<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วันนี้ตอนเย็นผมมีเรื่องจะต้องไปคุยกับเจ้าของนาเดิมที่ขายให้ผม </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ที่เจ้าของนาเก่าเขาขายให้ เพราะเพื่อล้างหนี้นอกระบบดอกร้อยละ ๓ ต่อเดือน </p>
จากการลงทุนจ้างต่างชาติเพื่อช่วยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ก็ถูกต้มจนสูญเงินดังกล่าวไปโดยไม่ได้อะไรเลย
ต้องติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยบานตะไท จนต้องขายที่ให้ผม ทำให้มีเงินพอที่จะล้างหนี้และไปตัดยอดเงินผ่อนรถที่ซื้อมารับจ้างขนของขาย และเหลือประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ กว่าบาทเพื่อไปลงทุนใหม่อีกรอบหนึ่ง
เจ้าของที่เป็นผู้หญิงที่ผมขอไม่กล่าวนามคนนี้ เคยดิ้นรนทำงานทุกอย่างตั้งแต่ขายส้มตำ ขายของที่ระลึก เก็บของเก่าขาย ไปเหมาผักมาขาย รับจ้างกวาดตลาด จนในปัจจุบันรับจ้างขนของไปส่งตามร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด
สามีเป็นคนขับรถ ตัวเองต้องทำตัวเป็นคนงานขนของหนักกระสอบละ ๒๕ กก ไปส่งตามที่ต่างๆ ที่ต้องแบกของขึ้นตึกสองถึงสามชั้นทุกวัน
เมื่อครอบครัวมองไม่เห็นทางรอด แม้จะขายที่ให้ผมแล้ว ก็เลยคิดนำเงินที่เหลือไปลงทุนจ้างคนพาไปทำงานไปต่างประเทศรอบสอง
ในคราวนี้เขามีความรอบคอบกว่าเดิม โดยมีสัญญาว่าถ้าไม่ได้ไปทางนายหน้ายินดีคืนเงิน ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท
แต่จะต้องเสียส่วนที่ไม่ได้คืนอีกกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท ในการจัดฉากเตรียมการเดินทางไปต่างประเทศ
ตอนนี้ท่านคงงงว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร
ผมกำลังพูดเรื่องการจัดฉากแต่งงานกับชายต่างชาติ
เพื่อการถ่ายภาพไปยืนยันในการขอวีซ่าเข้าเมืองไปทำงานต่างประเทศ
ในครอบครัวไม่มีใครพูดภาษาต่างประเทศได้ เลยไม่ได้คุยกันว่าชายต่างชาติที่มารับจ้างนั้นเป็นใคร
รู้แต่ว่าเขารับจ้างมาแต่งงาน “แบบจัดฉาก” มีสัญญาการจดทะเบียนสมรส ๑ ปี ที่ต้องจดทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ
ถ้าต้องการอยู่ทำงานต่อ ก็ต้องจ้างให้ผู้ชายเป็นสามีเป็นรายปี ไปเรื่อยๆ
สามีคนไทยจะต้องจดทะเบียนหย่าก่อนหน้านี้ ๒ ปีเพื่อการเตรียมการ แต่ก็ยังอยู่กินเป็นสามีภรรยากันเช่นเดิม
วัน “จัดฉาก” แต่งงาน ฝ่ายสามีบอกผมว่า เขานั่งดูงานพิธีอย่างตาละห้อยเชิงรันทด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่า “ทำใจ”
รูปที่สำคัญคือการขึ้นเตียงนั้น สามีจะยอมรับไม่ได้ และซ่อนเอาไว้ในอัลบั้ม ที่ผมนำมาถ่ายทอดให้ดูว่าเขาจัดฉากอย่างไร
แม้จะจัดฉากและเสียเงินไปแล้วแสนกว่าบาท ก็ยังต้องรอผลการพิจารณาอีกประมาณ ๒ เดือนว่าจะได้ไปทำงานจริงหรือไม่
แยกเป็น
ที่จะต้องหายืมเพิ่มอีกประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาทแบบดอก ๓-๕ บาทต่อเดือน
แล้วงานที่คาดว่าจะไปทำคืออะไร
ที่มีตัวอย่างให้เห็นจากหญิงไทยคนหนึ่งที่มีสามีและลูกมาแสดงตน แบบเหยื่อล่อ ว่าภรรยาตนเก็บเงินได้เป็นล้านบาทต่อปี
ผมฟังเรื่องนี้ด้วยความเศร้าในชะตากรรมของคนไทย หรือหญิงไทยที่ต้องไปผจญภัยในต่างแดน และปล่อยให้ลูกและสามีเผชิญชะตากรรมเดิมๆ ที่เป็นอยู่ในเมืองไทยไปพลางๆก่อน
ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาทำได้สำเร็จเถิด
ผมคงช่วยเขาได้แค่ซื้อที่ให้เขามีเงินไปลงทุนในเบื้องต้น และอนุญาตให้เขาใช้ที่นาเดิมของเขาปลูกข้าวต่อไป
อนิจจา ชะตากรรมของหญิงไทย พวกเขามีทางเลือกอื่นอีกไหมครับ
ผมจึงเพิ่งหายสงสัยว่าธุรกิจให้เช่า “จัดงานแต่งงาน” ทำไมจึงขยายใหญ่โตเต็มเมืองไปหมด”
ผมเศร้ามากครับ วันนี้
</span>
สวัสดีค่ะอาจารย์แสวง
ชะตากรรมของหญิงไทยมีมากค่ะ แต่ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคนไทยด้วยกันทำร้ายกันเอง แล้วยังให้ชาวต่างชาติมาเอาเปรียบคนไทย
เขาเรียกว่าพวกทำนาบนหลังคน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เมื่อไรจะกำจัดพวกเหลือบสังคมพวกนี้ได้ค่ะเนี่ย คิดแล้วเศร้าค่ะ
ขอบคุณที่นำมาตีแผ่ค่ะ
ขอบคุณครับ
สงสัยจะแข่งกับกามนิตหนุ่ม "ขจิต"
ผมเพิ่งจัดรูปเสร็จก็มาอ่านแล้ว
ต้องขอให้อ่านใหม่ครับ
นี่คือชตากรรมของชาติ ที่ผมเคยพูดไว้แล้ว
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ
คงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วมั้งครับ
อนิจจา อนิจจัง................................
อีกหน้าหนึ่งของการสะท้อนสังคมไทยที่สมัยก่อนเคยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ
เฮ้อ...เดี๋ยวนี้ต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ
ขออนุญาตนะคะ หนิงไม่เคยเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่ไปทำงานบริการในต่างประเทศจนมีรายได้มากมายขนาดนั้น จะไม่ต้องทำอาชีพพิเศษอ่ะค่ะ เมื่อก่อนในละแวกบ้าน มีไปกันหลายคน เห่อตามๆกันไป ผู้หญิงไปลำบาก(ทั้งใจและกาย)อยู่ต่างแดน แต่ครอบครัวทางนี้ใช้จ่ายกันแบบปรีเปรม กลับมาก็ไม่เห็นจะมีความมั่นคงจริงๆ จะอู้ฟู่อยู่ตอนที่ผู้หญิงยังอยู่ต่างประเทศ แต่พอครบสัญญากลับมาจริงๆ ก็ยังมีหนี้สินที่ยังไม่หมด
พอจะไปใหม่ก็เข้าสู่การเป็นกู้ยืมไปลงทุนใหม่อีก ไปสักพักก็ยังไม่หมดหนี้หรือถ้าหมด(ด้วยความสาหัส) ก็ยังไม่พอจะมีสินทรัพย์ให้เก็บกำได้
ทำไมสามีและลูกต้องเอาเปรียบผู้หญิงกันขนาดนี้ รู้ทั้งรู้กันอยู่ว่าไปทำอะไร ถึงจะได้เงินมากทั้งๆที่ไม่มีความรู้ เฮ้อ...ยังผลักไสให้ไปกันอีกไม่รู้ร้อนรู้หนาว และดูจะมากเพิ่มขึ้นๆทุกพื้นที่เลย
เศร้า และเศร้า ครับ.............
ขอเศร้าด้วยคนครับอาจารย์
ครับ
คุณวันเพ็ญครับ
ผมยังไม่ได้ขอบคุณเรื่อง เสื้อ นะครับ
หวังว่าคงจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อไปครับ