พระจันทร์แดง(๓)


คุณจะเชื่อไหมถ้าหมอศมาบอกว่าไม่รู้สำนึกในการกระทำเพราะขณะนั้นเขาเป็นสาง ผมมีบทพิสูจน์

            คราวที่แล้วก็ว่ากันเรื่องกฎหมายป่าไม้เต็มๆ เพราะเราพูดถึงพ่อเลี้ยงเดชตัดไม้ทำลายป่า โดยแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว แสวงหาความร่ำรวยโดยไม่เคยคำนึงว่าธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะถูกทำลายไปมากน้อยขนาดไหน เป็นพวกไร้จิตสำนึก ไอ้คนอย่างนี้แหละที่เราทุกคนจะต้องรวมหัวกันไม่คบค้าสมาคม เอาของอะไรมาให้ก็ไม่ต้องรับ ข้าราชการต้องไม่คบคนพวกนี้ ประชาชนก็ต้องไม่ยกย่อง เอาเงินไปบริจาคสถานศึกษาก็ไม่ต้องรับ เอาไปทำบุญที่ไหนก็ไม่ต้องรับ ถ้าทำได้อย่างนี้จริง ผมว่าคนพวกนี้ก็จะค่อยๆหมดไปจากสังคมเพราะมันจะตายเอง และจะไม่มีคนอย่างนี้เกิดขึ้น อ้าวผมฝันไปหรอกหรือนี่แฮ่ะๆๆ

            คราวนี้เรามาดูเรื่องสางกันละครับ เรารู้กันแล้วว่าสางมีสองตัว แต่เราจะพูดถึงสางที่ชื่อ ศมา ถ้าเราจะศึกษาข้อกฎหมายจากการกระทำของสางศมา จะน่าสนใจมากครับ น่าสนใจอยู่ที่ในกฎหมายอาญานั้น การจะเป็นความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด และกฎหมายอาญาจะมีบทบัญญัติลงโทษสำหรับคนที่รู้สำนึกในการกระทำ และการวินิจฉัยว่าการกระทำของคนๆนั้นผิดหรือไม่ผิด หรือผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ หรือผิดแต่อาจได้รับโทษน้อยลง กฎหมายอาญาก็มีตัวบทกฎหมายจะกำหนดไว้ชัดเจน เช่น

เด็กอายุยังไม่เกินเจ็ดปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ

กรณีนี้แสดงว่า กฎหมายบอกว่าการกระทำนั้นผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ ทีนี้เรามาดูการกระทำที่กฎหมายบอกว่าไม่ผิดบ้าง

ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด

เอา มาดูกันอีกแบบที่ผิดแต่ศาลจะลงโทษเท่าไหร่ก็ได้

ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

แล้วการกระทำของหมอศมาจะเป็นความผิดไหม หรือ ผิดแต่ศาลลงโทษเท่าใดก็ได้ หรือ ผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เห็นไหมครับ นี่แหละคือการเรียนรู้ งั้นเรามาเรียนรู้กันต่อ

ผมให้ท่านดูกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ เลยดีกว่า

ผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นแต่ถ้าผู้กระทำผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

เป็นไงครับ พอมีลุ้นให้หมอศมาบ้าง ใช่ไหมครับ  เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนจะมาวิเคราะห์เรื่องหมอศมา ไปดูเรื่องจริงกันก่อน  เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องของลูกเขยที่มีสติสัมปชัญญะไม่ค่อยสมประกอบ พ่อตาก็เลยพาลูกสาวกลับ พอจะไปหาเมียก็จะถูกพ่อตากีดกันถึงขนาดเอามีดพร้าไล่ฟัน จนลูกเขยอาฆาตแค้นพ่อตาแต่ทำอะไรไม่ได้ วันเกิดเหตุพ่อตา แม่ยาย และเพื่อนบ้านเดินผ่านหน้าบ้าน ลูกเขยซึ่งยาที่เอามาจากโรงพยาบาลหมดยังไม่มีเวลาไปเอา และเริ่มมีอาการเพี้ยนๆ ยืนอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน คว้ามีดพร้าออกมาวิ่งไล่ทันทีในที่สุดก็วิ่งทันพ่อตาและใช้มีดพร้าฟันพ่อตาตายคาที่ โดยที่ไม่ได้ฟันแม่ยายกับเพื่อนบ้าน หลังเกิดเหตุก็วิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในดงข้าวโพด จนกระทั่งตอนเช้าตำรวจจับได้

รู้ไหมครับทำไมผมจำเรื่องนี้ได้ เพราะจำเลยคนนี้เองที่เป็นคนที่ทำให้อัยการฝีมือดีอย่างผมจนแต้ม ถามความได้แค่สามคำถามแล้วไม่รู้จะถามอะไรจำเลย คำถามแรกผมถามว่า ก่อนเกิดเหตุไปทำอะไรอยู่ที่ไหนถึงได้มาฟันพ่อตา เขาตอบว่า จำไม่ได้  คำถามที่สองแล้วขณะเกิดเรื่องไปฟันเขาคิดอะไรอยู่ เขาตอบว่า จำไม่ได้ ผมจึงหยอดคำถามที่สาม งั้นหลังเกิดเหตุไปทำอะไร เขาตอบผมว่า จำไม่ได้  มุขร้ายมาก ร้ายจนผมทำอะไรไม่ได้เลย

แต่อัยการอย่างผมหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ ทนายจำเลยพาพ่อของจำเลยมาเบิกความเรื่องอาการวิกลจริตของจำเลย ผมก็เลยถามพ่อของจำเลยว่าในวันเกิดเหตุมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนหลังเกิดเหตุมีอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ความว่าหลังเกิดเหตุจำเลยแอบไปซ่อนตัวอยู่ในดงข้าวโพด รุ่งเช้าตีห้าก็แอบมาขอบุหรี่พ่อสูบ  ผมถามพ่อจำเลยว่าได้ถามจำเลยไหมว่า ไปฟันพ่อตาทำไม  พ่อจำเลยตอบว่า มันบอกว่าพญานาคใช้ให้ฟัน แต่นี่ดีนะขอไว้ได้สองคน(หมายถึงแม่ยายกับเพื่อนบ้าน) ไม่งั้นพญานาคให้ฟันหมดทั้งสามคนเลยแหละ ในที่สุดศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษจำคุกจำเลย ๘ ปี เพราะศาลเชื่อว่าขณะเกิดเหตุจำเลยรู้ผิดชอบอยู่บ้างจากเหตุการณ์เกิดเหตุแล้วหนีไปซ่อนตัวในดงข้าวโพด คำตอบของพ่อจำเลยที่บอกว่าจำเลยบอกว่าพญานาคให้ให้ฟันสามคนแต่จำเลยขอไว้สองคนแสดงว่า รู้ผิดชอบอยู่บ้าง

เอาละคราวนี้เรามาดูเรื่องนี้กันต่อ ทีนี้เรามาดูกันที่หมอศมา ขณะที่หมอศมากลายร่างเป็นเสือดำ หมอศมาบอกว่าไม่รู้ตัวเลย และเสียใจที่สางฆ่าคน เพราะหมอศมาเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาชาวบ้านให้หายจากโรคร้ายจนชาวบ้านต่างพากันรักหมอศมา ถ้าเป็นความจริงการกระทำของหมอศมา ก็เป็นความผิด แต่หมอศมาไม่ต้องรับโทษครับ

แต่……อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอย่างนั้นครับ อย่าเพิ่งเข้าข้างหมอศมา หันมามองหมอศมาแบบอัยการอย่างผมบ้าง หากคดีหมอศมาเข้ามาที่สำนักงานอัยการและผมเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ผมฟ้องนะ หรือเจ๊พรทิพย์ว่าไงครับ แฮ่ะๆๆ

ทำไมหรือครับ เรื่องนี้มีปัญหาแน่ครับ เพราะหมอศมาอ้างว่าขณะเป็นสางนั้น สางฆ่าคนโดยที่หมอศมาไม่รู้เรื่อง แต่เวลาเจอครูปาริชาติทำไมสางไม่ฆ่าล่ะ แล้วไม่ใช่เจอครั้งเดียวนะ เจอหลายครั้ง แถมครั้งหลังสุดสางยังมีอารมณ์รักกับครูปาริชาติโดยครูปาริชาติยอมให้สางร่วมประเวณีด้วย  ต่อให้อมพระประธานในโบสถ์มาพูดผมก็ไม่เจอว่าสางไม่รู้สำนึกในการกระทำ ผมว่ามันต้องรู้สำนึกอยู่บ้าง ไม่งั้นมันจะละเว้นบางคนได้ยังไง ไม่งั้นสางจะเอาอารมณ์รักใคร่มาจากไหน ผมไม่เชื่อหมอศมาเลยจริงๆ พับเผื่อย…….

แต่เรื่องพระจันทร์แดงนี่ ผมไม่รู้ว่าคนเขียนเขาแฝงอะไรไว้บ้าง แต่ผมอ่านแล้วผมตีความเอาว่า คนเขียนอยากสะท้อนจิตใจของมนุษย์และสอนคนดูว่า อย่ามองคนแต่รูปโฉม หรือกับสิ่งที่ตามองเห็น โดยไม่ศึกษาว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจอย่างไร  หรืออาจอยากจะบอกว่ามนุษย์มีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัวมันเอง อยู่ที่ใครจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่ากัน อย่างหมอศมาเมื่อควบคุมตัวเองในเวลากลางวันได้หรือในด้านสว่าง เขาก็เป็นคนดีของสังคม แต่พอถึงกลางคืนหรือด้านมืดของเขา เขาก็คือคนที่คิดร้าย มีความคิดในการทำลายเพื่อนมนุษย์

ท่านเคยสังเกตไหมว่า ทุกวันนี้สังคมเราอยู่กันแบบหมอศมาหรือเปล่า เราทำสิ่งหนึ่งต่อหน้าคนหมู่มาก แต่พอไม่มีใครเห็นเราคิดจะทำอีกอย่างหนึ่งหรือไม่  หรือเราคิดแบบครูปาริชาติ หรือแบบเจ้าแสงผู้รับใช้หมอศมา ที่รู้ว่าหมอศมากลายร่างเป็นสางแล้วไปฆ่าคนแล้วก็ช่วยกันปกปิด เหมือนกับเรารู้ว่าคนๆหนึ่งเป็นคนชั่วของสังคม แต่เพราะเขาเป็นคนมีฐานะ ต่อหน้าคนอื่นจึงต้องคบค้าสมาคมด้วย  โดยไม่ยอมเปิดเผยความชั่ว ท่านเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า และท่านคงจะต้องคิดต่อแล้วละครับว่า เราควรจะต้องทำอะไรสักอย่างหรือยัง เพื่อให้สังคมนี้ดีขึ้น………(แต่เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ตามผมต่อนะครับ)
หมายเลขบันทึก: 135598เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2007 19:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • จริงๆ ก็เคยคิดว่า หมอศมาไม่มีความผิดเพราะไม่รู้สึกตัว
  • แต่ไม่รู้ว่าจะเอาหลักฐานพยานอะไรมาอ้าง
  • -----
  • ส่วนเรื่องไม่ทำร้ายคนรัก ก็คงเพราะคนรักเป็นนางเอกมังคะ ตายไม่ได้ อิอิอิ อันนี้ล้อกันเล่น

ซาหวัดดีครับP

อ่านตอนสามจบแล้วหรือครับ งั้นผมเอาใจต่อไหนๆพรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ เอาตอนจบไปเลย

สวัสดีค่ะท่าน

บอกแล้วไงคะ ว่า ความรัก มีอยู่ทั่วทุกแห่ง  แม้แต่สาง..ยังมีเลยค่ะ.อิอิ

ดีน่ะ  เป็นครูปาริชาติ..ไม่ใช่ครูอ้อย..ฮา..

สวัสดีครับครูอ้อย

ครูอ้อยอ่านหนังสือเร็วมากสิครับ

แฮ่ะๆ ดีนะที่ไม่ใช่ครูอ้อย ว่าแต่ว่า ครูอ้อยเป็นนางแมวป่าหรือเปล่า...อิอิ

ท่านขา

  • "จำเลยบอกว่าพญานาคให้ให้ฟันสามคนแต่จำเลยขอไว้สองคนแสดงว่า รู้ผิดชอบอยู่บ้าง"
  • สงสัยค่ะว่าทำไมถึงคิดว่า  จำเลยรู้ผิดชอบอยู่บ้าง....จำเลยอาจจะคิดว่า  ฟันตั้งสามคนเหนื่อยแย่เลย...ขอสองคนและกัน....

คุณ  P ครับ

การที่จำเลยรู้จักยับยั้งชั่งใจนั่นแหละครับ ที่ถือว่ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง เพราะถ้าเป็นคนวิกลจริตที่ไม่ต้องรับโทษต้องไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปครับ คนวิกลจริตคงไม่คิดว่าเหนื่อยมังครับ ผมไม่รู้คำตอบจริงเพราะ ไม่เคยบ้า...ครับ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท