การประเมิน หมายถึง กระบวนการพิจารณา วินิจฉัย
เพื่อให้ทราบว่าการกระทำ
กิจกรรมหรืองานต่างๆที่เราได้ทำไปนั้นเกิดผลอย่างไร
โดยการสังเกตเก็บข้อมูลตัวเลขของผลที่ออกมานั้น
แล้วเอามาเปรียบเทียบหรือวัดกันกับเกณฑ์วัตถุประสงค์หรือมาตรฐานที่เราอยู่หรือตั้งขึ้น
จากนั้นเราก็สรุปหรือตัดสินใจว่าดีหรือไม่ดี
สูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานมากน้อยเพียงใด ควรปรับปรุงแก้ไขตรงไหน
สิ่งสำคัญในการประเมินผล 3 ประการ ที่จะต้องทำ คือ
1. ต้องศึกษา สังเกต ตรวจสอบผลการดำเนินงาน
คือ เก็บข้อมูลตัวเลขของการดำเนินงานว่าทำได้เพียงไร
ตรงตามวัตถุแระสงค์ในด้านต่างๆที่เราตั้งไว้หรือไม่
2. เอามาตรฐาน เป้าหมายเข้าจับ
หรือวัดว่า สูงหรือต่ำกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้มากน้อยเพียงไร
3. ประมวลผลรวมการตัดสิน สรุปว่า สูง ต่ำ
ปานกลาง ใช้ได้หรือใช้ไม่ได้แล้วตัดสินใจจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
วัตถุประสงค์ของการประเมินผลการอบรม
1. เพื่อพิจารณาผลที่ได้รับหลังจากการเข้าร่วมฝึกอบรม
2.
เพื่อพิจารณาดูจุดดีและจุดบกพร่องของการฝึกอบรมเพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
3. เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจในการฝึกอบรมต่างๆ
4.
เพื่อดูความเหมาะสมของเนื้อหาวิชาและหลักสูตรว่าเหมาะสมกับผู้รับการอบรมหรือเปล่า
5.
เพื่อดูผลสำเร็จของผู้เข้ารับการอบรมว่าเข้าใจและพัฒนาศักยภาพหลังจากอบรมหรือไม่
6. เพื่อตรวจสอบการดำเนินการ อุปกรณ์ วิทยากร เจ้าหน้าที่
หรือผู้ประสานงานการฝึกอบรมเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ
วัตถุประสงค์การประเมินผลการอบรมตามแนวคิดของ ทนง
ทองเต็ม เห็นว่าโดยปกติแล้ว
การประเมินผลการฝึกอบรมนั้นก็เพื่อที่ต้องการจะทราบว่า
1.
ผู้เข้าอบรมมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านความคิด อันได้แก่ ความรู้
ความเข้าใจ ความชำนาญ และความสามารถ ในการประเมิน วิเคราะห์
และสังเคราะห์เพียงใด
2.
ผู้เข้าอบรมมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านความรู้สึก เช่น ความสนใจ
ทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม ในทิศทางใด ระดับใด
3.
ผู้เข้าอบรมมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านการประพฤติปฏิบัติ ตลอดจน
ผลการปฏิบัติงานภายหลัง การฝึกอบรมอย่างไร และเพียงใด
4.
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งผู้รับผิดชอบการฝึกอบรมต้องการให้เปลี่ยนแปลงหรือไม่
และได้ผลดีกว่า การเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการอื่นหรือไม่
5.
