FA มาประชุมเพื่อพัฒนาความรู้ตอนที่ 2..;วันเตรียมประชุมแบบสบายๆ


"คนเราก็เหมือนๆกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร มีค่าเท่ากันในความเป็นคน"

สวัสดีครับ

    วันนี้เรามาถึงแต่เช้า   แปลกมากครับ  เพราะปกติผมมารถไฟจะช้า ถึงก็สาย  ผมแทบตื่นไม่ทันเมื่อน้องมีน น้องเภสัชคนงามของทีมเรามาปลุก และบอกว่าลงสถานีหน้า

    การมาถึงแต่เช้าก็ดีครับ  เราต่อรถ taxi ต่อไปยังโรงแรม  เราทั้งหมดไม่เคยมีใครมาที่นี่เลย  แต่โชคดีที่พี่แทกซี่ใจดีรู้จัก  จึงบึ่งรถใช้เวลา 20 นาทีก็มาถึงครับ

   ถึงที่พักก็แยกกันพักและอาบน้ำเตรียมตัวทานอาหารเช้า  เราเลือกเดินไปทานร้านในซอย  ติดถนน  แต่ก็เดินไกลเหมือนกัน  ขณะเดินเราก็รู้สึกแปลก  เขินๆเล็กน้อย มองตัวเองเป็นบ้านนอกเข้ากรุงกัน  และก็เฮฮา  อิอิ

   

         ขณะที่ทานอาหารก็ได้คุยกันเรื่อง การให้บริการของเจ้าหน้าที่รถไฟ  ที่ดูแลตู้เรา  ซึ่งคอยปูเตียง  มีเรื่องที่เรารู้สึกได้คือ คุณลุงก็ให้บริการ  ทักทายตามปกติ  แต่ไม่ทราบว่าอย่างไร หลังจากนั้นท่านก็พูดแปลก  พูดและพูด เหมือนบ่นเล็กน้อย  แต่เราก็รู้สึกได้ว่าท่านอาจจะถูกตำหนิ  หรือบ่นการทำงานของท่าน  เราไม่ได้ยินคนที่พูด  แต่ก็เห็นถึงความไม่สบายใจจากคำพูดเจ้าหน้าที่ท่านนี้

    เมื่อวานนี้หลังที่ลุงปูที่นอนผมเสร็จ  ผมก็กล่าวกับคุณลุงเจ้าหน้าที่ว่าขอบคุณมากๆครับ หลายครั้ง ดูเหมือนว่าคำพูดของเราจะทำให้ลุงสงบลง พร้อมรอยยิ้มให้กันแบบสบายๆและจริงใจ

    เช้านี้เราก็มาคุยกัน  ทุกคนก็เข้าใจและเห็นใจ  และคิดว่าน่าสงสารและผู้คนที่ดูสูงส่งกว่า  ทางฐานะวัตถุดีกว่า  แต่จิตใจก็ไม่ได้สูงตามไปด้วยเลย  ผมรู้สึกดีที่ทุกคนมีมุมมองทางบวกและมีเมตตา  และเห็นคุณค่าของความเป็นคนไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะอะไร  ทำงานอะไร

   ดั่งที่ประโยคหนึ่งที่ลุงท่านนี้บ่นคือ  "คนเราก็เหมือนๆกัน  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร มีค่าเท่ากันในความเป็นคน"

  

    และวันนี้เราก็ได้เห็นชีวิตของผู้คนมากมาย  การทำงาน  การต่อสู้เพื่อปากท้อง เพื่อหนีออกจากความยากจน(ผมเริ่มเข้าใจคำนี้มากขึ้นอีกจากพ่อครูฯ)    ไม่ว่าจะเป็นแทกซี่  คนขายส้มตำ ขายของหน้าปากซอย  พนักงานดูดฝุ่นหน้าโรงแรม  ยาม   คนขายกาแฟโอเลี้ยง  ทุกคนต่างสวมหมวกและทำหน้าที่ของตนเอง เพื่อความอยู่รอด

    ครับชีวิตคนเมืองกรุง  เรามาเห็นแล้วก็รู้สึกว่าแม้แต่คนที่ดูเหมือนจะสบายมากๆ  ก็อาจจะไม่รู้ว่ากำลังทุกข์อยู่ก็ได้  ด้วยวิถีชีวิตเช่นนี้  ทุกๆคนก็ส่ายหน้าว่า  ไม่สามารถอยู่ได้แน่นอน

    ดูๆแล้วบ้านเรามีความสุข  ความสงบเหมือนสวรรค์(อันนี้ได้มาจากพ่อครูฯครับ)  คนที่อยู่ที่บ้านเราคือคนมีบุญ  (มาจากพ่อครูอีกละ)

   หลังทานอาหารเช้า  พี่ๆก็บอกว่าไปช๊อบกันก่อน  เพราะว่าประชุมทุกวันก็คงไม่ได้ไปจึงไปกันวันนี้  เริ่มที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ถึงเที่ยงทานอาหารเสร็จผมก็ขอตัวกลับเพราะว่าไม่ไหว  ง่วงจัง

  

      ส่วนพี่น้องที่เหลือก็ไปต่อกันที่ประตูน้ำ  เพื่อซื้อเสื้อผ้าตามประสาผู้หญิงๆกันครับ

   ตกเย็นผมนอนตื่อนพอดี  และพี่ๆก็นำอาหารมากินกันบนโรงแรมด้วยครับ  เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับผมมากๆเลยครับ  ทานข้าวด้วยกันที่ห้องเลย 

         ไม่ต้องไปทานด้านนอก  เรียบง่ายดี  สนุกสนานและอร่อยครับ  เมื่อเย็นเป็นส้มตำ ปลาทอดครับ

%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e095

ติดตามต่อครับ

หมายเลขบันทึก: 136760เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2007 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ตามมาดูคุณหมอก่อน
  • ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
  • คุณค่าของคนบางทีเราไม่ได้วัดกันที่วัตถุ
  • แต่ในกรุงเทพฯอาจจะเป็น ถ้าน้องหมอสังเกตจะพบว่าคนใช้แรงงานในกรุงเทพฯส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด
  • หากินเพื่อปากท้อง
  • ไม่มีที่ใดดีเท่าเราอยู่ในชนบทแล้วครับ
  • อากาศ ดี สังคมดี เราจะทำอย่างไรให้สังมที่เราอยู่มีความสุขได้อันนี้สำคัญมากครับ
  • พ่อครูถึงได้เป็นห่วงเกษตรกร
  • แต่ภาพสุดท้ายท่าทางอร่อยเนอะ
  • ฮ่าๆๆ

สวัสดีค่ะน้องหมอ

เมื่อวันก่อนไปเดินห้างสรรพสินค้า เพราะนัดไปทานข้าวกับครอบครัว เห็นข้าวของหรูหรา มากมาย  แต่ก่อนดูแล้วตื่นเต้นกับความสวยงาม แต่เดี๋ยวนี้ดูแล้วเห็นแต่สิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เห็นแต่วัตถุที่ไม่มีชีิวิตจิตใจ ที่สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้กับคนหลายๆ คนได้

เห็นคนที่เดินในห้างหรู หอบหิ้วสิ่งของมากมาย ราวกับของเหล่านั้นเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในชีวิต .. เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง แล้วก็เห็นใจคนเหล่านั้นที่ยังยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่เป็นอนิจจัง

เมื่อวานไปทานข้าวกับ อ.พิชัย กับน้องซูซานแถวสุขุมวิท ขาไปก็เห็นคนพิการคืบคลาน(แบบหนอน)ไปตามพื้น ร้องขอเศษเงินจากคนที่ผ่านไปมา เห็นคนทำงานขายของข้างถนน เรียกลูกค้าให้ซื้อของ เห็นแม่ที่นั่งอยู่ซอกข้างทาง ในอ้อมกอดมีลูกสาวสัก ๘-๑๐ ขวบ นอนหลับอยู่ คืนนี้ก็คงยึดซอกนั้นเป็นที่นอนเป็นแน่...

เห็นแล้วรู้เลยว่า ชีวิต เอาอะไรแน่ไม่ได้ และการเกิดเป็นทุกข์จริงๆ  

คนทำอาชีพอะไรก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีทั้งนั้น (ต้องเป็นอาชีพสุจริตนะคะ) ระดับของคนไม่ได้วัดด้วยฐานะการเงินหรือการงาน แต่มันวัดกันด้วยจิตใจมากกว่า
มาประชุมคราวนี้ ได้ต่อยอดความคิดเรื่องของความเป็นคนเพิ่มเติมขึ้นมามากมายเชียวนะครับ
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอสุพัฒน์
  • ป้าแดงเลื่อนหลักสูตรนี้ไป เพราะมีโปรแกรมไปเขมร
  • แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปเขมร น่าเสียดายมากที่ป้าแดงเดินทางไม่ทัน เลยเลื่อนไป เดือนมกรา
  • ไม่งั้น ก็จะได้เจอทีมประสานของปายแล้ว เสียดายๆๆๆๆๆๆ
  • ขอเก็บความรู้จากทางนี้นะคะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่ขจิต

  •   สรุปจะมาปายจริงนะครับ
  • วันนี้เบิกบานใจ  ไม่ต้องทำงานมาประชุมครับ
  • ได้เปิดหูเปิดตาก็ดีครับผม
  • ขอบคุณมากครับ  ช่วงนี้พี่มาเยี่ยมบ่อย อบอุ่นมากๆครับ
  • ขำๆๆน้องหมอ
  • ไม่ต้องทำงาน
  • ไป 18-22 ตุลาคมครับ
  • เป็นค่ายภาษาอังกฤษของปาย
  • คุณครูแอนชวนครับ
  • มีนักเรียนที่สนใจลองเอาไปร่วมก็ได้ครับ
  • ขอบคุณครับผม

สวัสดีครับอาจารย์

วันพฤหัสนี้อาจารย์ว่างหรือครับ

ถ้าเป็นไปได้อยากชวนพี่ๆน้องๆทีมประสานไป ลปรร กับอาจารย์แบบ F2F มากๆเลยครับ(เป็นชาวบล็อกทุกคนครับ)

ขออนุญาตบอกเบอร์นะครับ(0861166288)

อยากประสานกับท่านอาจารย์ก่อนครับ

ขอบคุณมากๆครับ

สวัสดีครับ

คุณPLittle Jazz \(^o^)/

   ขอบคุณครับที่มาร่วมแบ่งปัน  ในมุมที่ตรงกันครับ

    สบายดีนะครับ  ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ  สุขภาพใจผมว่าน่าจะดีมากๆอยู่  แต่กายก็ดูแลด้วยนะครับ

สวัสดีครับอาจารย์ธนพันธ์ ชูบุญ

   ขอบคุณอาจารย์มากๆครับที่มาเยี่ยมและแบ่งปันมุมมอง  ได้กำลังใจมากขึ้นครับ  ขอบคุณครับอาจารย์

  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท