ชาวเพลงของผม
เป็นศิลปินชื่อดัง
เข้ามาขอฝึกหัดเพลงพื้นบ้าน
ตอนที่ 5 (ยากแท้แค่หาคำร้องด้น)
ผมแนะนำวิธีการจัดหาคามาร้องว่า “ให้มองไปที่หัวข้อบังคับที่เราตั้งเอาไว้ก่อนเสมอว่า เรากำลังจะนำเสนอในเรื่องอะไร” เช่นจะร้องเรื่องของ “แม่ยก” ก็จะต้องมองไปที่คนใกล้ตัว ขื่ออะไร มาจากไหน ติดตามไปดูเราที่ไหนบ้าง ให้อะไรกับเราบ้าง มีความผูกพันกันอย่างไร หมายถึง ว่า ผู้ร้องจะต้องมีข้อมูลอยู่ภายในมากพอที่จะนำเอาออกมาเป็นคำร้องได้ ซึ่งในระยะแรก ๆ นี้ ขอเพียง ให้ได้คำร้องออกมา บังคับว่า ถ้าเป็นกลอนผูกแบบ 6 คำ ก็ร้องออกมาให้ได้ วรรคละ 6 คำ โดยไม่ต้องมีสัมผัสใน แต่ผู้ร้องจะต้องร้องส่งสัมผัสจากวรรคแรกไปยังวรรคที่ 2 ให้ได้ ดังเช่น
ได้พบหน้า....มาจากไหน เพื่ออะไร ได้แถลง
เปิดเผยใจ ให้ชี้แจง รักสีแสง หรือแสร้งทำ
คำที่จะต้องส่งสัมผัสในวรรคที่ 1 คือ “แถลง” ส่งสัมผัสไปยังวรรคที่ 2 คือคำว่า “แจง” ส่วนคำสัมผัสในทั้งหมดให้ตัดไปก่อน ยังไม่ต้องไปคำนึง (เราก็จะห่วงคำร้องที่ต้องคิดเพียงที่เดียว) ส่วนคำส่งสัมผัสยังบทต่อไป อันนี้จำเป็นครับจะต้องมี ไม่เช่นนั้นจะไม่ลงกลอนและไม่เกิดความไพเราะ เช่น
ได้พบหน้า....มาจากไหน เพื่ออะไร ได้แถลง
เปิดเผยใจ ให้ชี้แจง รักสีแสง หรือแสร้งทำ
จากนักแสดง แปลงเป็นร้อง ฝึกทำนอง ที่สูงล้ำ
ด้นกลอนสด ไม่จดคำ เราต้องนำ ปฏิภาณ
คำลงสุดท้ายของบทแรก คือ หรือแสร้งทำ เมื่อขึ้นบทต่อไปหาคำที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกันมาร้องแต่ในวรรคที่ 3 คำสุดท้ายต้องรับสัมผัสกับบทที่ 1 ที่ลงไว้ นั่นคือคำทีจะมาเชื่อมสัมผัสได้ก็จะเป็น “จากนักแสดง แปลงเป็นร้อง ฝึกทำนอง ที่สูงล้ำ” แสร้งทำ สัมผัสกับ สูงล้ำและการส่งสัมผัสต่อไปยังวรรคที่ 3 ก็เช่นเดียวกับในวรรคที่ 1 กับ 2 พอร้องได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว จึงมาเน้นคำที่มีสัมผัสในต่อไป
ส่วนวิธีหาคำมาร้องเพลงแหล่แบบกลอนเดียวนั้น ผมแนะนำว่า “ให้มองไปที่หัวข้อบังคับที่เราตั้งเอาไว้เช่นเดียวกัน” เช่นจะร้องเรื่องของ “การด้นสด’” ก็จะต้องมองไปที่คำใกล้ตัว ขื่อคนที่เราคุ้นเคย อาหารที่เราชอบ สถานที่ที่เราไปบ่อย ๆ หรือผลไม้ที่ชื่นชอบ ส่วนการร้องจะต้องมีข้อมูลอยู่ภายในมากพอที่จะนำเอาออกมาเป็นคำร้องได้ ซึ่งในระยะแรก ๆ นี้ ขอเพียงให้ได้คำร้องออกมา บังคับว่า ถ้าเป็นกลอนเดียว ควรแบ่งคำร้องออกเป็น 2 วรรค คือ วรรคที่ 1 กับวรรคที่ 2 คือ วรรคขึ้นต้นกับวรรคลงท้าย ร้องออกมาให้ได้ วรรคละ 8-10 คำ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้และจะต้องจำคำลงในวรรคที่ 2 ของบทแรกเอาไว้ว่าลงด้วยสระอะไร เช่นลงไว้เป็นเสียงสระไอ ในบทต่อไป วรรคที่ 2 ก็จะต้องลงด้วยเสียงสระไอ เช่น ไป ใจ ใด ไกล ไหน ได้ ไหว เป็นต้น โดยไม่ต้องมีสัมผัสใน เพียงแต่ผู้ร้องจะต้องร้องส่งสัมผัสจากวรรคแรกไปยังวรรคที่ 2 ให้ได้ ดังเช่น
เมื่อได้มา รับรู้ ได้มาดู ถึงที่ (วรรคที่ 1 คำขึ้นต้น)
สิ่งที่คิด ไว้ว่าดี ถึงตอนนี้ คิดใหม่ (วรรคที่ 2 คำลงกลอน)
ส่วนพอไปถึงบทต่อ ๆ ไปผู้ร้องจะต้องจำคำลงเอาไว้ทุกลงเพราะนอกจากจะต้องใช้เสียงสระเดียวกันแล้ว ยังจะต้องมีความหมายเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันไปด้วย ดังเช่น
เมื่อได้มา รับรู้ ได้มาดู ถึงที่
สิ่งที่คิด ไว้ว่าดี ถึงตรงนี้ คิดใหม่
นักร้อง เพลงแหล่ ตั้งแต่รุ่น เก่าก่อน
เขาต้องมี ครูสอน ฝึกกลอน ร้องให้
ผมส่งไมโครโฟนให้ศิลปินไป 1 ตัว อีกตัวหนึ่งผมขึ้นต้นร้องด้นสดสั้น ๆ ให้เขาฟัง และหยุดนิดหนึ่งบอกว่า ลองฝึกร้องตั้งแต่คำขึ้นต้นคำแรกดูซิ ครับ แล้วก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้น เสียงดีครับ จังหวะแหล่ก็ลงตัว เพียงแต่คำร้องหลุดออกมาช้าไปหน่อย (ไม่มีคำให้นำเอามาใช้) มองหาในอากาศยังไม่เจอ ผมยุให้ร้องต่อ ส่วนผมนิ่งฟังไปก่อน ศิลปินร้องด้นอยู่นานพอสมควร น่าจะ 10-15 นาที ก็ไปได้ดีนะ เพียงแต่เป็นการแสดงความสามารถครั้งแรก ๆ จากคนที่ด้นสดไม่เป็น และก็ไม่เคยเลย ทำได้ขนาดนี้ นับว่ามีความสามารถสูงและน่าที่จะไปได้ดี ถ้ามีการฝึกซ้อมมากกว่านี้
เพลงกำเนิดของคน (นำเอามาบางส่วนมาให้ฝึกหัดร้อง)
จะกล่าวกำเนิด เกิดปฏิสนธิ
จะเกิดเป็นคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย
เขาว่าพวกผู้ชาย ก่อนจะได้มาเกิด
นั้นเอากำเนิด มาจากพรึงไพร
ส่วนว่าผู้หญิง ที่จะมาเกิด
เขามีกำเนิด มาจากผู้ชาย
เป็นลูกเจ้าฟ้า หรือเจ้าแผ่นดิน
เขาดีดด้วยพิณ ขึ้นมาสามสาย
จะก่อกำเนิด จะเกิดเป็นตัว
พ่อคุณทูนหัว จะเกิดเป็นกาย
เกิดสีแดง ๆ เป็นแสงอัคคี
คล้ายกับพวกผี เรียกว่าผีพุ่งใต้
พุ่งทางหน้าต่าง ไปค้างยอดตอง
ไปเกาะท้องน่อง ของมารดาไทย (ยังมีต่อ)
(บทประพันธ์ของ การเวก เสียงทอง)
แต่ก็ถือได้ว่า ได้ไปพอสมควรและทางศิลปินเขาก็ได้มีการบันทึกวีดีโอเอาไปศึกษาด้วย ขอซาวด์จังหวะเอาไปฝึก ผมให้ไปทั้ง 2 แบบ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงเศษ (13.35-15.55 น.) เป็นเวลาที่ผมมองเห็นความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่คนคนหนึ่งใช้ความพยายามที่จะทำให้ได้ แต่เวลาต่างหากที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาความรู้ความสามารถของมนุษย์ เพราะเวลามีแต่จะหมดไป หมดไปในแต่ละวินาทีอย่างน่าเสียดาย
อาจารย์ครับ “วันนี้ผมคงต้องลาอาจารย์กลับไปก่อน เพราะผมจะต้องไปทำบุญกับเพื่อน ๆ ที่สองพี่น้องด้วยครับ ผมกะว่าแค่มาชิมลางดูก่อนว่า ผมจะทำได้ไหม เอาเป็นว่าผมจะต้องกลับมาหาอาจารย์อีกและจะฝึกจนผมสามารถร้องได้ ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากและน้องๆ ทุกคนด้วย ครับ”
(โปรดติดตามเรื่องราวในการฝึกหัดเพลงแหล่ของศิลปินคนดังต่อไปได้ ครับ)
ชำเลือง มณีวงษ์ : ผู้มีผลงานดีเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม สาขาการแสดงเพลงพื้นบ้าน ปี 2547
สวัสดีครับ คุณ ศศินันท์
ครูชำเลืองคับ ผมเป็นครูใต้คับ แต่สนใจเพลงพื้นบ้านภาคกลางที่ใช้ไหวพริบปฏิภาณในการร้องโต้ตอบ และลีลาการร้องของเพลงภาคกลางคับ ผมเคยเล่นเพลงฉ่อยในหลายโอกาส (เพื่อความบันเทิง) แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่รูปแบบวิธีที่ถูกต้อง อีกอย่างผมอยากมีครูคับ อยากจะสืบทอด การละเล่นพื้นบ้านครับ ผมมีพื้นฐานการด้นกลอนสดอยู่บ้างครับ
สวัสดีครับ คุณครูสามารถ