ดิฉันจำวันที่อายุไม่กี่ขวบ วันที่ร้องเพลงคนกับควาย จิตรภูมิศักดิ์ ในบ้าน จู่ๆ เทปเพลงหนังสือยุค 14 ตุลา หายไป ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ (ที่ไม่ทราบเพราะเด็กมาก) และยังจำได้ว่า อาม่า (ยาย) มีหนังสือสวดมนต์เป็นภาษาจีน ปกแดง เย็มด้ายที่สัน เปิดแบบหนังสือภาษาจีน คือ จากขวามาซ้าย และตัวอักษรข้างใน เรียงจากบนลงล่าง หนังสือเล่มนั้น ถูกคนเข้ามายึดข้อหาเป็นหนังสือต้องห้าม เป็นหนังสือพวกคอมมิวนิสต์ (หรือเขาจะพิจารณาแต่สีของปกก็มิทราบได้ ทั้งๆ ที่แท้จริง เป็นเพียงหนังสือสวดมนต์เท่านั้นเอง) ... หนังสือถูกหิ้วหายไปเป็นเดือน จู่ๆ วันดีคืนดี ก็มีคนเอาหนังสือมาส่งคืนให้ คงประมาณว่า จะเอาคำภีร์พระไปทำไม(ฟะ) เนี่ย หิ้วมาคืนคนชราดีกว่า
จากวันนั้นถึงวันนี้ มันคงเป็นเรื่องที่ฝังใจเด็กตัวเล็ก จวบจนดิฉันพ้นผ่านผู้ใหญ่เต็มตัว ความรู้สึกรังเกียจการปิดกั้นต่างๆ มันฝังในใจอย่างมาก เมื่อใดที่เห็น ที่ได้รู้เรื่องการปิดกั้นด้วยความไร้เหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องของความเห็นต่างกันทางการเมือง แล้วทำให้ต้อง block ดิฉันจะยิ่งไม่ชอบใจ
เมื่อครู่ใหญ่ ได้อ่านเจอข่าวในสื่อใหม่ - ประชาไท - ในหัวข้อข่าวชื่อ กระแสกวาดล้าง “หนังสือต้องห้าม” ระบาดแล้ว รัฐไทยสั่งเก็บหนังสือวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน
โดยอ้างเหตุที่ระบุว่าหนังสือนี้เป็นหนังสือต้องห้าม เพราะมีการวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ของจีน และอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน
ดิฉันไม่เชื่อในทฤษฎีการปิดกั้น เมื่อใดก็ตาม ที่เราพยายามจะอุดช่องระบายไอร้อน ของกาที่กำลังต้มน้ำอยู่ เมื่อไร้ช่องทางออกของไอร้อน จนถึงขีดจำกัดของมัน กานั้นก็อาจจะระเบิดแตก ส่งผลให้ทั้งไอร้อน และน้ำร้อน ลวกคนใกล้เคียงได้หมด
ดิฉันจะลองขอความเห็นจากพ่อ (สำหรับเรื่องนี้) มาลงให้อ่านในวันหลังค่ะ
โอ... ตอนนี้ประเทศเราขยับเข้าสู่ลำดับต่อไปของการเดินตามรอยเท้าพม่าแล้วหรือ
(มีสัมพันธภาพที่ดีกับจีน เวลากวาดล้างประชาชนจะได้ทำได้ง่ายๆ)
เมื่อ อา. 14 ต.ค. 2550 @ 21:12 [422880] [ลบ]