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร
หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น
คุณภาพของการประเมิน
การประเมินผลจะให้ได้ผลนั้น จะต้องมีความเข้าใจว่า
ต้องการผลมาเพื่อการแก้ไขปรับปรุงการดำเนินงานและไม่ใช่เพียงแต่บอกว่าดี
ไม่ดี พอใช้ แต่จะต้องกำกับให้การประเมินผลตรงเป้าหมาย
เชื่อถือได้ความสมบรูณ์หรือวัดอย่างเพียงพอที่จะนำมาปรับปรุงงานได้
ระดับของการประเมินผลอาจแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ
1. ระดับที่ตั้งเป้าหมายพื้นฐานว่าความรู้ที่เพิ่มขึ้น
หรือความเจริญก้าวหน้าของผู้ได้รับการฝึกอบรมที่พอใจนั้นอยู่ที่ไหน
ระดับไหน
2. การประเมินกระบวนการฝึกอบรมที่ใช้หรือวิธีการดำเนินการฝึกอบรม
ว่าถูกต้องตามหลักทฤษฎีและวิธีดำเนินการส่งเสริมหรือไม่
3. ประเมินวิธีการสอนของวิทยาการแต่ละคน
แต่ละกลุ่มว่าได้ผลดีไม่ดีเพียงไร ที่ดีจะได้เอาไว้เป็นแบบอย่าง
4. ประเมินความรู้ที่เพิ่มขึ้นหรือความก้าวหน้าของผู้รับการฝึกอบรม
ว่าความรู้ของผู้เรียนที่ได้เพิ่มขึ้นจากการเรียนหรือการฝึกอบรมมากน้อยเพียงใด
ส่วนประกอบที่สำคัญของการประเมินผล
การประเมินผลทางการอบรม
คือการนำผลของความแตกต่างของระดับพฤติกรรมของผู้รับการฝึกอบรมและก่อนอบรม
ความสำคัญที่จะต้องกำหนด คือ
1. การตั้งระดับหรือเกณฑ์
สำหรับการอบรมแต่ละครั้งว่าระดับไหนหรือแค่ไหนจึงจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าของการดำเนินการ
2. การวางแผนการประเมินผลการดำเนินการอบรม
3. การประเมินวิธีการฝึกอบรมแต่ละวิธี แต่ละเรื่อง
ว่าจะใช้วิธีอะไรบ้าง อย่างไร
4. การประเมินผลความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมฝึกอบรม
หรือารบรุถึงระดับความสำเร็จในการเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมฝึกอบรม
ว่าบรรลุที่แท้จริงหรือไม่
ระยะประเมินผลการฝึกอบรม
ทำได้ 3 ระยะ คือ
1. ก่อนการฝึกอบรม
2. ระหว่างการฝึกอบรม
3. ภายหลังการฝึกอบรม
1.
การประเมินผลก่อนการฝึกอบรมต้องทำการประเมินในสิ่งต่างๆว่าได้มาตรฐาน
สูง ต่ำเป็นที่พอใจหรือไม่อย่างไร
2. การประเมินผลระหว่างการฝึกอบรม
มีความมุ่งหมายดังนี้
- ต้องการทราบว่าการจัดการอบรม ผู้อบรม
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่เพียงใด
-
ต้องการทราบว่าผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปอย่างไรบ้าง
- ต้องการทราบว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมบกพร่องในจุดประสงค์ใด
ต้องได้รับการช่วยเหลือในการเรียนรู้อย่างไรบ้าง
- เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขการอบรม
ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มหรือจัดการอบรมซ่อมเสริม
- เพื่อการปรับวิธีการสอน วัสดุการเรียนการสอนสถานที่อบรม
บรรยากาศการฝึกอบรมหรือข้อบกพร่องในการจัดการฝึกอบรม
เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
3. การประเมินผลหลังการฝึกอบรม คือ
การประเมินภายหลังโครงการฝึกอบรมได้สิ้นสุดลง เป็นการประเมินผลรวม
มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้เพิ่มเติมเพียงไร
มีความรู้อยู่ในเกณฑ์ใด ดี พอ ใช้
หรือยังใช้ไม่ได้จะต้องปรับปรุงการสอน
วิธีการฝึกอบรมโดยส่วนรวมหรือเฉพาะเรื่องเฉพาะวิชาอย่างไรหรือไม่
การประเมินทั้ง 3 ระยะ จะประเมินด้านต่างๆเหมือนกัน
ดังนี้
1. สถานภาพการฝึกอบรม เช่น
บรรยากาศ ความเหมาะสมของอาคารสถานที่ เป็นต้น
2. วิทยากรผู้ทำการฝึกอบรม
3. ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
4. หลักสูตรที่ทำการอบรม
5. สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆในการฝึกอบรม
ลักษณะที่ดีของการวัดและประเมินผล
1. ยึดจุดประสงค์เป็นหลัก
2. ควรดำเนินการทั้ง 3 ช่วง
3.
ควรปรับปรุงเครื่องมือการวัดอยู่เสมอ
4. แก้ไขข้อบกพร่องสำหรับผู้เข้าอบรมที่ต่ำกว่าเกณฑ์
5.
