ทุกข์เป็นของไม่ควรละ...


คติธรรมโดยหลวงปู่เทสก์ เทสกฺรํสี วัดหินหมากแป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

เมื่อหลายวันก่อน ได้รับซองพัสดุจากพี่นุช (คุณนายดอกเตอร์) ภายในมีหนังสือ ๒ เล่ม เล่มหนึ่งคือ "มหัศจรรย์แห่ง KM เบาหวาน" โดย ดร.ยุวนุช ทินนะลักษณ์ และอีกเล่มคือหนังสือ "ผลไม้ในสวนธรรม" พิมพ์ครั้งที่ ๖

หนังสือเล่มหลังนี้เป็นหนังสือที่"รวบรวมเอาคติธรรมและอุบายภาวนาของครูอาจารย์หลายท่าน" *** ดิฉันเพิ่งได้โอกาสมานั่งอ่านจริงๆ จังๆ วันนี้ และประทับใจในคติธรรมคำสอนของหลวงปู่หลวงตาหลายๆ ท่านด้วยกัน แต่จะนำคติธรรมโดยหลวงปู่เทสก์ เทสกฺรํสี วัดหินหมากแป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย บทหนึ่งที่กล่าวไว้ถึงเรื่องทุกข์ไว้เป็นอย่างดีมาฝากกันดังนี้

ตามกระแสพระธรรมเทศนาของพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า ว่าทุกข์เป็นของไม่ควรละ

แต่เป็นของควรต่อสู้

ความทะยานอยากได้สุข หรือไม่อยากให้มีทุกข์ต่างหาก

เป็นของควรละ

ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น

ดิฉันมาพิจารณาโดยละเอียดก็เห็นจริงตามที่ท่านว่า เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผ่านทุกข์ใดทุกข์หนึ่งไปได้ มักจะได้เรียนรู้ ได้ปัญญา ได้ยกระดับจิตทุกทีไป  ดังนั้นหากไม่มีทุกข์เป็นเหตุ ก็จะไม่ได้เรียน(ทางลัด)รู้ ผ่านการปฏิบัติหรือประสบการณ์นั้นๆ  หลวงปู่เทสก์ท่านสอนไว้อย่างแยบคายด้วยว่า สิ่งที่ควรละนั้นคือความอยากเป็นสุข หรืออยากไม่มีทุกข์ต่างหาก

แต่จากประสบการณ์ของตัวเองพบว่า..ในการเรียนรู้ ยกระดับจิตผ่านทุกข์นั้น จะต้องมีสติในการกำกับไม่ให้เป็นไปกับทุกข์ มิเช่นนั้นแล้ว จิตใจมักจะจมอยู่กับทุกข์ เป็นไปกับทุกข์ ไม่ได้เรียนรู้ เจริญปัญญา จากทุกข์นั้นๆ เช่น หากเราต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป ถ้าไ่ม่มีสติ ก็จะระงับอารมณ์เสียดาย อาวรณ์ไม่ได้ แต่ถ้ามีสติ ก็จะเห็นว่า ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรได้ยั่งยืน เป็นต้น

ขอขอบคุณพี่นุช (คุณนายดอกเตอร์) ที่ส่งหนังสือมาให้เป็นธรรมทานต่อยอดปัญญาให้ดิฉันค่ะ ^ ^


***คัดลอกจากคำนำในหนังสือ"ผลไม้ในสวนธรรม" 

หมายเลขบันทึก: 140429เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2007 23:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

สวัสดีครับ ... อาจารย์

  • มนุษย์เมื่อมีความสุข มนุษย์ไม่เคยหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
  • แต่เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์มีทุกข์ มนุษย์มักจะค่อยหันมามอง
  • เช่น การสูบบุหรี่ รู้ว่า บุหรี่ไม่ดี ก็ยังจะสูบ
  • อาจารย์ พอ.น.พ.พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา บอกว่า ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่า สิ่งที่ทำมีอันตราย การใช้ชีวิตก็เหมือนขับรถชีวิต เหยียบคันเร่งก็แล่นไปข้างหน้า เหยียบเบรคก็หยุด แต่รู้ว่าทางข้างหน้าเป็นเหว ตายแน่ ๆ แล้วยังจะเหยียบคันเร่งอยู่ได้ยังไง ก็ต้องเหยียบเบรคสิ ...

ขอบคุณครับ

คนใน GotoKnow นี่มีน้ำใจดีกันจังเลยเนอะ หายากๆ

เห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่องความอยากนี่เป็นต้นตอแห่งทุกข์ทั้งปวง
อยากมีเงินแต่ไม่มีก็ทุกข์ อยากสวยแต่ไม่สวยก็ทุกข์
อยากกินแต่กลัวอ้วนก็ทุกข์ อยากได้งานแต่พองานเยอะก็ทุกข์
พวกนี้ยังทุกข์เบาเพราะมันจับต้องได้ เลิกอยากก็หายทุกข์เอง 
แต่สิ่งที่ทุกข์หนักคืออยากจะมีสุขและไม่อยากมีทุกข์ เพราะมันเป็นนามธรรม จะหลุดยากกว่าสิ่งที่จับต้องได้ซะอีก

เพราะฉะนั้นถ้าละความอยากหรือไม่อยากได้จะทำให้ชีวิตมีสุขขึ้นอีกเยอะทีเดียว ว่าแล้วก็อยากนอน ไปนอนดีกว่าจะได้ไม่เกิดทุกข์

สวัสดีค่ะอ. Wasawat Deemarn

เห็นด้วยค่ะอาจารย์ ว่าคนเรามักไม่พิจารณาตนเอง แต่มักลืมตน มองออกจากตัว จนกว่าตัวจะเป็นทุกข์ จึงจะหันมามองตนเองบ้าง แต่ก็มีคนเป็นทุกข์บางคนเหมือนกัน ที่ยังอาจมองไม่เห็นว่าเหตุแห่งทุกข์แล้ว แท้จริงอยู่กับตัวเรา ไม่ใช่อยู่ที่สิ่งอื่น หรือคนอื่น เพราะการพ้นทุกข์จะขึ้นกับจิตของเรามากกว่าอย่างอื่น ไม่เช่นนั้นก็คงขับรถแบบเบรคไม่เป็นอย่างที่อาจารย์ว่าไว้น่ะค่ะ ^ ^

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ 

ศิษย์น้อง P

พี่นุชน่ารักมากค่ะ ส่งมาให้อ่านตั้งสองเล่ม ยังค่อยๆ อ่านอยู่เลย ^ ^ เห็นด้วยว่าคนใน gotoknow มีน้ำใจมากจริงๆ  

เรื่องความอยากเนี่ยเป็นเรื่องปัญหาโลกแตกจริงๆ นะ ห้ามยากจริงๆ ความอยากมักจะแอบเข้ามานั่งในใจเราเสมอ โน่นนิด นี่หน่อยตลอดเวลา อิ อิ  ต้องคอยใช้สติเป็นตัวตั้งรับ เพราะถ้าดักจับความอยาก(แบบไร้สาระ)ได้ ก็จะละความอยากนั้นๆ ได้ง่าย(ขึ้น) แต่กิเลสบางตัวก็ละยากเหมือนกันนะ แต่ละคนก็มีจุดอ่อนเป็นกิเลสแตกต่างกัน หยาบบ้างละเอียดบ้าง บางคนอยากเป็นใหญ่เป็นโต บางคนอยากมีรถสวยๆ บางคนอยากไม่ต้องทำงานแต่มีเงินใช้ บางคนอยาก(หน้าตึง) คิดแล้วก็ขำๆ ดีอ่ะ ^ ^

ขอบคุณบันทึกนี้คะอาจารย์

 

สวัสดีครับอาจารย์

 มีช่วงหนึ่งผมอิน อยู่กับเรื่องของทุกข์มากๆครับ  กับคำสสอนท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า

    มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่  มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

 ครับถ้าจับประเด็นเรื่องทุกข์  ก็คิดว่านำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างน่าสนใจครับ  แต่บางคนก็อาจจะหันหลังให้เลย เพราะเข้าใจไม่พอ

   ขอบคุณบันทึกนี้ของอาจารย์ครับ

 

P

อาจารย์คะ

ช่วยดูที่นี่ค่ะ

http://gotoknow.org/blog/goodliving/140659

สวัสดีค่ะอ.หมู P

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมเช่นกันนะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะน้องหมอสุพัฒน์

ที่จับเรื่องทุกข์มาเขียน(อีกแล้ว) ก็เป็นเพราะเรื่องทุกข์เป็นเรื่องสากล และเป็นเรื่องที่ทุกคนสัมผัสได้+ผ่านประสบการณ์มาก่อน

ต้องการทำมุมมองของหลวงปู่เทสก์ ซึ่งเป็นมุมมองที่พี่เห็นด้วยว่าการเป็นทุกข์นั้นเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ สำหรับพี่แล้ว หากมีทุกข์ ทุกข์จะเป็นทางผ่านสู่การปฏิบัติในขั้นต่อๆ ไป เป็นการยกระดับจิตค่ะ

ขอบคุณน้องหมอที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ P

เมื่อครู่แวะไปเขียนข้อคิดเห็นไว้ที่บันทึก  http://gotoknow.org/blog/goodliving/140659 แล้วค่ะ ^ ^

ไว้มีเวลาจะจัดการเรื่อง tag ต่อนะคะ

ขอบคุณที่คิดถึงนะคะ เป็นเกียรติมากเลยค่ะ  ^ ^

สวัสดีครับ

  • ผมนั่งอ่านหนังสือโอวาทของหลงปู่เทสก์ ที่พิมพ์แจกอยู่เมื่อกลางวัน เจอบทนี้เหมือนกันครับ
  • คำสอนดีๆ บางทีกผ้โดนไปคนละอันสองอัน บางทีเรื่องนี้ก็ไม่กล้าพูดมาก ก็ดีใจที่นำมาเล่าพวกเราผู้อยากสุข ไม่อยากทุกข์ ได้ฟังได้อ่านผมไม่อยากที่จะแสดงข้อคิดของพระเพระกลัวผิด
  • ยินดีที่มีคนสนใจธรรม
  • ผมจะลองตั้งใจจำตั้งใจจดตั้งใจสำรวจตัวเองให้มากกว่าที่เป็น

สวัสดีครับอาจารย์

เห็นด้วยเลยครับ ทุกข์จะดับได้ เพราะเรารู้เท่าทัน  และต้องสู้กับทุกข์ ไม่มีทางละทุกข์ได้เลยครับ นอกจากจะสู้ รู้ทันจนชนะมันได้

สวัสดีค่ะ อาจารย์ โกศล คงสมปราชญ์

ดีจังเลยนะคะ คำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่หลวงตาทั้งหลายน่ะค่ะ อ่านทีไร ได้คิดทุกทีค่ะ ^ ^

ตอนเอาเรื่องนี้มาเขียน ก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ คิดว่าน่าเผยแพร่เพราะเป็นเรื่องความทุกข์ที่ทุกคนสัมผัสได้ และมักจะพยายามหนีทุกข์แบบไม่เข้าใจว่าหนีไม่ได้ ^ ^ 

เพราะฉะนั้นถ้าหนีไม่ได้ ก็ต้องรู้จักเผชิญอย่างเข้าใจ มองให้เห็นประโยชน์ในการเผชิญทุกข์อย่างมีสติ ประกอบกับตัวเองมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีจากการมีทุกข์ ก็เลยนำแง่คิดส่วนตัว ที่หลวงปู่เทสก์ท่านเห็นมานานแล้วมาแบ่งปันค่ะ

การมีสติกำกับในการใช้ชีวิต เป็นสิ่งที่ตัวเองคิดว่าขาดไม่ได้เลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังสังเกต ยังดู ตัวเองอยู่เป็นประจำ แล้วก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ 

สวัสดีค่ะคุณหมอจิ้น

เห็นด้วยเช่นกันค่ะคุณหมอ ตอนนี้ถึงตัวเองไม่มีทุกข์หนัก แต่เวลามองดูผู้คน ดูสังคม จะเห็นทุกข์ในคนต่างๆ เป็นจำนวนมาก เห็นวัฏฏะ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นการย้ำเตือนให้รีบปฏิบัติยิ่งขึ้นไปค่ะ

ขอบคุณคุณหมอที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ 

ขอบคุณมากค่ะคุณหมอจิ้น P

ยินดีมากค่ะ

^ ^

สวัสดีครับอาจารย์

  เข้ามาเพิ่มเติมนะครับ

  เมื่อแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น  ตั้งอยู่ และดับไปครับ

 

   ช่วงนี้ได้เป็นผู้ดูหลายเรื่องครับ  ทั้งเล็กๆ และใหย๋ๆ(เป็นนิยามที่แสดงครับระดับความทุกเมื่อเราเป็นผู้เป็นครับ)   เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นครับ

    อย่างที่อาจารย์สอนครับ  คือถ้าเราไม่ประสบความทุกข์  ไม่สัมผัสกับทุกข์ก็ยากที่เราจะรู้จัก และเข้าใจ และได้ประโยชน์จากความทุกข์ในการที่จะพัฒนาจิตใจของเราต่อไปได้ครับ

   บางครั้งเวลาที่ขาดสติ การที่เรานึกถึงคำสอนครูบาอาจารย์ และกัลยาณมิตร ก็ทำให้สติกลับมาได้ง่ายและเร็วขึ้นมากเลยครับ ไม่เหมือนก่อน

   ฝากกราบเรียนระลึกถึงท่านอาจารย์ศิริศักดิ์ด้วยนะครับ

   ผมไม่ได้ทำ blog tag  แต่ก็อยากเรียนว่าถ้ามีก็ขออนุญาต tag อาจารย์ด้วยคนนะครับ

สุพัฒน์..^_^

  • สวัสดีครับอาจารย์
  • เป็นครั้งแรกครับที่มาอ่านบันทึกของแจรย์ที่นอกเหนือจากเรื่องการศึกษา
  • ตัวผมเองในเรื่องของธรรมะ นับวันยิ่งห่างครับ หลังจากศึกออกมาก็ไม่ค่อยที่จะได้เข้าใกล้เท่าไรมีไปทำบุญใส่บาตรบ้างบางครั้งที่มีความทุกข์ ซึ่งก้ได้ความสบายใจกลับมา
  • สิ่งที่จะควบคุมให้ทุกข์ไม่ส่งผลต่อตัวเราได้คือปัญญาครับ ควรแก้ทุกข์ด้วยปัญญา

สวัสดีค่ะน้องหมอสุพัฒน์

ดีใจที่มีเพื่อนร่วมปฏิบัติธรรมในทิศทางเดียวกันค่ะ

ช่วงนี้ก็มีทุกข์(ไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่) มาให้ดูเรื่อยๆ เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องงานของตัวเองในเทอมหน้า ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่ีงมีเรื่องต้องทำให้เสร็จก่อนเดินทางเยอะมาก ช่วงนี้เหลือแต่ตอบข้อคิดเห็นในบันทึกของตัวเอง แทบไม่ได้ไปเยี่ยมคนอื่นๆ เลย มาคิดๆ ดูก็ไม่ใช่ทุกข์สักเท่าไหร่ ^ ^

สำหรับเรื่อง tag ถ้าอยาก tag ก็เชิญได้เลยค่ะ ยินดีอยู่แล้ว แต่คงนานกว่าจะตอบ tag รอบต่อไปค่ะ ยังค้างของคุณหมอจิ้นอยู่เลยค่ะ อิอิ

แล้วจะเรียน อ.ศิริศักดิ์ให้ค่ะ พรุ่งนี้ก็นัดกันว่าจะไปหาหลวงพ่อที่เราเคารพเป็นครูบาอาจารย์ที่วัดใกล้ๆ นี้ค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมนะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะคุณสุดทางบูรพา

ยินดีต้อนรับสู่สมุดการปฏิบัติธรรมค่ะ

การปฏิบัติธรรมของดิฉันจะเป็นการปฏิบัติในชีวิตประจำวันค่ะ เน้นการมีสติ เพื่อไปสู่มหาสติปัฏฐาน ๔ ค่ะ เพราะฉะนั้นจะปฏิบัติเมื่อใดก็ได้ค่ะ สำหรับตัวเองแล้ว พบว่าการมีสติ ทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก

เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่เขียนเพราะอยู่ในแวดวง ส่วนเรื่องธรรมะ นี้เขียนเพราะความศรัทธาค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ดีใจที่อาจารย์ชอบและได้ใช้ประโยชน์จากหนังสือธรรมะ ผลไม้ในสวนธรรม พี่ก็ชอบหยิบมาอ่านมาก

เห็นหน้าน้องซูซานกับเจ้าปูจิ ปูจิ อยากบอกว่าน้องซูซานก็มีน้ำใจมากๆ ช่วยเหลือให้คำแนะนำพี่นุชในเรื่องเทคนิคบล็อกหลายครั้ง แบบให้อย่างดี มีตัวอย่างชัดเจน แต่ผู้อาวุโสก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้างตามปัญญาทางนี้ของตนค่ะ ตอนนี้เลยไม่คิดไปถามใครแล้ว มีปัญหา ตรงไปถามน้องซูซานที่เดียวค่ะ(หลวมตัวที่มาช่วยเนอะ)

สวัสดีค่ะพี่นุช

ตัวเองชอบอ่านหนังสือที่รวบรวมคำสอนแบบนี้มากค่ะ เพราะเป็นเรื่องสั้นๆ เวลาอ่านก็จะได้ทบทวนการปฏิบัติของตนเองด้วย ถือเป็นการทบทวนการเรียนของตัวเองอีกแบบหนึ่งค่ะ

ศิษย์น้องซูซานเป็นคนน่ารักมากค่ะ มีน้ำใจไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขียนเรื่องเล่าก็เก่ง เป็นคนทำงานหนักคนหนึ่ง ที่น่ารักมากคือ ทำงานส่วนตัวหนักแล้ว ยังสามารถแบ่งเวลามาช่วยพวกเราได้อีกนะคะ ^ ^

วันนี้ ตอนบ่าย  ได้รับหนังสือ พยาบาล ไร้หมวก แล้วครับ  ยังไม่เคยมีเลยครับ  แต่เป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์ สำหรับการทำงานแบบที่ผมทำอยู่มาก  เพิ่งอ่าน ตอน บ้านเปี่ยมสุข  จบเมื่อสักครู่ นี้เอง

กะว่า จะให้พยาบาลที่ ทำงานแบบนี้ ในโรงพยาบาลอ่านต่อ  เพราะพี่หยดน้ำเล่าได้เห็นภาพ ประโยชน์ของ การทำงาน ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ อย่างมีอิสระทางความคิดจริง  อีกอย่าง พยาบาลที่อยู่ โรงพยาบาลชุมชน ก็ หาได้ไม่มากนะครับที่ จะได้มาจับงานแบบนี้ เพราะบริบทไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย

 

" คนเราจะทำความดี และดูแลเพื่อนมนุษย์คนอื่นได้ดี ก็ต้องรู้จักความเป็นมนุษย์ของตนเองให้ดีเสียก่อน "

พี่หยดน้ำ เขาพูดได้ถูกจริง ๆ ครับ

ขอบคุณสำหรับหนังสือนะครับ และจะมี อานิสงค์ ต่อคนอื่น ๆ อีกมากแน่ ๆ  ครับ เพราะผมคงส่งต่อให้คนอีกหลายคนได้อ่าน

 

วันนี้รู้สึกตะหงิดๆ เลยตามมาอ่านอีกรอบ อ๋อ ที่แท้ก็มีคนเม้าท์ถึงศิษย์น้องนี่เอง 555 วันนี้ได้คุยกับพี่นุชแล้ว แต่ยุ่งๆ อยู่เลยคุยกันน้อยไปหน่อย เดี๋ยวไว้พี่เขามีปัญหาเรื่องคอมก็คงโทรหาอีก จะได้คุยกันมากกว่านี้ พอดีศิษย์น้องส่งการ์ดไปให้แล้วใช้ซองบริษัท พี่นุชเลยมีเบอร์โทรติดต่อตรงได้แล้วคราวนี้ ^ ^ แต่พี่นุชพูดเร็วมากเลยอ่ะ ตอบไม่ทัน หุ หุ

สวัสดีค่ะคุณหมอจิ้น

ดีใจจังเลยค่ะ ตัดสินใจถูกที่ส่งให้ เพราะคุณหมอยังไม่เคยมี (ตอนแรกกะว่าอาจจะเคยได้ยินเรื่องของพี่หยดน้ำมาแล้วเพราะทำงาน pcu คล้ายๆ กัน)  ที่ดีใจยิ่งกว่านั้นคือสามารถนำไปใช้งานได้จริง ขออนุโมนทนาด้วยนะคะ

เบอร์โทรในหนังสือ เป็นเบอร์พี่หยดน้ำเองเลยนะคะ เคยคุยกับพี่เขาครั้งหนึ่ง ตอนโทรไปสั่งหนังสือ ฟังดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ปฎิบัติธรรม คุยแล้วเกิดปิิติมากๆ ค่ะ

ในการปฏิบัติของตัวเองทุกวันนี้ เวลามองเห็นธรรมะรอบตัว แล้วมักจะน้อมกลับมาดูที่ตัวเองเสมอ เหมือนที่พี่หยดน้ำเขียนไว้เลยค่ะว่าเราต้องรู้จักความเป็นมนุษย์ของตัวเอง 

ศิษย์น้อง P  Little Jazz \(^o^)/

มีคนคิดถึงเยอะน่ะสิ อิอิ คนน่ารักใจดีก็งี้แหละ ^ ^

แต่นึกไม่ถึงนะว่าพี่นุชจะเป็นคนพูดเร็ว ถ้าเร็วกว่าน้องละก็ พี่ก็ยอมรับว่าเร็วจริง ^ ^ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท