ไปบ้านครัว, กรุงเทพฯ
เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวในกรุงเทพฯ บ้างครับ เมื่อวันอังคาร ที่ 21 สิงหาคม ไปสืบแหล่งผ้าที่ชุมชนบ้านครัว เพราะโปรดิวเซอร์ของรายการเคยบอกว่าที่นี่เขาไม่ได้ทำผ้าไหมกันแล้ว ย้ายไปที่ปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมาหมดแล้ว
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ชุมชนบ้านครัวเคยเป็นแหล่งทอผ้าไหมฝีมือดี มีการอ้างถึงกันมาก เพราะเมื่อสี่สิบปีก่อน จิม ทอมป์สัน (ไว้ค่อยเล่าเรื่องของจิมป์ให้ฟังในโอกาสต่อๆ ไป แต่เชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้ผ้าไทยคงรู้จักฝรั่งคนนี้ดีอยู่แล้ว) เคยสนับสนุนการทอผ้าของชาวบ้านครัว จนนำผ้าไหมของที่นี่ส่งออกเมืองนอกเมืองนา และเมื่อไม่กี่ปีก่อนเคยมีการชุมนุมประท้วงของชาวชุมชนบ้านครัวเรื่องการเวนคืนเพื่อตัดทางด่วน
สารคดีที่ออกอากาศไป ตอนประวัติศาสตร์ผ้าในประเทศไทย ตอนหนึ่งว่าด้วยจิม ทอมป์สัน ก็พูดถึงชุมชุนที่นี่แหละ แต่ไม่มีการมาถ่ายทำทั้งที่บ้านจิม ทอมสัน หรือที่บ้านครัวเลย เพราะโปรดิวเซอร์ให้ข้อมูลมาอย่างนี้ แต่ให้บังเอิญว่าประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ได้ชมสารคดีสั้นทางช่อง 5 บอกเล่าเรื่องชุมชนบ้านครัว เห็นมีการทอผ้าอยู่ ก็เลยต้องลงทุนหาข้อมูลเองเสียแล้ว
เท่าที่ฟังมา ชาวบ้านครัวเป็นกลุ่มมุสลิม อพยพมาจากเขมร แต่สาเหตุที่อพยพมานั้นยังฟังไม่ถนัด บ้างก็ว่าเป็นจามอาสา คือเป็นทหารในกองทัพไทย แต่ยังมีเรื่องที่ต้องค้นอีกเยอะแยะ เพราะผ้าเขมรกับผ้าบ้านครัว แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันแล้วในปัจจุบัน คงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องที่มาของชุมชนที่นี่ แต่ที่แน่ๆ คือเป็นชุมชนมุสลิม ส่วนชาวจีนคงจะเข้ามาทีหลัง เพราะทราบว่ามีชาวจีนแคะนำกี่กระตุกเข้ามาเผยแพร่สมัยรัชกาลที่ 6 ด้วย
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ ก็เปิดแผนที่ และลองค้นหาด้วยตัวเอง เพราะถามใครหลายๆ คนก็ไม่ค่อยมีใครทราบจริงๆ ว่าบ้านครัวอยู่ตรงไหน บ้างก็เล่าเสียน่ากลัว ว่าต้องมีคนนำเข้าไปนะ เขาไม่ให้คนนอกเข้าไปง่ายๆ บ้างก็ว่า เขามีบ้านครัวเหนือบ้านครัวใต้ จะไปที่ไหนล่ะ แต่ถาม 10 คนน่ะ มี แค่ 2 คนเท่านั้นเองที่บอกว่าบ้านครัวอยู่ใกล้ประตูน้ำ หรือริมคลองแสนแสบ
ก่อนนี้ถามใครก็บอกผิดๆ ถูกๆ บ้างก็ใกล้แถว อสมท. บ้างมีนบุรีบ้าง ตอนหลังถามน้องจอย เขาบอกว่า นั่งเรือทีไรก็ผ่านทุกที ทำไมไม่ถามเขาล่ะ เพราะเรือที่ออกจากสะพานผ่านฟ้าไปแถวคลองตันนั่นผ่านบ้านครัว บ้านจิม ทอมป์สัน ก่อนไปพักเปลี่ยนเรือแถวประตูน้ำ
ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ไม่ค่อยกลัวหรอก เรื่องที่ว่าเป็นที่หวงห้ามหรืออะไร เรื่องการสืบค้น หรือแอบแฝงตัวนั้น ถนัดอยู่แล้ว
เมื่อได้ฤกษ์ คือว่างจากงานอื่น และมีสตุ้งสตังค์พอสมควร (เตรียมไว้เผื่อจะต้องใช้จ่ายอื่นๆ) ประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็ไปที่นั่น หาอยู่พักหนึ่ง ลงรถบริเวณสะพานหัวช้าง แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปทะลุบริเวณถนนเจริญผล ใกล้คลองแสนแสบ มองข้ามถนนไปเห็นสุเหร่าสีเขียว ฝั่งตะวันตกของถนนเรียกว่าบ้านครัวใต้ บริเวณที่ยืนอยู่เรียกว่าบ้านครัวเหนือ ยืนคิดครู่หนึ่ง ก็ข้ามถนนไปที่บริเวณสุเหร่า เจอคุณยายคนหนึ่งนั่งอยู่บนร้านยกสูงที่ปากซอย เข้าไปคุย ถามว่าบ้านครัวไปทางไหน เขาว่า บอกมาก่อนว่าจะไปทำไม ก็บอกเขาไปว่าอยากมาดูที่เขาทอผ้าไหม จะทำสารคดีโทรทัศน์ คุณยายก็ท่าทางเป็นมิตรขึ้น บอกว่าแต่ก่อนทำผ้าไหมกันทุกบ้าน แต่ตอนหลังขายไม่ค่อยได้ เพราะราคาแพง แถมต้นทุนก็สูง ยังต้องเสียภาษีแพงอีก
ยายซึ่งอายุคราวเจ็ดสิบแล้ว บอกว่าเดิมก็ทอผ้าเหมือนกัน มีทอผ้ายกเป็นลวดลาย ทำแล้วก็ขายจิม ทอมป์สันนั่นแหละ ตอนหลังมีคนจีนเข้ามา ก็ทอผ้าเหมือนกัน แต่ตอนนี้เหลือแค่นิดหน่อย ถามยายว่าวันก่อนเห็นมีออกทีวี บ้านที่ทอผ้าไหม ยายบอกว่าบ้านนั้นพ่อเขาตาย วันนี้เขาปิดร้าน ระหว่างนั่งคุย มีชาวชุมชนผ่านเข้าออกก็ทักทายยายตลอด ในชุมชนนั้น (บ้านครัวใต้)
เป็นอันว่ามีคนทอผ้าแน่ๆ บอกว่างั้นขอเข้าไปดูก็แล้วกัน ยายแนะนำว่าให้บอกเขาว่ามาซื้อผ้าจะดีกว่า ยกมือหวัดดียายทีหนึ่ง แล้วก็ดั้นด้นค้นหาต่อไป แต่สงสัยอยู่ถ้าบอกว่าจะมาซื้อผ้าไหม เขาจะเชื่อไหมเนี่ย หน้าตาอย่างนี้
ว่าแล้วก็เดินเลียบคลองแสบแสน (ที่เน่าสนิท) มีทางเดินสะดวกเพราะมีทางซีเมนต์เรียบร้อย ริมน้ำก็เป็นรั้วเหล็กทาสีส้ม และตอนที่ไปเป็นช่วงกลางวัน ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรมากนัก เดินไปไม่เหนื่อย เพราะคอยสังเกตสังกาตลอดทาง เข้าไปในบ้านครัวใต้ อ้อมใต้สะพานไปออกบ้านครัวเหนือ ระหว่างเดินไปก็คอยระวังอยู่เหมือนกันว่าจะมีจิ๊กโก๋เดินตามหรือเปล่า เพราะที่นี่เป็นชุมชนมุสลิมทั้งหมด ตอนแรกเดินไปกลางหมู่บ้าน แต่เห็นมีหลายซอย กลัวจะงง ก็เลยเลาะออกไปแถวริมน้ำ เดินง่ายกว่า เห็นคนแต่งตัวเหมือนทำงานออฟฟิศสองสามคนเดินกลับบ้าน
บ้านเรือนของคนที่นี่ค่อนข้างแออัด เหมือนชุมชนแถวชายทะเลบางแห่ง แต่ที่เป็นเรือนไม้สองชั้นก็มีมากเหมือนกัน โดยมากจะวางข้าวของกันเกะกะ บางบ้านมีรั้วสูง มองเข้าไปข้างในมืดๆ บางบ้านมีคนนอนเล่นอยู่ข้างใน ที่นี่ถึงจะเป็นชุมชนมุสลิม แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเครื่องหมายบอกมากนัก นานๆ เห็นผู้ชายนุ่งโสร่งสักคน ส่วนที่สวมหมวกอย่างเป็นทางการนั้นไม่เห็นเลย เข้าใจว่าชาวบ้านที่นี่ออกไปทำงานข้างนอกกว่าครึ่ง กลางวันจึงเงียบเหงา เหลือแต่ผู้สูงอายุ และคนที่เปิดร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ หรือขายอาหาร ที่เห็นอยู่ราวสี่ห้าร้าน แต่ถ้าเดินเข้าไปกลางซอยคงจะเจอผู้คนมากกว่านี้ ชุมชนที่นี่ดูข้างนอกแล้วเหมือนเล็กๆ แต่พอเข้ามาจริงๆ กว้างขวางมาก
เดินเลียบน้ำไปเรื่อยๆ จนเกือบตรงข้ามบ้านจิม ทอมป์สันพอดี มีสะพานข้ามคลอง มีร้านขายผ้า ชื่อร้านมาลินีไหมไทย ร้านเก่าๆ โทรมๆ เห็นร้านหนึ่งแล้ว เดินต่อไปอีกพักหนึ่ง ไม่เห็นมีร้านขายผ้า หรือโรงทอตรงไหน ก็เลยเดินย้อนกลับมาที่ร้านมาลินี แล้วถามคนแถวนั้น ว่าที่เขาทอผ้าอยู่ตรงไหน เขาจึงบอกทางให้เข้าไปในซอยให้ เดินเข้าไปนิดเดียวก็ได้ยินเสียงกี่กระตุกฉึกฉักดังมาแต่ไกล ทางเดินแคบๆ เดินตามเสียงเข้าไป พอไปถึง เห็นผู้หญิงทอผ้าสี่ห้าคน กำลังทอไหมผ้าพื้น สะท้อนแสงเป็นประการวาววับ เป็นผ้าสีสดทั้งหมด
ดูท่าทางเร่งรีบ ราวกับโรงงาน ไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก เห็นแต่เป็นกี่กระตุกทั้งหมด ไม่มีอุปกรณ์สำหรับการเก็บลายอื่นๆ เข้าใจว่าคงจะทอผ้าพื้นอย่างเดียว ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะเห็นรีบทำงานกันไม่อยากไปขัดจังหวะ ถามไถ่อีกเล็กน้อย ก็ทราบว่าเขาทอกันจริงๆ ไม่ใช่ย้ายไปหมดเหมือนโปรดิวเซอร์ของรายการบอกไว้
ออกปากว่าจะเข้ามาถ่ายทำรายการสารคดีจะขัดข้องไหม เขาบอกว่าไม่ขัดข้องหรอก อย่ามาเรื่องทางด่วนก็แล้วกัน (ช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องการเวนคืนพื้นที่ชุมชนนี้ จนเกิดการประท้วงยืดยาว) มีคนมาถ่ายเยอะเหมือนกัน แต่ก็แนะนำให้ไปถามคนที่ปากทางเข้าก่อนเพื่อความแน่ใจ แค่นี้ก็พอแล้ว ดูไม่น่าจะมีปัญหา ขอบคุณเขาแล้วกลับมาออกมา บริเวณทางเข้าซอย เห็นบ้านหนึ่งกำลังย้อมเส้นไหมเป็นสีเหลือง เข้าใจว่าเป็นสีเคมีนั่นแหละ บางส่วนก็ตากบนราวไม้ บางส่วนกำลังยก กำลังย้อมกันอยู่ คุณยายที่ปากซอยบอกไว้แต่แรกว่าย้อมสีแบบจิม ทอมป์สันนั้นสีสด ติดทนดี จะใช้สีแบบนั้นต่อกันมา หรือจะมาเริ่มกันใหม่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ต้องหาข้อมูลกันต่อ
คนที่ปากทางเข้า (ท่าทางเหมือนนักเลงคุมซอย) บอกให้ไปหากรรมการหมู่บ้าน เดินหาอยู่พักใหม่ก็ได้เจอป้าใจ ท่าทางจะมีฐานะกว่าคนอื่นๆ ในละแวกนั้น แกให้เบอร์โทรไว้ บอกว่ามีคนมาถ่ายทำหลายทีแล้ว แกถามว่าทำไมไม่ติดต่อมาทางเขตราชเทวี ติดต่อไปที่นั่นก็ได้เหมือนกัน เป็นอันว่า ได้ความเรื่องบ้านครัว หลังจากนี้ก็คงต้องเข้าห้องสมุด (ที่บางคนเคยดูถูกว่าการเข้าห้องสมุด เป็นคนคับแคบ ไม่เปิดโลกกว้าง ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก ว่าทำไมคนไทยส่วนมากไม่เข้าห้องสมุด และไม่อ่านหนังสือ) เพื่อจะค้นที่ไปที่มาของชุมชนบ้านครัว รวมทั้งคงจะไปหอจดหมายเหตุ เผื่อจะได้ภาพเก่าๆ และหอภาพยนตร์ด้วย กะว่าจะเอามาประกอบในงานเขียน (ถ้ามี)
สำหรับท่านที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ หรือไม่คุ้นกับเส้นทางในกรุงเทพฯ ขอบอกให้ทราบว่า บ้านครัวนั้น อยู่ใกล้ศูนย์การค้ามาบุญครอง ใกล้สนามกีฬาแห่งชาติ ใกล้สยามพารากอน นั่งรถจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาแค่ 3 ไฟแดงก็ถึงแล้ว
บ้านครัวอาจจะเป็นแหล่งทอผ้าเพียงหนึ่งในสองแห่งในกรุงเทพฯ (อีกแห่งคือ ในพระตำหนักสวนจิตรลดา) แถมอยู่ใจกลางกรุงด้วย ถ้าสนใจลองแวะไปดูนะครับ แต่ก็แน่ล่ะ คงไม่มีบรรยากาศสวยงามอย่างชุมชนทอผ้าในต่างจังหวัด ่
เล่ามาเสียเหนื่อย เอาเป็นว่าได้เรื่องพอสมควรกับการไปชุมชนบ้านครัว น่าแปลกกใจไหมล่ะ ที่ใจกลางกรุงเทพฯ ก็มีการทอผ้าด้วยแรงงานคนอย่างสมัยก่อน
เดินเข้าไปนิดเดียวก็ได้ยินเสียงกี่กระตุกฉึกฉักดังมาแต่ไกล ทางเดินแคบๆ เดินตามเสียงเข้าไป พอไปถึง เห็นผู้หญิงทอผ้าสี่ห้าคน กำลังทอไหมผ้าพื้น สะท้อนแสงเป็นประการวาววับ เป็นผ้าสีสดทั้งหมด
สวัสดีครับ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผ้าอีกเยอะครับ ผลัดๆ กันอ่านกันเขียน ก็สนุกดี ถ้าเจอที่ผิดรบกวนบอกด้วยนะครับ ประเดี๋ยวคนอ่านงงแย่เลย
สวัสดีครับ คุณ แลกกันอ่านครับ ผมก็ตามเรื่องนาฏศิลป์มาตลอดเหมือนกัน ชอบแต่ฟังเพลงไทย เล่นดนตรีไม่เป็น
สวัสดีครับ คุณ coffee_mania แถวปางมะผ้าก็มีผ้าทอลีซูนะครับ ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง แต่เป็นผ้าแถบแคบๆ หลากสี
พี่ sasinanda ครับ แต่ที่บ้านครัว เขาทำเป็นเชิงอุตสาหกรรมในครัวเรือน แล้วก็สถานที่แคบ ดูเร่งรีบ อาจจะไม่เหมาะที่จะแวะไปเยี่ยมชม ถ้าไปก็คงจะได้บรรยากาศริมคลอง นึกถึงสมัยที่จิม ทอมป์สันยังมีชีวิต ประมาณนั้นนะครับ อ่านข้อมูลไปก่อนแล้วก็เตร่ๆ เผื่อนึกคิดอะไรออก
ชุมชนบ้านครัวเหนือดีจริงๆสวยมากมัสยิดของเขาก็ดี