มาต่อกันให้จบดีกว่า ผมไปเปิดบทความเก่าๆในเรื่อง “ข่มขืนแสนขมขื่น” หรือในบทความใหม่เรื่อง “จันดารา” ก็มีพูดถึงความผิดฐานข่มขืนและเรื่องอัตราโทษไว้แล้ว มันก็เหมือนกันแหละครับ ขอผ่านไปเลยครับ แต่สิ่งที่ยังติดใจอยู่ก็คือ ผมเขียนแบบสนุกติดตลกว่า ในความผิดฐานข่มขืนนั้น กฎหมายใช้คำว่า “ข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาตน” ถ้าเป็นภริยา คือ หมายถึงภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งต้องจดทะเบียนสมรส ดังนั้น ทะเบียนสมรสก็เหมือนกับใบขับขี่ ถ้าใครยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็รีบไปจดเสีย เพราะวันดีคืนดีภริยาไม่ยอมขึ้นมาละก็ ไปใช้กำลังข่มเหงก็จะเป็นความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติ
นั่น เป็นการเขียนเพื่อความสนุกสนาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต้องมาช่วยกันรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวทุกรูปแบบครับ การที่สามีเอาแต่ได้บังคับข่มเหงภรรยาโดยใช้กำลังข่มขืนก็น่าจะถือเป็นความผิดในอนาคต โดยอาจมีการแก้ไขกฎหมายว่า “ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิง ต้องระวางโทษ……” แล้วอาจจะเพิ่มวรรคสองว่า “กรณีหญิงนั้นเป็นภริยาตน ศาลอาจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ได้” เป็นต้น เพื่อให้สามีเกิดความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลเอาใจใส่ภริยา หากภริยาไม่ยอมก็ห้ามข่มเหง
ผมเอาเรื่องนี้ไปให้วิพากย์วิจารณ์ในหมู่ผู้ชาย เขาก็บอกว่า เฮ้ย! ถ้าอย่างนั้นไม่มีเมียดีกว่า ใช้วิธีการซื้อหญิงบริการดีกว่าไม่ต้องผูกพัน ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะการมีเมียก็คือการมีความรักบวกกับความใคร่เพื่อให้เกิดการสืบพันธุ์อันเป็นการขยายเผ่าพันธุ์ ถ้านอนกับเมียไม่ได้ เมียจะยอมให้มีเมียน้อยไหมล่ะ ทำไมต้องให้ผู้ชายเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้มีความต้องการทางเพศทุกวัน ทำไมผู้หญิงไม่เข้าใจผู้ชายบ้างว่า เวลาผู้ชายมีความต้องการขึ้นมาก็อยากระบายออกไป หากระบายกับภรรยาไม่ได้จะให้ไประบายที่ไหน ว่าก็ว่าเหอะ ผู้ชายมีเมียน้อยก็เพราะเมียไม่ยอมให้นอนด้วยนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็จะบ่นว่าปวดหัวบ้างละ ง่วงนอนบ้างละ ก็ว่ากันไป
พูดถึงเรื่องนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งพาภรรยาไปเที่ยวสวนสัตว์ พาไปดูกอริลล่าที่ถูกขังอยู่ในกรง แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ กลับมาอีกทีภรรยาเข้าไปอยู่ในกรงกอริลล่า เนื่องจากกอริลล่าง้างกรงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ พอเห็นผู้หญิงเผลอมันกันลากแขนเข้ากรงไปและกำลังจะข่มขืน พอดีสามีกลับมา ภรรยาก็ร้องขอความช่วยเหลือ “เร็วๆเข้าซิ มันจะข่มขืนฉันแล้ว เร็วววววววว” สามียืนทำหน้าตาเฉยเมยไร้อารมณ์และความรู้สึก พูดเนิบๆ ว่า “ก็บอกมันไปซิว่าปวดหัวและง่วงนอน” แทแล่ม แทแล่มแทแล่ม……
ในเรื่องพระจันทร์แดง เราจะเห็นความรุนแรงของผู้มีอำนาจทางการเงินกระทำต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ฆ่า ข่มขืน หลอกลวง หรือแม้แต่ผู้ที่เห็นเงินเป็นใหญ่แสวงหาสิ่งที่ตนต้องการไม่ว่าการกระทำนั้นจะชอบด้วยศีลธรรมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวันในสังคมเรา ผมว่าเราควรจะหันมาช่วยกันดูแลสังคม และช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเริ่มที่ตัวเราเอง โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อย่า…คิดหรือกระทำเพราะ…คนอื่นทำกันได้ ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย ใครๆก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น เพราะนั่นแสดงว่าท่านกำลังโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่น ท่านอยากได้ในสิ่งที่ท่านก็รู้ว่าไม่ควรได้ แต่ความรับผิดชอบในตัวท่านก็ยังพอมีจึงโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่นๆเขาก็ทำกัน ดังนั้นเอาความรับผิดชอบที่ท่านพอมีมาทำให้เป็นความรับผิดชอบอย่างจริงจังเถอะครับ
ในคติของไทย เราใช้เรื่องกฎแห่งกรรมมาเป็นตัวอธิบายเรื่องราวต่างๆ อย่างในเรื่องพระจันทร์แดงตัวโกงตัวร้ายก็จะถูกฆ่าตายหรือไม่ก็กลายเป็นคนบ้า เหมือนกับเป็นการยอมรับว่าเอาเหอะ ถึงกฎหมายเล่นงานมันไม่ได้ มันก็ตายเอง ผมไม่อยากให้คิดอย่างนั้น อยากให้คนไทยคิดว่าการปล่อยให้คนชั่วมีสิทธิลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมเป็นการทำร้ายสังคมและทำร้ายตัวเราด้วย จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องกำจัดจุดอ่อน
ผมอยากเห็นสังคมนี้ดีขึ้น แต่ไม่ได้คิดจะให้ดีขึ้นทันตาเห็นในวันนี้พรุ่งนี้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่จะพยายามปรับเยาวชนรุ่นใหม่ให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ตามที่โอกาสอำนวย พยายามให้เด็กและเยาวชนเห็นว่าระเบียบวินัยเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับพวกเขา เพราะสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานในการอยู่ร่วมในสังคมในอนาคตเพราะในสังคมเราบังคับกันด้วยกฎหมาย
การที่คนจะเคารพกฎหมายอย่างจริงจัง เขาต้องไม่มองข้ามความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่น ถ่มน้ำลายลงบนพื้น จอดรถในที่ห้ามจอดเพราะไม่รู้จะจอดตรงไหน และที่สำคัญคือเขาต้องรู้จักเคารพตัวเองก่อน เขาจะเป็นคนที่เคารพตัวเองและเคารพผู้อื่นได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้าใจว่าคุณธรรมจริยธรรมคืออะไร จากนั้นเขาจึงจะต้องรู้จักว่าการบังคับใช้กฎหมายคืออะไร ถ้าหากเขาเป็นผู้รักษากฎหมาย เช่น ในขณะที่เขาเป็นนักเรียน เขาเป็นสารวัตรนักเรียน เขาจะต้องรู้ว่าเพื่อนนักเรียนทำอะไรผิด เมื่อรู้ว่าผิดเขาทำอย่างไร แล้วเขาจะต้องรู้ว่าเมื่อกฎมีไว้อย่างไรแม้จะไม่มีผู้รักษากฎออกมาทำหน้าที่ เขายังต้องรักษากฎนั้นอยู่ดี และเมื่อรู้ว่าการบังคับใช้กฎหมายคืออะไรแล้ว เขาต้องรู้ต่อไปว่าหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วสังคมไม่ช่วยกันกระตุ้นให้คนเคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่รู้สึกถึงความสำคัญของกฎหมายแล้ว กฎหมายนั้นก็ไร้ประสิทธิภาพ แล้วเขาคิดว่าเขาต้องเป็นคนหนึ่งที่จะต้องเคารพกฎหมายเพื่อเป็นตัวอย่างให้คนอื่น นั่นแหละสังคมจึงจะดีขึ้น
ผมต้องการตัวช่วยคือท่าน หากท่านร่วมมือกับผมทำสิ่งที่ผมเอ่ยถึง ผมเชื่อว่าเป้าหมายของผมก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ท่านจะช่วยผมไหมครับสวัสดีค่ะท่าน
ครูอ้อยอ่านมาจนตอนจบเลยค่ะ ได้อ่านเรื่องแถมด้วยค่ะ..อิอิ..แบบนี้ต้องไปเที่ยวสวนสัตว์บ้างแล้ว...ชะอูย..ไม่ใช่ค่ะ..อิอิ
สวนสัตว์ที่ไหนคะ..ยังติดใจอีกหรือ..ครูอ้อย...
ขอบคุณค่ะ สนุกมากค่ะ ได้เรียนรู้กฏหมายด้วย เยี่ยมค่ะท่าน
สัวสดีครับครูอ้อย
ยินดีที่ครูอ้อยชอบครับ
ผมว่าอย่างน้อยก็เป็นความรู้รอบตัว และเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าวิชาที่ว่ายากๆ จะสามารถทำความเข้าใจได้ หากได้ผู้ถ่ายทอดที่ดี ผมอ่านความรู้ภาษาอังกฤษที่ครูอ้อยเขียนก็ยังรู้สึกเลยว่าเข้าใจง่ายครับ
สวัสดีครับ...
เข้ามาอ่านภาคจบ... สนุกสนาน และได้สาระเป็นอย่างมาก และคงต้องทะยอยกลับไปอ่านตอนต่าง ๆ บ้างแล้วล่ะครับ...
คุณแผ่นดินครับ
ลองเข้าไปอ่านเรื่องกฎหมายของผมตั้งแต่แรกๆดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าทำไม ป้าแดง ครูอ้อย คุณกฤษณา อ.ขจิต เป็นแควนประจำ อิอิ
อำแดงเหมือนกับนายริด ผมเคยดูครับ เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากเรื่องหนึ่งที่เคยดู ความเหลื่อมล้ำในสังคม ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงผู้ชาย เราคงจะต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขปรับทัศนคติของคนในสังคม ปลูกฝังการเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ตั้งแต่เด็กๆจึงจะได้ผล แต่อย่าเพิ่งหวังผลเลิศ ต้องค่อยเป็นค่อยไปแบบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นแหละครับ
สวัสดีคะท่านบัณฑูร-ทองตัน
จากบันทึกไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง...เสียดายแย่(๒) : ความเสี่ยงในงานปฏิบัติการพยาบาล การบริหารความเสี่ยงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานทุกอย่าง ดีใจที่ท่านได้ร่วมแชร์งานด้านกฎหมายกับงานวิชาชีพพยาบาล ขอบพระคุณคะ
คุณ ครับ
ผมเห็นใจหมอและพยาบาลมากเลยครับ เพราะการปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องสูงมาก แต่ค่าตอบแทนกลับไม่เพิ่มขึ้น และความคิดของคนในสังคมเปลี่ยนไปจากความรู้สึกเป็นบุญคุณกลับกลายเป็นหน้าที่ให้หมอและพยาบาลต้องดูแลเขา มันคนละเรื่อง ภรรยาผมก็เคยถูกหมอลืมผ้าก๊อตไว้ในท้องตอนผ่าตัดทำคลอดลูกสาวคนที่เล่าให้ฟังนั่นแหละครับ ทั้งหมอทั้งพยาบาลกลัวกันมากเพราะตอนนั้นผมเป็นทนายความ แต่ผมก็ไม่ได้ฟ้องเพราะรู้ดีว่าหมอและพยาบาลมิได้มีเจตนาให้มันเกิด ครับ
ดีใจที่ชอบเรื่องฮาๆครับ
สวัสดีครับคุณ
ในเรื่องงานเสี่ยง หมอและพยาบาลอาจเสี่ยงเรื่องถูกฟ้องจากการปฏิบัติงานได้ด้วยนะครับ เหมือนที่บอกกับคุณกฤษณา และถ้าหากมีอะไรให้ผมรับใช้ในเรื่องข้อกฎหมายก็ยินดีครับ
คุณ
ความจริงมันมีลางบอกเหตุแล้วครับ ตอนภรรยาผมเข้าห้องผ่าตัด ผมถามพี่พยาบาลว่า ที่นี่เคยลืมของในท้องคนไข้ไหม พี่เขาบอกว่า ไม่มี๊...ถ้ามีก็ของน้องนั่นแหละเป็นคนแรก แล้วเราก็หัวเราะกัน
พอถึงเวลาผ่าตัด หมอมือใหม่แต่มีน้ำใจมาดูแลท้องภรรยาให้ตั้งแต่ต้นเพราะหมอเจ้าของไข้ไปประชุมที่กทม.ตอนแรกนึกว่าจะคลอดธรรมดาเหมือนคลอดพี่ชาย แต่เด็กอยู่ท่าก้นก็เลยยินยอมให้ผ่า แล้วทำทีเดียวหลายงานแบบ one stop service คือ ผ่าตัดทำคลอด,ทำหมันเพราะได้ครบคู่แล้ว กับตัดไส้ติ่ง เลยเป็นเรื่องเพราะใชข้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดนานประมาณ ๓ ชั่วโมงเพราะหาไส้ติ่งไม่เจอ มันหลบใน
หลังจากรู้เรื่องว่าลืมของทุกคนกลัวกันมาก เพราะผมเป็นทนายมือดีของจังหวัด แต่ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิด และสนิทกับทั้งหมอและพยาบาล ทั้งภรรยาผมก็อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลนั้นเอง ทุกอย่างก็เลยจบ สนิทสนมยิ่งกว่าเดิม
หมอคนทำคลอดลูกชายผิวขาว ลูกชายเกิดมาผิวขาว หมอทำคลอดลูกสาวผิวคล้ำ เรายังแซวกันว่ามันน่าจะผิวคล้ำ เดี๋ยวนี้ลูกสาวผมสีน้ำผึ้งครับ แฮ่...เรื่องมันผ่านไป ๒๕ ปีแล้วครับ ขาดอายุความแล้ว..ฮิฮิ
ได้ลูกสาวผิวสีน้ำผึ้งน่ะสวยนะคะ แต่งตัวง่าย...ถ้าขาวจั๊วเกินไปมองเห็นเส้นเลือดฝอยเด็กๆจะไม่ชอบค่ะ..ผิวขาวมากๆใส่สีอะไรก็ดูโพลนไป...ชอบสีน้ำผึ้งเหมือนกันค่ะ( ไม่มีให้เลือก เพราะที่บ้านก็ไม่มีขาวสักคน..อิ..อิ...ได้มาป็นสีแทนทั้งนั้นค่ะ...เราบอกกันว่าสีดำแทนขาว...อิ..อิ....)