นำผลที่ได้มาปรับปรุงการอบรม
ขั้นตอนและวิธีการในการประเมินผลการฝึกอบรม
ขั้นตอนในการประเมินผลการฝึกอบรม
ขั้นที่
1 กำหนดวัตถุประสงค์การประเมิน
ข้อมูลที่จะนำมากำหนดเป็นวัตถุประสงค์ของการประเมินมาจาก
วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม รวมกับ สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาต้องการทราบ
แล้วสรุปเป็นวัตถุประสงค์ของการประเมิน
ขั้นที่ 2 ขั้นวางแผนการประเมิน
ในขั้นนี้เป็นการนำวัตถุประสงค์ของการประเมินผล
มากำหนดเป็นแผนการประเมิน 6 ขั้นตอน ได้แก่
1) กำหนดประเภท หรือ
ระดับการประเมินที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การประเมิน
2)
กำหนดคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการทราบ
3) กำหนดแหล่งที่มา ของข้อมูล
4) กำหนดช่วงเวลาจัดเก็บข้อมูล
5)
กำหนดเทคนิคหรือวิธีการและเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูล
6) กำหนดวิธีการ วิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นที่
3 จัดเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล
คุณสมบัติที่ดีของเครื่องมือในการประเมินผล ซึ่งได้แก่
1. ความเที่ยงตรง (Validity) หมายถึง
ความสามารถในการวัดสิ่งที่เราต้องการจะวัดหรือประเมิน ไม่คลาดเคลื่อน
เป็นการวัดสิ่งอื่น
2.
ความเชื่อมั่น (Reliability) หมายถึง
ความเชื่อถือได้ว่าเมื่อนำเครื่องมือนั้นไปวัดแล้วนำไปวัดอีกกี่ครั้งก็ตาม
ก็จะได้ผลลัพธ์คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
3.
ความเป็นกลางปราศจากอคติ (Objectivity) หมายถึง
การที่จะไม่ลำเอียงหรือมีแนวโน้มที่จะคล้อย ตามไปทางใดทางหนึ่ง
4.
ความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ (Practicability) หมายถึง
ความสะดวกและเหมาะสมที่จะนำไปใช้ ทั้งในด้านเวลา ค่าใช้จ่าย
และความคล่องตัว จนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
5.
ความง่าย (Simplicity) หมายถึง การง่ายต่อความเข้าใจ
ง่ายในการนำไปใช้งาน และง่ายในการดำเนินการเกี่ยวข้อง
ขั้นที่
4 ขั้นปฏิบัติตามแผน
เมื่อได้จัดเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินแล้ว
จึงเป็นการลงมือปฏิบัติตามแผน คือ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น
การสอบถามด้วยแบบสอบถาม หรือ การสัมภาษณ์
ตามช่วงเวลาที่ได้กำหนดไว้
ขั้นที่
5 ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปรายงานการประเมินผล
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลตามลักษณะของเครื่องมือและเทคนิควิธีการประเมินได้
4
วิธี
1. การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม
1.1
เมื่อรวบรวมข้อมูลได้จากแบบสอบถามซึ่งมีลักษณะเป็นข้อคำถามแบบให้เลือกคำตอบหลายๆ
คำตอบ และมีลักษณะ
ของคำตอบแบบที่สามารถเรียงเป็นคะแนนตามลำดับความสำคัญได้
ดังที่ใช้กันในแบบประเมินโครงการหรือแบบประเมินรายวิชานั้น
ผู้รับผิดชอบควรจะต้องนำข้อมูลที่ได้ไปเทียบค่าคะแนน
แจงนับความถี่(Tally) และวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
หรือที่เรียกว่าค่ามัธยมฐานเลขคณิต(Arithmetic Mean)
และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) เพื่อจะนำผล
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ไปเขียนเป็นรายงานสรุปต่อไป
1.2
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามแบบให้เลือกคำตอบโดยไม่จัดเรียงตามลำดับคะแนนความสำคัญ
การวิเคราะห์ข้อมูลอาจทำได้ในลักษณะการเปรียบเทียบอัตราส่วนเป็นร้อยละ
และอาจนำเสนอข้อมูลในรูปของตารางไขว้ (Cross Tabulations)ต่อไป
1.3
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามที่ให้ผู้ตอบเลือกคำตอบในลักษณะของการเปรียบเทียบก่อน-หลังการอบรม
-สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ในลักษณะการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการอบรม
และ ค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังการอบรม และผลต่างของคะแนนก่อน-หลังการอบรม
เพื่อจะสรุปรายงานโดยใช้ผลต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อน-หลังการอบรมเป็นสำคัญ
1.4
การวิเคราะห์ข้อมูลในกรณีแบบสอบถามเป็นคำถามปลายเปิด (Opened-ended
Questions) อาจทำได้ด้วยการจัดหมวดหมู่และแยกประเภทข้อมูล
และอาจดำเนินการแจกแจงความถี่ (Tally)ข้อมูล
แล้วอาจคำนวณหาค่าร้อยละเพื่อนำเสนอเป็นรายงานต่อไป
2.
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบก่อน-หลังการอบรม
เป็นการวิเคราะห์ว่าความแตกต่าง ระหว่างผลการทดสอบ ก่อนการอบรม กับ
หลังการอบรม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่า
คะแนนก่อน-หลังการอบรมมีความแตกต่างกันจริง
และได้มีการเรียนรู้เกิดขึ้นจริง
3.
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสอบถามหรือสัมภาษณ์เพื่อประเมินพฤติกรรมในการทำงาน
ถึงแม้ว่าจะเป็นการใช้แบบ สอบถาม หรือแบบสัมภาษณ์
ซึ่งมีข้อคำถามให้เลือกหลายข้อแบบที่สามารถเรียงตามลำดับคะแนนได้
แต่ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลซึ่งมักจะเป็นข้อมูลเชิงทัศนคติ
หรือความคิดเห็น ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลทั่วไป เมื่อแจงนับ
ความถี่ของข้อมูลที่รวบรวมได้แล้ว
จึงต้องทำการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมก่อน-หลังการอบรมของผู้เข้าอบรมว่า
มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติหรือไม่ โดยการใช้ค่า
ไค-สแควร์ (chi-square)ช่วยในการวิเคราะห์
4.
การวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะของการประเมินผลลัพธ์ของการฝึกอบรม
-หากทำสำรวจหาข้อมูลด้วยการสอบถาม หรือสัมภาษณ์
ซึ่งมีข้อคำถามลักษณะเดียวกับแบบต่างๆดังที่ได้ กล่าวมาแล้วข้างต้น
ก็สามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูล ในลักษณะเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเป็นกรณีที่ทำการประเมินผลลัพธ์ของการฝึกอบรมด้วยวิธีการวิจัยเชิงทดลองโดยใช้กลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุม วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลจะขึ้นอยู่กับว่า
เป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่าง
รายงานการประเมินผลการฝึกอบรม นั้น ประกอบด้วย
1.
ชื่อการฝึกอบรมที่ประเมิน
2.
วัตถุประสงค์ของการประเมินผล
3.
วิธีการประเมินผล
3.1
ขอบเขตในการประเมินผล
3.2
วิธีการเก็บข้อมูล
3.3
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลหรือสถิติที่เกี่ยวข้อง
4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
4.1
สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ
โดยอาจอยู่ในรูปของตารางพร้อมการอธิบายความ
5. สรุปและข้อเสนอแนะ
5.1
สรุปผลการประเมินโดยส่วนรวมทั้งหมด
5.2
ข้อดี และข้อควรปรับปรุง
5.3
ข้อเสนอแนะจากผู้ประเมิน และหรือผู้รับผิดชอบการฝึกอบรม
6. ภาคผนวก
6.1
รายละเอียดโครงการฝึกอบรม
6.2
รายชื่อผู้เข้าอบรม/ตำแหน่ง/หน่วยงานที่สังกัด
(รวมทั้งสถิติการเข้าอบรม)
6.3
รายชื่อวิทยากร
6.4
แบบประเมิน หรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
6.4
คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการฝึกอบรม หรือ
ที่ปรึกษาการฝึกอบรม
6.5
เอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
วิจิตร ธาระกุล ( 2537 ). การฝึกอบรม.
พิมพ์ครั้งที่ 1. ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดร.นิรชรา ทองธรรมชาติและคณะ ( 2544 ).
กลยุทธ์การฝึกอบรมและวิทยากรในยุคโลกาภิวัตน์ .
พิมพ์ครั้งที่ 1 . บริษัท ลินคอร์น โปรโมชั่น จำกัด
ไม่มีความเห็น