คราวที่แล้วก็ว่ากันเรื่องกฎหมายป่าไม้เต็มๆ เพราะเราพูดถึงพ่อเลี้ยงเดชตัดไม้ทำลายป่า โดยแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว แสวงหาความร่ำรวยโดยไม่เคยคำนึงว่าธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะถูกทำลายไปมากน้อยขนาดไหน เป็นพวกไร้จิตสำนึก ไอ้คนอย่างนี้แหละที่เราทุกคนจะต้องรวมหัวกันไม่คบค้าสมาคม เอาของอะไรมาให้ก็ไม่ต้องรับ ข้าราชการต้องไม่คบคนพวกนี้ ประชาชนก็ต้องไม่ยกย่อง เอาเงินไปบริจาคสถานศึกษาก็ไม่ต้องรับ เอาไปทำบุญที่ไหนก็ไม่ต้องรับ ถ้าทำได้อย่างนี้จริง ผมว่าคนพวกนี้ก็จะค่อยๆหมดไปจากสังคมเพราะมันจะตายเอง และจะไม่มีคนอย่างนี้เกิดขึ้น อ้าว…ผมฝันไปหรอกหรือนี่…แฮ่ะๆๆ
คราวนี้เรามาดูเรื่องสางกันละครับ เรารู้กันแล้วว่าสางมีสองตัว แต่เราจะพูดถึงสางที่ชื่อ ศมา ถ้าเราจะศึกษาข้อกฎหมายจากการกระทำของสางศมา จะน่าสนใจมากครับ น่าสนใจอยู่ที่ในกฎหมายอาญานั้น การจะเป็นความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด และกฎหมายอาญาจะมีบทบัญญัติลงโทษสำหรับคนที่รู้สำนึกในการกระทำ และการวินิจฉัยว่าการกระทำของคนๆนั้นผิดหรือไม่ผิด หรือผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ หรือผิดแต่อาจได้รับโทษน้อยลง กฎหมายอาญาก็มีตัวบทกฎหมายจะกำหนดไว้ชัดเจน เช่น
“เด็กอายุยังไม่เกินเจ็ดปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ”
กรณีนี้แสดงว่า กฎหมายบอกว่าการกระทำนั้นผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ ทีนี้เรามาดูการกระทำที่กฎหมายบอกว่าไม่ผิดบ้าง
“ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด”
เอา มาดูกันอีกแบบที่ผิดแต่ศาลจะลงโทษเท่าไหร่ก็ได้
“ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”แล้วการกระทำของหมอศมาจะเป็นความผิดไหม หรือ ผิดแต่ศาลลงโทษเท่าใดก็ได้ หรือ ผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เห็นไหมครับ นี่แหละคือการเรียนรู้ งั้นเรามาเรียนรู้กันต่อ
ผมให้ท่านดูกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ เลยดีกว่า
“ผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นแต่ถ้าผู้กระทำผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”เป็นไงครับ พอมีลุ้นให้หมอศมาบ้าง ใช่ไหมครับ เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนจะมาวิเคราะห์เรื่องหมอศมา ไปดูเรื่องจริงกันก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องของลูกเขยที่มีสติสัมปชัญญะไม่ค่อยสมประกอบ พ่อตาก็เลยพาลูกสาวกลับ พอจะไปหาเมียก็จะถูกพ่อตากีดกันถึงขนาดเอามีดพร้าไล่ฟัน จนลูกเขยอาฆาตแค้นพ่อตาแต่ทำอะไรไม่ได้ วันเกิดเหตุพ่อตา แม่ยาย และเพื่อนบ้านเดินผ่านหน้าบ้าน ลูกเขยซึ่งยาที่เอามาจากโรงพยาบาลหมดยังไม่มีเวลาไปเอา และเริ่มมีอาการเพี้ยนๆ ยืนอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน คว้ามีดพร้าออกมาวิ่งไล่ทันทีในที่สุดก็วิ่งทันพ่อตาและใช้มีดพร้าฟันพ่อตาตายคาที่ โดยที่ไม่ได้ฟันแม่ยายกับเพื่อนบ้าน หลังเกิดเหตุก็วิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในดงข้าวโพด จนกระทั่งตอนเช้าตำรวจจับได้
รู้ไหมครับทำไมผมจำเรื่องนี้ได้ เพราะจำเลยคนนี้เองที่เป็นคนที่ทำให้อัยการฝีมือดีอย่างผมจนแต้ม ถามความได้แค่สามคำถามแล้วไม่รู้จะถามอะไรจำเลย คำถามแรกผมถามว่า ก่อนเกิดเหตุไปทำอะไรอยู่ที่ไหนถึงได้มาฟันพ่อตา เขาตอบว่า จำไม่ได้ คำถามที่สองแล้วขณะเกิดเรื่องไปฟันเขาคิดอะไรอยู่ เขาตอบว่า จำไม่ได้ ผมจึงหยอดคำถามที่สาม งั้นหลังเกิดเหตุไปทำอะไร เขาตอบผมว่า จำไม่ได้ มุขร้ายมาก ร้ายจนผมทำอะไรไม่ได้เลย
แต่อัยการอย่างผมหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ ทนายจำเลยพาพ่อของจำเลยมาเบิกความเรื่องอาการวิกลจริตของจำเลย ผมก็เลยถามพ่อของจำเลยว่าในวันเกิดเหตุมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนหลังเกิดเหตุมีอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ความว่าหลังเกิดเหตุจำเลยแอบไปซ่อนตัวอยู่ในดงข้าวโพด รุ่งเช้าตีห้าก็แอบมาขอบุหรี่พ่อสูบ ผมถามพ่อจำเลยว่าได้ถามจำเลยไหมว่า ไปฟันพ่อตาทำไม พ่อจำเลยตอบว่า มันบอกว่าพญานาคใช้ให้ฟัน แต่นี่ดีนะขอไว้ได้สองคน(หมายถึงแม่ยายกับเพื่อนบ้าน) ไม่งั้นพญานาคให้ฟันหมดทั้งสามคนเลยแหละ ในที่สุดศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษจำคุกจำเลย ๘ ปี เพราะศาลเชื่อว่าขณะเกิดเหตุจำเลยรู้ผิดชอบอยู่บ้างจากเหตุการณ์เกิดเหตุแล้วหนีไปซ่อนตัวในดงข้าวโพด คำตอบของพ่อจำเลยที่บอกว่าจำเลยบอกว่าพญานาคให้ให้ฟันสามคนแต่จำเลยขอไว้สองคนแสดงว่า รู้ผิดชอบอยู่บ้าง
เอาละคราวนี้เรามาดูเรื่องนี้กันต่อ ทีนี้เรามาดูกันที่หมอศมา ขณะที่หมอศมากลายร่างเป็นเสือดำ หมอศมาบอกว่าไม่รู้ตัวเลย และเสียใจที่สางฆ่าคน เพราะหมอศมาเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาชาวบ้านให้หายจากโรคร้ายจนชาวบ้านต่างพากันรักหมอศมา ถ้าเป็นความจริงการกระทำของหมอศมา ก็เป็นความผิด แต่หมอศมาไม่ต้องรับโทษครับ
แต่……อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอย่างนั้นครับ อย่าเพิ่งเข้าข้างหมอศมา หันมามองหมอศมาแบบอัยการอย่างผมบ้าง หากคดีหมอศมาเข้ามาที่สำนักงานอัยการและผมเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ผมฟ้องนะ หรือเจ๊พรทิพย์ว่าไงครับ แฮ่ะๆๆทำไมหรือครับ เรื่องนี้มีปัญหาแน่ครับ เพราะหมอศมาอ้างว่าขณะเป็นสางนั้น สางฆ่าคนโดยที่หมอศมาไม่รู้เรื่อง แต่เวลาเจอครูปาริชาติทำไมสางไม่ฆ่าล่ะ แล้วไม่ใช่เจอครั้งเดียวนะ เจอหลายครั้ง แถมครั้งหลังสุดสางยังมีอารมณ์รักกับครูปาริชาติโดยครูปาริชาติยอมให้สางร่วมประเวณีด้วย ต่อให้อมพระประธานในโบสถ์มาพูดผมก็ไม่เจอว่าสางไม่รู้สำนึกในการกระทำ ผมว่ามันต้องรู้สำนึกอยู่บ้าง ไม่งั้นมันจะละเว้นบางคนได้ยังไง ไม่งั้นสางจะเอาอารมณ์รักใคร่มาจากไหน ผมไม่เชื่อหมอศมาเลยจริงๆ พับเผื่อย…….
แต่เรื่องพระจันทร์แดงนี่ ผมไม่รู้ว่าคนเขียนเขาแฝงอะไรไว้บ้าง แต่ผมอ่านแล้วผมตีความเอาว่า คนเขียนอยากสะท้อนจิตใจของมนุษย์และสอนคนดูว่า อย่ามองคนแต่รูปโฉม หรือกับสิ่งที่ตามองเห็น โดยไม่ศึกษาว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจอย่างไร หรืออาจอยากจะบอกว่ามนุษย์มีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัวมันเอง อยู่ที่ใครจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่ากัน อย่างหมอศมาเมื่อควบคุมตัวเองในเวลากลางวันได้หรือในด้านสว่าง เขาก็เป็นคนดีของสังคม แต่พอถึงกลางคืนหรือด้านมืดของเขา เขาก็คือคนที่คิดร้าย มีความคิดในการทำลายเพื่อนมนุษย์
ท่านเคยสังเกตไหมว่า ทุกวันนี้สังคมเราอยู่กันแบบหมอศมาหรือเปล่า เราทำสิ่งหนึ่งต่อหน้าคนหมู่มาก แต่พอไม่มีใครเห็นเราคิดจะทำอีกอย่างหนึ่งหรือไม่ หรือเราคิดแบบครูปาริชาติ หรือแบบเจ้าแสงผู้รับใช้หมอศมา ที่รู้ว่าหมอศมากลายร่างเป็นสางแล้วไปฆ่าคนแล้วก็ช่วยกันปกปิด เหมือนกับเรารู้ว่าคนๆหนึ่งเป็นคนชั่วของสังคม แต่เพราะเขาเป็นคนมีฐานะ ต่อหน้าคนอื่นจึงต้องคบค้าสมาคมด้วย โดยไม่ยอมเปิดเผยความชั่ว ท่านเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า และท่านคงจะต้องคิดต่อแล้วละครับว่า เราควรจะต้องทำอะไรสักอย่างหรือยัง เพื่อให้สังคมนี้ดีขึ้น………(แต่เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ตามผมต่อนะครับ)ซาหวัดดีครับ
อ่านตอนสามจบแล้วหรือครับ งั้นผมเอาใจต่อไหนๆพรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ เอาตอนจบไปเลย
สวัสดีค่ะท่าน
บอกแล้วไงคะ ว่า ความรัก มีอยู่ทั่วทุกแห่ง แม้แต่สาง..ยังมีเลยค่ะ.อิอิ
ดีน่ะ เป็นครูปาริชาติ..ไม่ใช่ครูอ้อย..ฮา..
สวัสดีครับครูอ้อย
ครูอ้อยอ่านหนังสือเร็วมากสิครับ
แฮ่ะๆ ดีนะที่ไม่ใช่ครูอ้อย ว่าแต่ว่า ครูอ้อยเป็นนางแมวป่าหรือเปล่า...อิอิ
ท่านขา
คุณ ครับ
การที่จำเลยรู้จักยับยั้งชั่งใจนั่นแหละครับ ที่ถือว่ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง เพราะถ้าเป็นคนวิกลจริตที่ไม่ต้องรับโทษต้องไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปครับ คนวิกลจริตคงไม่คิดว่าเหนื่อยมังครับ ผมไม่รู้คำตอบจริงเพราะ ไม่เคยบ้า...ครับ อิอิ