ตอนที่ 3
วิธีทำ
ให้นำไม้ไผ่มาผ่าหรือทำเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาขึ้นรูปร่าง ทำฐานในลักษณะ 4 เหลี่ยมจตุรัส แล้วนำเอาตอกหรือฝาง มาพันรอบๆตามฐานให้แน่น ที่สำคัญ ปลายฐานทั้ง 4 มุมให้เหลือไม้ไผ่โพล่ประมาณ 6 – 12 นิ้ว เพื่อเอาไว้รับกับต้นหญ้าคา สำหรับต้นหญ้าคาให้นำมาสัก 1 กำมือ แล้วให้มัดตรงกลางให้แน่นด้วยตอกหรือฝาง ไปจนถึงปลายหญ้าคาส่วนที่เหลือลงมาให้แยกเป็น 4 ส่วน เพื่อจะนำมาเชื่อมกับไม้ไผ่ที่ทำทิ้งละไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วพันด้วยตอกหรือฝาง เท่านี้ก็เสร็จ
ในการทำต้นครัวตานนั้น เฉพาะการทำโครงร่างและการประกอบต้นนั้น ทำวันเดียวก็เสร็จ แต่ว่า การประดับประดานั้น ต้องทำหลายวัน เพราะต้องซื้อเครื่องไทยทาน มีสมุด ดินสอ ผ้าเช็ดหน้า ดอกไม้ประดิษฐ์ ผลไม้ อาหารคาวหวาน และทำไม้หีบไว้สำหรับใส่ปัจจัย เพื่อจะถวายให้กับวัดนั้น ๆ สำหรับการทำต้นครัวตานนั้น ส่วนมากท่านจะไม่ทำขาย แต่จะทำให้ลูกให้หลาน ไว้ไปประดับประดาที่บ้านของเขาเอง แต่ถ้าลูกหลานให้เพื่อเป็นสินน้ำใจก็รับไว้ เพราะท่านถือว่า เป็นการอนุเคราะห์ลูกหลานที่มาขอเมตตาในการทำต้นครัวตาน แต่ว่า ถ้าซื้อขายกันในราคาท้องตลาดแล้ว ต้นครัวตานที่ทำเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ใส่ปัจจัยและวัตถุไทยทานต่างนั้น ราคาก็ประมาณ ต้นละ 60-80 บาท
สรุปองค์ความรู้ ในการทำบุญของชาวเมืองเหนือนั้น จะเต็มไปด้วยความคิดความสร้างสรรค์ในอันที่จะถวาย เพื่อความสุขทั้งผู้รับและความสุขของผู้ให้ เป็นความคิดที่คนในอดีตคิดค้นขึ้นมา เหล่านี้คือภูมิปัญญาชาวบ้านที่เราทั้งหลายอาจมองข้ามไป ฉะนั้นเราคนอนุชนรุ่นหลังน่าจะเก็บอามาคิดและช่วยกันหวงแหนเพื่อที่จะไม่ให้ภูมิปัญญาเหล่านี้หายสาบศูนย์ ในส่วนความคิดของตัวข้าพเจ้านั้นคิดว่า น่าจะมีชมรมที่ทำการอนุรักษ์วัฒนธรรมและความคิดเหล่านี้ในชุมชนบ้านเปาสามขา เพราะว่าในปัจจุบันนี้การทำต้นครัวตาน หรือการประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ แทบจะหาใครสืบทอดไม่ได้ เด็กสมัยนี้คิดแต่การทำงานในห้องแอร์ และทำงานที่มีหน้ามีตาทั้งนั้น ไม่ได้คิดที่จะสืบทอดภูมิปัญญาเหล่านี้ เพราะเขาคิดว่า การทำต้นครัวตานนั้น เป็นหน้าที่ของผู้เฒ่าผู้แก่เท่านั้น ฉะนั้นในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบ้านเปาสามขา จึงขอเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายได้เห็นคุณค่าและเห็นถึงภูมิปัญญาที่คนในอดีตช่วยกันคิดค้นขึ้นมา และขอให้ท่านทั้งหลายช่วยกันอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญหายต่อไป
จบแล้วจ้า.............หลังจากที่ได้เรียนรู้การทำวิธีการทำต้นเงินและการอนุรักษ์ประเพณีตานสลากภัตรแล้ว ทำให้คิดได้ว่า คนไทยสมัยก่อน ท่านมีความคิดที่จะรวมกลุ่ม และประชันความสวยความงาม ประชันการแสดงฝีมือ ด้วยการเอางานบุญงานกุศลมาจัดเป็นงาน เหล่านี้คือเสน่ห์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยนั่นเอง
ไม่มีความเห็น