เพื่อนสนิท...คิด KM


ไม่ได้เจอเพื่อนเก่า...ก๊วนเดียวกันนาน...พอมาเจอกันก็คุยแต่เรื่องงาน

     สมัยเรียนหนังสืออยู่ที่ ป. ตรี มศว.ประสานมิตร  ก็จะมีกลุ่มเพื่อนสนิท ประมาณ 3-5 คน และห่างหายกันไปนาน ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน ส่วนใหญ่เราก็จะคุยกันผ่านเวทีเสมือนเป็นหลักก็คือ โทรศัพท์คุยกัน 

     เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยนัดเจอกัน  ซึ่งพวกเราก็ขำกันว่า "คุยกันไปคุยกันมา..ก็หันเข้ามาคุยเรื่องงานกันทุกที" โดยเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในวงการบริษัทกัน เราก็เลยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาบุคคลกัน เช่น เทคนิคที่ใช้  รูปแบบของการสอนงานทำอย่างไร? สมรรถนะหลักในการจัดซื้อมีอะไรบ้าง?  วิธีการเจรจามีแบบไหนบ้าง? ที่ใช้อยู่  ซึ่งก็สนุกกันมาก เรียกว่า คุยกันออกอัธรส เวลาผ่านไป 3-4 ชั่วโมง โดยไม่รู้ตัว

     จึงทำให้รู้ว่า "เพื่อนก็กำลังใช้การจัดการความรู้ในการทำงานด้วยเช่นกัน" ซึ่งแนวทางที่นำไปใช้ก็เพื่อพัฒนาบุคลากรให้สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาที่บริษัทวางไว้ เช่น  ปริมาณผลผลิตที่ลูกค้าต้องการ  คุณภาพที่ต้องทำให้เกิดขึ้นได้  และการวัดผลงานที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?

     สิ่งที่ดิฉันสนใจก็คือว่า "วิธีการ Coaching" ที่เพื่อนดิฉันใช้ในการพัฒนาพนักงานเป็นหลัก โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตามสายงานต่าง ๆ เพื่อไปค้นหาจุดอ่อนที่พนักงานแต่ละคนต้องได้รับการเสริมหนุนหรือพัฒนา  ส่วนรูปแบบและวิธีการถ่ายทอดความรู้นั้นได้มีการค้นหาคนที่เก่งหรือทำในเรื่องนั้น ๆ เป็นมาเป็นคนทำให้ดูและผู้ดูก็จะลงมือทำกันจริง  เช่น  เทคนิคการหุ้มเบาะหนังให้สวย เรียน และไม่ย่น  เป็นต้น

     ผลปรากฎว่า เมื่อจัดให้มีการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบและวิธีการดังกล่าวทำให้พนักงานเกิดความรู้และมีทักษะ (ทำเป็น) และเป็นการพัฒนาพนักงานเป็นรายบุคคลที่เกิดผลได้อย่างชัดเจน

     ฉะนั้น หลักคิดในการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นมานั้นจะอยู่ภายใต้แนวคิดและหลักการ คือ

       1. "กระบวนการพัฒนาทรัพยากรบุคคล" ที่เริ่มตั้งแต่การหาประเด็นที่จะต้องพัฒนาและเสริมหนุนพนักงานเพื่อให้ทำเป็น,  หลังจากนั้นก็จะมาออกแบบเนื้อหาและหลักสูตรตลอดจนวิธีการถ่ายทอดความรู้และการสร้างกิจกรรมเรียนรู้,  มาจัดกิจกรรมเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมโดยใช้วิธีการสาธิตประกอบการอธิบาย,  แล้วมาประเมินผลความรู้ของพนักงานที่ใช้วิธีการติดตามและดูชิ้นงานที่เกิดขึ้นหลังจากเข้ารับการเรียนรู้

       2.  "การจัดการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ" ที่เริ่มตั้งแต่การค้นหาความต้องการเป็นรายบุคคล  แล้วนำมาเสริมหนุนในลักษณะของการสอนงาน การแนะแนวและเป็นที่ปรึกษา ดดยจะทำอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งพนักงานทำเป็นคือ ทำงานได้มาตรฐานนั่นเอง

       3.  "การสร้างกิจกรรมเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่"  ที่นำเทคนิคเพื่อนพึ่งพาเพื่อมาใช้ โดยการทำให้ดู แล้วนำสิ่งที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทียบประสบการณ์ที่ตนเองทำ นำมาปรับแก้และพัฒนาต่อยอด  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำเป็นประจำก็คือ การเสริมแรง (ขวัญกำลังใจ) เช่น  โชว์และแชร์

     ตอนนี้ "การจัดการความรู้" จึงเริ่มมีการขยายผลไปสู่เพื่อน ๆ ของดิฉันและเราจะมีการแลกเปลี่ยนระหว่างกันโดยเฉพาะ การศึกษาดูงาน  และการแนะนำ Best Practice ค่ะ.

หมายเลขบันทึก: 142674เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2007 10:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • หวัดดีครับ อ. ศิริวรรณ
  • เพื่อนๆของท่าน คงจะมาจากภาคเอกชน ครับ
  • แต่ในมิติของพวกเรา วัฒนธรรมองค์กร ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เท่าที่ควร ที่เราทำมาปัจจุบันนี้ ทำเพราะ ใจรัก มันอยู่เฉยๆไม่ได้ ครับ
  • ก็ได้กำลังใจจากทีมงานเล็กๆ และเครือข่าย นี่หละครับ

แสดงว่าวันเวลาที่ผ่านไปเพื่อนก็ยังคงความจริงใจในการแลกเปลื่ยนเรียนรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างกันดูเหมือนจะเป็นหัวใจในการแลกเปลื่ยนเรียนรู้

ขอบคุณมากคะคุณจือ

เรียน คุณหนุ่ม ร้อยเกาะ

1. การตัดสินใจและวิธีการทำงานของเอกชนเขาเอาจริง  ซึ่งเราเลือกนำมาปรับใช้ได้

2. ก็เพราะ "ใจรัก" นี่แหละถึงทำงานอยู่ได้  และมี     "ตัวแบบที่ดี ๆ" จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ นี่แหละจึงทำให้งานที่ทำน่าสนใจขึ้นเยอะ ๆ ๆ มาก ๆ ๆ ค่ะ

เรียน คุณธุวนันท์

มีเพื่อนดี...ก็เป็นศรีแก่เราค่ะ...เพราะส่วนใหญ่เราจะคบกันด้วยความจริงใจและมีน้ำใจให้กันค่ะ

         สวัสดีค่ะ คุณจือ

             ดิฉันดีใจมากค่ะ ที่ประสบการณ์ของดิฉันทำให้เพื่อน... ได้นำไป Share ในบล็อก และในโอกาสต่อไปเพื่อนคนนี้..และคนอื่นๆ ก็อาจมีโอกาสเชิญนักวิชาการเก่งมาบรรยายความรู้ให้เราฟัง ท้ายสุดนี้เราดีใจที่มีเพื่อนคนนี้ ที่ได้ให้ประสบการณ์ KM ของภาครัฐเช่นกันค่ะ

             นอกจากนี้แล้วเพื่อนคนนี้จะนำบล็อกไปให้พนักงานได้ชื่นชมด้วยค่ะ

แล้วพบกันใหม่นะคะ กลัยาณมิตร

สาวสวย ตุ๊กตา 

 

 

 

 

      

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท