกในหมู่บ้านที่อาศัยในปัจจุบันก็ราวๆร่วมยี่สิบปีเห็นจะได้ เอาเป็นว่าพอๆกับความโด่งดังของท้าวจัตุคาม  รามเทพที่รู้จักกันทั่วประเทศในยุคปัจจุบัน  ซึ่งในสมัยนั้นยังอุดมสมบูรณ์   เรียกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าวก็น่าจะไม่ผิด      บ้านผมตั้งอยู่ริมคลองซึ่งใช้เป็นที่สัญจรไปมา  ใช้เป็นแหล่งอาหาร  เพราะมีน้ำกร่อยคือในฤดูน้ำมากจะเป็นน้ำจืด และจะมากมายไปด้วยพวกปลาน้ำจืด  เช่นปลาช่อน  ปลาหมอ  ปลาสลิดให้หากินกันมากมาย  พอเดือนสามเดือนสี่  เป็นช่วงที่น้ำจืดลดลงน้ำเค็มก็เข้ามาแทนที่  ก็มีพวกปลาน้ำเค็มที่ตามน้ำมาให้หากินกันอีก  ถาหากว่าขยันหน่อยก็แทบจะไม่ต้องซื้อหาเลย  ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะได้งานที่ทำในปัจจุบัน  ผมเคยตามพ่อตาไปในป่าชายเลน  ซึ่งต้องเดินไปไกลพอสมควร  ไปหาพวกกุ้ง หอย ปูดำ นำยอไปยกปลาบอกช่วงที่น้ำขึ้นไม่นานก็ได้พอที่จะนำมาเป็นอาหารแล้ววิถีชีวิตของผู้คนในละแวกบ้านผมนั้นยังให้ความสำคัญซึ่งกันและกันในแบบเครือญาติ  มีการดูแลสารทุกข์-สุขซึ่งกันและกัน เช้าขึ้นมาก็ออกไปหาผักบุ้งในท้องนาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน  หาเก็บเอายอดอ่อนมะขามซึ่งมีอยู่ใกล้ๆบ้านไม่ต้องซื้อหา  แล้วนำกะปิที่ได้จากการจับกุ้งได้เมื่อเดือนสามมาหมักผสมกับเกลือแล้วตำจนละเอียดเก็บหมักไว้ในกระปุกไว้ประกอบเป็นอาหารได้นานวันเมื่อนำเอาผักบุ้ง  ยอดมะขามอ่อน และกะปิเล็กน้อยใส่ลงในหม้อตั้งบนเตาไฟเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ใส่ปลาย่างประกอบเป็นอาหารที่สามารถจะอาหารโปรดในมื้อนั้นได้แล้วในครอบครัว ซึ่งสามารถหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อหาในทุกๆอย่าง และไม่ใช่เฉพาะแต่ที่กล่าวมาแล้วที่ไม่ต้องซื้อ อาหารประเภทอื่นถ้ากล่าวในปัจจุบันบางคนที่ไม่เคยสำผัสอาจจะแย้งว่าเป็นไปไม่ได้ซึ่งผมขอเล่าอีกสักตัวอย่างเช่น  การทำขนมจีน กล่าวคือการที่จะได้เป็นขนมจีนครบสูตรนั้นค่อนข้างจะมีความยุ่งอยากมีกรรมวิธีที่ยุ่งอยากและซับซ้อน  โดยจะแยกเป็นสองส่วน  อย่างแรกเป็นน้ำแกงซึ่งละแวกบ้านผมจะนิยมรับประทานเป็นแกงกะทิคือใช้น้ำแกงเดียว  น้ำแกงนี้จะมีส่วนผสมเหมือนแกงกะทิทั่วๆไปใช้ปลาที่หาได้ในลำคลองใกล้บ้านมาต้มแล้วแยกก้างออก  นำเครื่องแกงที่ตำเองโดยเก็บเอา ตะไคร้ ขมิ้น หอมกระเทียม พริก กะปิ ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกไว้ตามรั้วข้างบ้านและเก็บไว้มาตำรวมกันละลายน้ำตั้งบนเตาไฟพอน้ำเดือดใส่ปลาที่แกะเนื้อเตรียมไว้  ตั้งไฟต่อไปให้เดือดอีกทีเติมรสชาติตามต้องการเป็นอันใช้ได้   ส่วนที่สองเส้นขนมจีนซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะทำรับประทานเองมีความยุ่งอยากมากมายทั้งกรรมวิธีการผลิตและขบวนการ ซึ่งผู้คนในปัจจุบันมีความสะดวกแค่ขับรถไปตลาดแล้วเลือกซื้อเส้นขนมจีน น้ำแกงและผักเพื่อเป็นผักแกล้ม หรือจะให้สะดวกกว่านั้นอีกก็ไปที่ร้านขายขนมจีนที่มีขายเป็นจานๆก็สะดวกดี แต่สมัยก่อนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมาการที่จะได้รับประทานขนมจีนในแต่ละครั้งต้องทำเองในทุกขั้นตอนโดยเฉพาะเส้นขนมจีนต้องมีกระบวนการมากมายในการผลิต  เริ่มตั้งแต่การบอกกล่าวญาติๆใกล้เคียงมาช่วยกัน มีการเตรียมแป้งโดยเอาข้าวสารหมักไว้หนึ่งคืนก่อนหน้าแล้ว พอตอนใกล้รุ้งก็นัดกันมาบดข้าวสารให้เป็นแป้ง แล้วนำแป้งใส่ผ้าขาวมัดไว้เอาของหนักทับไว้ให้น้ำสะเด็ด นำแป้งที่สะเด็ดน้ำแล้วมาต้มในน้ำเดือดจึงจะนำมาตำให้เข้ากันอีกครั้ง ต้องขอแทรกการตำต้องใช้ครกขนาดใหญ่  ซึ่งในขณะนั้นนับได้ว่ามีความสำคัญมากๆในการดำรงชีวิตเพราะจะต้องใช้ตำข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสารใช้หุ่งหาประจำวัน  เล่าเรื่องอื่นมามากมายต้องวกเข้ามาเรื่องทำเส้นขนมจีนต่อ  เมื่อได้แป้งแล้วนำมาผสมกับน้ำจนเหลวพอประมาณ  นำไปใส่ในเครื่องอัดเส้นให้เส้น(สำหรับเครื่องอัดเส้นจะทำด้วยโลหะทองเหลืองอัดเส้นด้วยเกลียว)ออกมาใส่ในน้ำที่เดือดที่เตรียมไว้จึงเป็นเส้นขนมจีนที่นำมารับประทานกับน้ำแกงได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีกรรมวิธีที่ยุ่งยากแต่ก็เป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างกันในยุคปัจจุบัน        ในปัจจุบันวิถีแบบเดิมหาได้ยากมากแล้วหาขนมจีนกินแสนจะง่ายดายเพียงแต่ไปที่ตลาดสดตอนเช้าๆก็หากินได้แล้ว ด้วยสภาวะที่อยู่ในยุคของเงินเป็นพระเจ้าสามารถที่จะบันดานอะไรก็ได้ แลกซื้ออะไรก็ต้องใช้เงินเป็นสื่อกลาง คนส่วนมากจึงมุ่งเน้นที่จะหาแต่เงินมาเก็บตุนไว้เพื่อที่จะใช้แลกกับสิ่งที่ตนต้องการ จนลืมศักยภาพของตนเองว่าสามารถที่จะทำอะไรต่ออะไรได้อีกหลายๆอย่างแทนที่จะมุ่งทำเพียงอย่างเดียว จนเกิดค่านิยมที่ไม่เข้าเรื่องในหลายอย่างและไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะเห็นด้วยกับการกระทำนั้นๆแต่ก็ต้องทำตามไปด้วยแต่ด้วยเหตุเพราะสังคมพาไป ยกตัวอย่างการเดินทางไปไหนมาไหนที่ไม่ไกลมากนัก  อย่างเช่นไปวัดเพื่อที่จะกิจวัตรในวันแปดค่ำ สิบห้าค่ำซึ่งก็คงจะไม่ไกลจากบ้านมากนัก เมื่อยี่สิบปีที่แล้วมาใช้การเดินไป หรือไม่สะดวกในฤดูฝนมีน้ำมากก็ใช้เรือ ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะหุงหาอาหารใส่ปิ่นโตเดินหาลูกหาหลานไปด้วย ดังนั้นคนสูงอายุสมัยก่อนมักจะไม่ป่วยด้วยโรคที่สังคมปัจจุบันที่มีแต่ความสะดวกเป็นใหญ่แต่โรคภัยมากมายที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไขมันในโลหิตสูง เป็นต้น อีกประการหนึ่งร้านค้าสะดวกซื้อที่มีเข้ามาในหมู่บ้านมีสินค้าที่หาไม่ได้ในหมู่บ้าน  มาให้เลือกหาไปจนถึงสินค้าที่หาได้ในหมู่บ้านก็ยังสามารถนำมาขายได้อย่างเช่น เครื่องแกง ผักต่างๆซึ่งพอจะปลูกเองได้เมื่อมีร้านมาขายก็ไม่ต้องถึงปลูกไปหาซื้อเอาที่ร้าน หรือเม้นแต่ผักบุ้งที่เมื่อก่อนเคยหาเอาตามร่องคูใกล้ๆบ้านร้านค้าก็ยังสามารถนำมาขายได้ ใช่ว่าผักบุ้งจะหายไปแต่อย่างใดยังคงหาได้แต่เพราะความสะดวกจนเป็นค่านิยมให้ถือปฏิบัติ ใช้วิธีหาเงินแลกความสะดวก        สิ่งที่นับว่าเป็นการไม่เคารพบรรพชนที่เคยประกอบอาชีพมาจนรุ่นลูกหลานได้รับมรดกตกทอดและได้จารึกไว้ในประวัติเมื่อยามที่ไปติดต่อราชการ แล้วเขียนบันทึกไว้ว่า อาชีพทำนา โดยลูกหลานผู้สืบทอดสันดานไม่ได้ภาคภูมิใจในความที่เป็นชาวนาตามที่ได้ยอมรับไว้ไม่ กลับทำในสิ่งที่เป็นการดูถูก บั่นทอนให้อาชีพที่ทำต้องตกต่ำยิ่งขึ้นไปอีก กล่าวคือชาวนาในบริเวรบ้านผมที่เป็นปัจจุบันไม่ได้กินข้าวสารที่ได้จากการที่นาของตนเอง ได้ข้าวเปลือกมาเท่าไหร่ก็จ้างรถตัด ตัดแล้วใส่กระสอบให้รถมาบรรทุกไปขายโรงสี ถามเถ่าแก่โรงสีว่าจะซื้อเท่าไหร่แล้วขายหมด ส่วนข้าวสารที่ครอบครัวต้องใช้กินในประจำวันกลับมาซื้อเอาจากร้านสะดวกซื้อที่ในหมู่บ้านนำมาจากที่อื่นมาขาย ทั้งๆที่ในหมู่บ้านมีโรงสีถึงสองโรง ผมเคยถามเขาว่าทำไมไม่เก็บข้าวไว้กินเองบ้าง ก็ได้รับคำตอบออกมาว่าซื้อข้าวสารจากร้านสะดวกซื้อสะดวกดี แต่คำตอบที่ผมรับไม่ได้คือ กินไม่ได้ ผมกลับมาคิดว่าในเมื่อคนทำไม่กินแล้วคนอื่นเขาจะกินอย่างไร 
หมายเลขบันทึก: 142710เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2007 11:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท