ผมได้ข้อมูลจากเด็กมามาก ผมเคยถามว่าวัน ๆ หนึ่ง round อะไรมาบ้าง เขาดูคนไข้เยอะมาก แต่พอถามว่าเตียง 11 ผู้ชายหรือผู้หญิง เตียง 17 มีญาติมาเฝ้าไข้หรือไม่ เด็กตอบไม่ได้ ถามว่าแล้วเธอดูอะไร เด็กตอบว่า heart 4, myalgia 2 , UTI 8 สิ่งที่เด็กรู้จากคนไข้คือโรค นี่คือปัญหาและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ถ้าเรายิ่งอยู่ในวงการ
clinical
หลายท่านบอกว่า
clinical
คือ
การรักษาพยาบาลแบบเฉพาะ เช่น medical
,
surgical
และอื่นๆ
แต่ถ้าดูตามความหมายที่ถูกต้องแท้จริง จะพบว่า clinical
จะครอบคลุมถึงเรื่อง
holistic
ด้วย
เพราะจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เฉพาะเรื่องการรักษาโรค
คงไม่น่าแปลกใจหากอีก 10 ปี ข้างหน้าเมื่อเราลงถึงเรื่อง
nanotechnology
แล้ว
หากมีคนไข้เข้ามา อาจมีการแยกส่วนกันชัดเจนมากขึ้น เช่น แยกเป็น
ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ที่เฉพาะลงไปอีก เล่าเล่นๆติดตลกว่า
อาจจะมี
ีผู้เชี่ยวชาญด้านเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว อาจเป็นคนละคน
ดังนั้นเรา
จึงควรผลักดันให้มองผู้ป่วยผู้รับบริการด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าเก่าก่อน
ซึ่งเป็นความคาดหวังที่น่าจะให้เกิดขึ้นให้ได้
แม้จะไม่ถึงกับต้องมอง
ต้องรู้โดยละเอียดในด้านชีวิตและสังคมของเขา
แต่ให้รู้ว่าชีวิตผู้ป่วยนั้น
ก็คือชีวิตที่มีเลือดเนื้อจิตใจ มีสังคม มีสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ
ไม่ใช่โรค หรือ
การติดโรคเท่านั้น
ที่ ห้องตรวจ
เวลาคุณป้าคนไข้ปวดหัวมา พวกเราบางคน
อาจจะคิดถึงก้อนในหัวคุณป้า พอ คุณป้าบอกว่าปวดท้องด้วย
ก็คิดถึง
ก้อนในท้องแถมไปด้วย แต่ถ้าซักไซ้ไล่เรียงให้โอกาสและ
เวลาพูดคุยกับแกบ้าง คุณป้าบอกว่า อยากได้ยาแก้ปวดยานอนหลับ
เพราะเป็น
กังวลกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะลูกสาวไม่กลับบ้านมา 3 เดือนแล้ว
นี่คือ
ปัญหาที่ ลูกศิษย์ของเราเจอ เพราะเขามองว่าคนไข้เป็นโรค
เพราะฉะนั้น
นีคือสิ่งเดียวที่เราต้องดึงคนของเรากลับมาสู่มุมมอง
กระบวนทัศน์ที่สามารถนำสู่การชี้วัด ชี้นำให้สะท้อนความจริง
ด้านองค์รวมผู้รับบริการออกมาให้ได้
(ยังมีต่อ)