ชาวเพลงของผม
ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่แล้ว
เป็นศิลปินชื่อดัง
เข้ามาขอฝึกหัดเพลงพื้นบ้าน
ตอนที่ 2 (รอแล้วไม่มา)
ในตอนเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2550 ก่อนออกจากบ้านผมได้รับโทรศัพท์จากน้องที่ทำหน้าที่เป็นเลขาฯ ว่า “วันนี้พี่เขาติดภารกิจที่เชียงใหม่ ไปพบท่านอาจารย์ไม่ได้ จะขอเลื่อนไปเป็นวันอื่น แล้วหนูจะโทรมาแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบอีกครั้ง”
ในตอนเย็น ๆ ของวันที่ 9 ตุลาคม 2550 ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณเลขาฯ นักแสดงท่านนี้อีกครั้งหนึ่ง เธอพูดสายกับผมว่า “อาจารย์ค่ะในวันที่ 10 ตุลาคม 2550 อาจารย์พอที่จะมีเวลาให้พี่.... เขาไปพบได้ไหมค่ะ พี่เขามีความตั้งใจแน่วแน่ และก็มีความมุ่งมั่นที่จะไปพบท่านอาจารย์ให้ได้ในวันที่ 10 นี้ค่ะ ในเวลา 13.00 น.” ผมก็ตอบไปแบบเดิมว่า “ไม่ขัดข้องและผมมีเด็ก ๆ ฝึก ซ้อมเพลงกันอยู่ที่โรงเรียน อาคาร 5 ห้อง 512 เป็นเด็ก ๆ ชุดเดิม ครับ”
เช้าของวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ผมไปถึงห้องศิลปะ 512 พบว่า วันนี้เด็ก ๆ เขามากันแต่เช้า (มาก่อนผมเสียอีก) ทั้งที่ผมไม่ได้บอกพวกเขาเลยว่า วันนี้ผมจะมีแขกคนพิเศษมาพบ เพราะ ว่าทุกครั้งที่มีบุคคลภายนอกนัดหมายกับผมมา ผมก็จะไม่บอกให้เด็ก ๆ เขาทราบก่อน จะปล่อยให้เป็นไปตามปกติ พวกเด็ก ๆ ก็นำเอาบทร้องมาวาง แล้วแบ่งบทแบ่งตอนกันตามคิวที่จะทำการแสดง โดยผมมอบหมายให้ เด็กชายธีระพงษ์ พูลเกิด นักเรียนชั้น ม.3/6 และเด็กหญิงภาธิณี นาคกลิ่นกุล นักเรียนชั้น ม.3/1 ทำหน้าที่เป็นผู้แสดงนำ ให้เขาจัดการเรื่องเนื้อร้อง บทพูดและขั้นตอนในการแสดงทั้งหมด
นักแสดงเริ่มซ้อมคิวเพลงตั้งแต่เริ่มต้นโดยท็อป-ธีระพงษ์ ฝึกร้องขับเสภา โดยการฝึกบังคบเสียงให้ลงตัวตามร่องเสียงของผม และต่อด้วยขับเสภาท่อนที่สอง (บทที่ 2) โดยแป้ง-ภาธิณี ผมต้องปรับแก้ไขกระแสเสียงที่เด็ก 2 คนเขาร้องให้กลมกลืนกันซึ่งเป็นความยากที่จะให้สำเร็จได้ในเวลาอันจำกัด ต้องให้เวลาผู้ร้องได้รู้ว่า เสียงที่เขาร้องออกไปใส สะอาดน่าฟังเพียงใด แล้วทำนองของการขับเสภาจะช้า ใช้เครื่องดนตรีเพียงกรับคู่เดียวเคาะช้า ๆแล้วค่อย ๆ รัวในตอนหยอดเสียงร้องลงท้ายในแต่ละวรรค
ทั้งท็อปและแป้ง เขาร้องได้ดีทั้งคู่ เพียงแต่เสียงที่เปล่งออกมา ยังมีแกว่งไป-มาบ้างเล็กน้อย การควบคุมเสียงยังไม่ดีเท่าที่ควร การฝึกซ้อมการแสดงดำเนินไปตามขั้นตอน สลับผลัดเปลี่ยนผู้แสดงออกไปร้อง รำ ทำท่าทางกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งร้อง พูด เจรจาโต้ตอบ จนเวลาประมาณ 09.30 น. ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนเดิม ผมจำเสียงเธอได้แล้วว่าเป็นใคร เนื้อหาใจความในการสนทนาเวลานี้คือ “อาจารย์ค่ะ ขณะนี้พี่... เขาเดินทางไปพบท่านอาจารย์ โดยขับรถออกจากกรุงเทพฯ ไปแล้ว แต่เนื่องด้วยในขณะนั้นฝนตกหนักมาก (10 ตุลาคม 2550) อาจจะคลาดเคลื่อนเวลาที่นัดเอาไว้บ้าง ท่านอาจารย์รอด้วยนะค่ะ”
ถึงตรงจุดนี้ ผมเลยบอกเด็ก ๆ ไปว่า “ในตอนบ่ายวันนี้ จะมีศิลปินนักแสดงชื่อดังของเมือง ไทยคนหนึ่ง เดินทางมาพบครู ขณะนี้เขากำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางมา เด็ก ๆ เขาก็ตื่นเต้นกันพอสมควร รอเวลาที่จะได้พบกับศิลปิน ดารานักแสดง นักพูดชื่อดัง ฝึกซ้อมกันไปต่างก็บ่นกันจนเสียงดังว่า “เมื่อไหร่..น้า จะถึงบ่ายโมงเสียที จะได้พบกับพี่.... อยากจะเห็นตัวจริงใกล้ ๆ จังเลย อยากที่จะพูดคุยด้วยกับพี่เขาและอยากจะรู้ว่า พี่เขาจะมาหาอาจารย์ด้วยเรื่องอะไร”
จนถึงเวลาเที่ยงตรง เด็ก ๆ ในวงเพลงก็ยังไม่หยุดฝึกซ้อม วันนี้ผมเลยต้องขับรถออกไปซื้ออาหารกลางวันที่ตลาด นำเอามาให้เด็ก ๆ รับประทานกันที่ห้องฝึกซ้อมนั่นเอง (บางคนมีเงินติดตัวมาก็ฝากค่าอาหารมาให้ผมด้วย คนไหนที่ไม่มีเงินพกมา ผมจัดการออกแทนให้)
ในระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่นั้น มีสัญญาณโทรศัพท์มาหาผม อีกครั้งโดยข้อความที่สนทนาสรุปได้ว่า “อาจารย์ค่ะ พี่เขาคงจวนจะไปถึงอาจารย์แล้วละ ฝนตกหนักมาก เห็นท่าจะเลยเวลานัดไปบ้างเล็กน้อยแน่ ๆ แต่ก็คงไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอกค่ะ”
เวลา 13.35 นาที ผมได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง แจ้งว่า “อาจารย์ค่ะพี่... เขามาถึงที่อาคาร 5 แล้ว อาจารย์อยู่ตรงไหนค่ะ” ผมรับโทรศัพท์แล้วเดินลงบันไดไปรับแขกที่มาหายังด้านล่างทันที
ไม่มีความเห็น