การแก้ปัญหาความยากจน (๑๘) ผู้หญิงไทยมีทางเลือกอื่นไหม


ผมกำลังพูดเรื่องการจัดฉากแต่งงานกับชายต่างชาติ เพื่อการถ่ายภาพไปยืนยันในการขอวีซ่าเข้าเมืองไปทำงานต่างประเทศ

  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วันนี้ตอนเย็นผมมีเรื่องจะต้องไปคุยกับเจ้าของนาเดิมที่ขายให้ผม </p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ที่เจ้าของนาเก่าเขาขายให้ เพราะเพื่อล้างหนี้นอกระบบดอกร้อยละ ๓ ต่อเดือน </p>

จากการลงทุนจ้างต่างชาติเพื่อช่วยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ก็ถูกต้มจนสูญเงินดังกล่าวไปโดยไม่ได้อะไรเลย   

 

ต้องติดหนี้พร้อมดอกเบี้ยบานตะไท จนต้องขายที่ให้ผม ทำให้มีเงินพอที่จะล้างหนี้และไปตัดยอดเงินผ่อนรถที่ซื้อมารับจ้างขนของขาย และเหลือประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ กว่าบาทเพื่อไปลงทุนใหม่อีกรอบหนึ่ง

  เจ้าของที่เป็นผู้หญิงที่ผมขอไม่กล่าวนามคนนี้   เคยดิ้นรนทำงานทุกอย่างตั้งแต่ขายส้มตำ ขายของที่ระลึก เก็บของเก่าขาย ไปเหมาผักมาขาย รับจ้างกวาดตลาด จนในปัจจุบันรับจ้างขนของไปส่งตามร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด  

 

สามีเป็นคนขับรถ ตัวเองต้องทำตัวเป็นคนงานขนของหนักกระสอบละ ๒๕ กก ไปส่งตามที่ต่างๆ ที่ต้องแบกของขึ้นตึกสองถึงสามชั้นทุกวัน

  •  รายได้ที่หักค่าใช้จ่ายตรง ยังไม่หักค่าเช่ารถของตนเอง วันละ ๕๐๐-๗๐๐ บาท
  •   แต่ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่ต้องจ่ายประจำคือ ค่าไปโรงเรียนของลูกสองคนวันละ ๑๔๐ บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนรถ ก็อยู่ในระดับชักหน้าไม่ถึงหลัง และเริ่มติดหนี้เป็นค่าเทอมการศึกษา และก้อนใหญ่ก็เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุอีกหลายหมื่นบาท

 เมื่อครอบครัวมองไม่เห็นทางรอด แม้จะขายที่ให้ผมแล้ว ก็เลยคิดนำเงินที่เหลือไปลงทุนจ้างคนพาไปทำงานไปต่างประเทศรอบสอง

   ในคราวนี้เขามีความรอบคอบกว่าเดิม โดยมีสัญญาว่าถ้าไม่ได้ไปทางนายหน้ายินดีคืนเงิน ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท

 แต่จะต้องเสียส่วนที่ไม่ได้คืนอีกกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท ในการจัดฉากเตรียมการเดินทางไปต่างประเทศ  

ตอนนี้ท่านคงงงว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร  

 

ผมกำลังพูดเรื่องการจัดฉากแต่งงานกับชายต่างชาติ

เพื่อการถ่ายภาพไปยืนยันในการขอวีซ่าเข้าเมืองไปทำงานต่างประเทศ  

ในครอบครัวไม่มีใครพูดภาษาต่างประเทศได้ เลยไม่ได้คุยกันว่าชายต่างชาติที่มารับจ้างนั้นเป็นใคร  

รู้แต่ว่าเขารับจ้างมาแต่งงาน แบบจัดฉาก มีสัญญาการจดทะเบียนสมรส ๑ ปี ที่ต้องจดทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ  

ถ้าต้องการอยู่ทำงานต่อ ก็ต้องจ้างให้ผู้ชายเป็นสามีเป็นรายปี ไปเรื่อยๆ

 

สามีคนไทยจะต้องจดทะเบียนหย่าก่อนหน้านี้ ๒ ปีเพื่อการเตรียมการ แต่ก็ยังอยู่กินเป็นสามีภรรยากันเช่นเดิม  

 

วัน จัดฉาก แต่งงาน ฝ่ายสามีบอกผมว่า เขานั่งดูงานพิธีอย่างตาละห้อยเชิงรันทด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่า ทำใจ   

 

รูปที่สำคัญคือการขึ้นเตียงนั้น สามีจะยอมรับไม่ได้ และซ่อนเอาไว้ในอัลบั้ม ที่ผมนำมาถ่ายทอดให้ดูว่าเขาจัดฉากอย่างไร  

%e0%b8%89%e0%b8%b2%e0%b8%819000

%e0%b8%89%e0%b8%b2%e0%b8%819003

แม้จะจัดฉากและเสียเงินไปแล้วแสนกว่าบาท ก็ยังต้องรอผลการพิจารณาอีกประมาณ ๒ เดือนว่าจะได้ไปทำงานจริงหรือไม่

  แยกเป็น

  • ค่าจ้างผู้ชายมาแต่งงาน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
  • ค่าเช่าชุด สถานที่ และค่าใช้จ่ายในการจัดงานประมาณ ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท 
  •  ถ้าผลการพิจารณา ผ่าน จะต้องมีค่าใช้จ่ายอีกประมาณแสนกว่าบาทเป็นค่าเดินทาง และ
  • อีก ๒๐๐,๐๐๐ บาทเป็นค่าดำเนินการ  
  • รวมแล้วจะต้องจ่ายเพื่อการนี้ ไม่ต่ำกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาทที่หญิงคนนี้ต้องจ่าย  

ที่จะต้องหายืมเพิ่มอีกประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาทแบบดอก ๓-๕ บาทต่อเดือน  

แล้วงานที่คาดว่าจะไปทำคืออะไร

  •    เขาว่าเป็น หมอนวด (ที่ผมก็แซวว่าจริงไหมหนอ)
  •   และคาดว่ารายได้อยู่ประมาณวันละ ๑๐,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ บาทต่อวัน
  • เขาบอกผมว่าจะพยายามประหยัดเรื่องอยู่ เรื่องกินเพื่ออนาคตที่ "ต้อง" ดีกว่าเดิม

ที่มีตัวอย่างให้เห็นจากหญิงไทยคนหนึ่งที่มีสามีและลูกมาแสดงตน แบบเหยื่อล่อ ว่าภรรยาตนเก็บเงินได้เป็นล้านบาทต่อปี  

 

ผมฟังเรื่องนี้ด้วยความเศร้าในชะตากรรมของคนไทย หรือหญิงไทยที่ต้องไปผจญภัยในต่างแดน   และปล่อยให้ลูกและสามีเผชิญชะตากรรมเดิมๆ ที่เป็นอยู่ในเมืองไทยไปพลางๆก่อน

  ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาทำได้สำเร็จเถิด 

 ผมคงช่วยเขาได้แค่ซื้อที่ให้เขามีเงินไปลงทุนในเบื้องต้น และอนุญาตให้เขาใช้ที่นาเดิมของเขาปลูกข้าวต่อไป  

 

อนิจจา ชะตากรรมของหญิงไทย พวกเขามีทางเลือกอื่นอีกไหมครับ  

 

ผมจึงเพิ่งหายสงสัยว่าธุรกิจให้เช่า จัดงานแต่งงาน ทำไมจึงขยายใหญ่โตเต็มเมืองไปหมด  

 

ผมเศร้ามากครับ วันนี้   

</span>

หมายเลขบันทึก: 134252เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2007 23:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะอาจารย์แสวง

ชะตากรรมของหญิงไทยมีมากค่ะ แต่ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคนไทยด้วยกันทำร้ายกันเอง  แล้วยังให้ชาวต่างชาติมาเอาเปรียบคนไทย

เขาเรียกว่าพวกทำนาบนหลังคน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เมื่อไรจะกำจัดพวกเหลือบสังคมพวกนี้ได้ค่ะเนี่ย  คิดแล้วเศร้าค่ะ

ขอบคุณที่นำมาตีแผ่ค่ะ

ขอบคุณครับ

สงสัยจะแข่งกับกามนิตหนุ่ม "ขจิต"

ผมเพิ่งจัดรูปเสร็จก็มาอ่านแล้ว

ต้องขอให้อ่านใหม่ครับ

นี่คือชตากรรมของชาติ ที่ผมเคยพูดไว้แล้ว

แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ

คงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วมั้งครับ

อนิจจา อนิจจัง................................

อีกหน้าหนึ่งของการสะท้อนสังคมไทยที่สมัยก่อนเคยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ

เฮ้อ...เดี๋ยวนี้ต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ

ขออนุญาตนะคะ  หนิงไม่เคยเชื่อเลยว่า  ผู้หญิงที่ไปทำงานบริการในต่างประเทศจนมีรายได้มากมายขนาดนั้น  จะไม่ต้องทำอาชีพพิเศษอ่ะค่ะ  เมื่อก่อนในละแวกบ้าน มีไปกันหลายคน  เห่อตามๆกันไป  ผู้หญิงไปลำบาก(ทั้งใจและกาย)อยู่ต่างแดน  แต่ครอบครัวทางนี้ใช้จ่ายกันแบบปรีเปรม  กลับมาก็ไม่เห็นจะมีความมั่นคงจริงๆ  จะอู้ฟู่อยู่ตอนที่ผู้หญิงยังอยู่ต่างประเทศ   แต่พอครบสัญญากลับมาจริงๆ  ก็ยังมีหนี้สินที่ยังไม่หมด

พอจะไปใหม่ก็เข้าสู่การเป็นกู้ยืมไปลงทุนใหม่อีก  ไปสักพักก็ยังไม่หมดหนี้หรือถ้าหมด(ด้วยความสาหัส)  ก็ยังไม่พอจะมีสินทรัพย์ให้เก็บกำได้

ทำไมสามีและลูกต้องเอาเปรียบผู้หญิงกันขนาดนี้  รู้ทั้งรู้กันอยู่ว่าไปทำอะไร  ถึงจะได้เงินมากทั้งๆที่ไม่มีความรู้  เฮ้อ...ยังผลักไสให้ไปกันอีกไม่รู้ร้อนรู้หนาว  และดูจะมากเพิ่มขึ้นๆทุกพื้นที่เลย

ขอเศร้าด้วยคนครับอาจารย์

  • ดิฉันสงสัยว่าระบบอะไรต่อมิอะไรในบ้านเรามันยังทำงานอยู่จริงรึเปล่า
  • น่าเศร้ามากที่สังคมไทยของเราไม่สามารถยับยั้งระบบฟุ่มเฟือยแบบทุนนิยมได้ จนต้องขายทุน(ที่ดิน)ที่ตนมี เพื่อมองหาอนาคตที่สัมผัสไม่ได้
  • ระบบคิดของคนไทยเรา น่าจะมีปัญหานะคะ

ครับ

คุณวันเพ็ญครับ

ผมยังไม่ได้ขอบคุณเรื่อง เสื้อ นะครับ

หวังว่าคงจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อไปครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท