งานประเพณี "อุ้มพระดำน้ำ"( ๑ )
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">วันนี้ขอพักการแสดงในชุดต่างๆไว้ก่อนนะครับ เพราะช่วงนี้กำลังจะถึงเทศกาล “หนึ่งเดียวในโลก” ของจังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นก็คือ "งานประเพณีณีอุ้มพระดำน้ำ" ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 14 ตุลาคม 2550 ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานที่ชาวเพชรบูรณ์ต่างภูมิใจในงานประเพณีที่ถือว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของชาวเพชรบูรณ์ จะนำท่านไปรู้จักที่มาของงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ</p><div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">งานประเพณี "อุ้มพระดำน้ำ" ของจังหวัดเพชรบูรณ์ คนทั่วไปต่างมองว่า เป็นประเพณีที่แปลกมีคุณค่า ทางวัฒนธรรม ที่สำคัญมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แต่สำหรับชาวเพชรบูรณ์นอกจากจะมีมุมมองเช่นเดียวกันแล้ว ยังแฝงไปด้วยความเชื่อที่เปี่ยมล้นเต็มหัวใจด้วยว่า “เป็นประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหลังประกอบพิธีกรรม ดังกล่าวแล้ว จะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารมีความอุดมสมบูรณ์ และยังปราศจาก โรคระบาดอีกด้วย” ซึ่งความเชื่อดังกล่าวสืบเนื่องมาจากตำนานที่ถูกเล่าขานกันมานาน</p><div style="text-align: center"></div> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">ก่อกำเนิดพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น เมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดยมีการเล่าสืบทอดกันต่อ ๆ มา ว่า เดิมมีชาวประมงกลุ่มหนึ่งมีอาชีพจับปลาในแม่น้ำป่าสัก อยู่มาวันหนึ่งชาวประมงกลุ่มนี้ ได้ออก หาปลาตามปกติเช่นทุกวัน แต่จู่ๆเกิดเหตุการณ์ ประหลาดน่าอัศจรรย์ใจขึ้น ตั้งแต่เช้ายันบ่ายไม่มีใครผู้ใดเลย ที่สามารถจับปลาได้แม้แต่ตัวเดียว จนสร้างความงุนงงให้กับชาวประมงกลุ่มนี้มาก ทำให้ต่างก็ต้องไปนั่งปรับทุกข์ซึ่งกัน และกัน แต่ทันใดนั้นก็ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้น เนื่องจากกระแสน้ำในบริเวณ "วังมะขามแฟบ" ที่กำลังไหลเชี่ยวกราก เริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นก็ค่อย ๆ มีพรายน้ำผุดขึ้นมา ทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด และจนกระทั่งกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ค่อย ๆ ดูดเอาองค์พระพุทธรูป องค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ และมีลักษณะอาการคล้ายดำผุดดำ ว่ายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชาวประมง กลุ่มนี้ต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าว ขึ้นมาประดิษฐานไว้บนบกเพื่อกราบไหว้สักการะบูชา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal" align="center"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> แต่ในปีถัดมาเมื่อถึงวันแรม 15 ค่ำเดือนสิบตรงกับวันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปดังกล่าวได้หายไปจากวัดไตรภูมิ จนกระทั่งชาวบ้าน ต้องช่วยกันระดมหากันจ้าระหวั่น จนในที่สุดไปพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว กลางแม่น้ำป่าสักบริเวณวังมะขามแฟบ สถานที่เดิมที่ชาวประมงพบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรก กำลังอยู่ในอาการดำผุดดำว่ายอยู่ จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิเป็นครั้งที่สอง พร้อมร่วมกันถวายนามว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" </p> <div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">ต่อจากนั้นเรื่อยมา เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ในยุคสมัยนั้น จะต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ไปประกอบพิธี "อุ้มพระดำน้ำ" ที่บริเวณวังมะขามแฟบ หน้าวัดโบสถ์ชนะมารเป็นประจำทุกปี “เพราะต่างมีความเชื่อว่า หลังประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว จะทำให้ไพร่ฟ้าประชาชนชาวเมืองเพชรบูรณ์ ต่างอยู่เย็นเป็นสุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหาร มีความอุดมสมบูรณ ์ และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ผลเป็นอย่างดี แต่หากปีใดมีการละเลย นอกจากจะทำให้เกิดความแห้งแล้งแล้ว ยังมีโรคระบาดเกิดขึ้นอีกด้วย” </p> <div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">เรื่องราวจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำตอนต่อไปนะครับว่าเป็นอย่างไร</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"><div style="text-align: center"></div></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"> </p><div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"> </p>
สวัสดีค่ะ
อ้าว เห็นยอดผู้ชมเข้ามาตั้งยี่สิบกว่าคนแล้ว หลบอยู่ตรงไหนคะนี่ สงสัยต้องนั่งทำสมาธิหน้าจอคนเดียวซะแล้ว วันนี้เปลี่ยนเรื่อง แฟนๆ เลยไม่กล้าเข้ามาในบล็อก ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะนั่งดูพิธีกรรมเองค่ะ( คนเดียว )
สวัสดีค่ะ พี่บัวชูฝัก
สวัสดีค่ะ คุณบัวชูฝัก
ตามมาดู ความอลังการ..งานสร้างค่ะ ..พอตามมาดูแล้วก็อยากเห็นของจริงค่ะ..
สวัสดีค่ะ
ประเพณ๊นี้ เคยได้ยิน แต่ไม่ทราบประวัติ เพิ่งทราบนี่ละค่ะ ขอบคุณที่เล่าค่ะ
จะติดตามค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องบัวชูฝัก
สวัสดีค่ะอาจารย์บัวชูฝัก
โห...หนิงต้องขอโทษด้วยนะคะ ผิดครั้งนี้ยากจะอภัยให้ตัวเอง
หนิงเจออาจารย์ท่านนึง หน้าตาไม่เหมือนคนในรูป อิอิ ไม่คุ้น ป้ายชื่อท่านก็บอกว่า เศกสรร แต่ไม่ทราบว่าเป็นอจารย์ บัวชูฝัก เฮ้อ...เรียกว่า มีตาแต่หามีแววไม่
หนิงเคยอ่าน blog ของอาจารย์ บัวชูฝัก นะคะ ชอบที่มีอาจารย์นาฏศิลป์มาเขียน เรื่องเล่า และจะบอกว่า ตอนเด็กๆหนิงก็เป็นนางรำนะคะ (ตัวพระ)
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเลยอ่ะค่ะ ทั้งอาจารย์ บัวชูฝัก และอาจารย์ หญ้าบัว เลยอ่ะค่ะ
มาจำได้ก็ตอนเย็นอ่ะค่ะ
สวัสดีครับ
เข้ามาอ่านบันทึกนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะครับ แต่พอดีมีปัญหาเล็กน้อยจึงยังไม่ได้ทิ้งรอยใดไว้
คนไทยผูกพันกับสายน้ำมาชั่วชีวิต สายน้ำหลายสาย ประหนึ่งสายธารแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาแต่ดึกดำบรรพ์ ...
ดังกล่าวนี้จึงมักมากมีประเพณีที่เกี่ยวกับท้องน้ำอยู่อย่างบ่อยครั้ง.
ผมเองก็เป็นลูก "เขื่อน" ... ชีวิตเติบโตมาจากสายน้ำอย่างไม่แปลกแยก อย่างน้อยสายน้ำก็สอนให้ดำรงอยู่เพื่อคนอื่นบ้าง...
.....
การอุ้มพระดำน้ำ .. ต้องเป็นเจ้าเมืองท่านเดียวเลยหรือไม่ครับ ...
สวัสดีค่ะ
เคยเห็นประเพณีนี้ใน TV ค่ะ แต่เพิ่งทราบประวัติความเป็นมาค่ะ น่าสนใจนะค่ะ แต่ตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวแล้วท่านพ่อเมืองพิษณุโลกจะหนาวมั้ยค่ะ....^___^
มีรูปคนหล่อๆ กำลังเซ็นชื่อลงทะเบียนที่นี่ค่ะ เป็นภาพที่น้องโก้ถ่ายในวันงาน KM ภูมิภาคค่ะ สวยมากขอบอก...อิอิอิ
สวัสดีค่ะพี่
ราณีเข้าบันทึกนี้เมื่อคืนค่ะ แต่เนื่องด้วยเน็ตหลุดเลยไม่ได้ตอบ ตามมาตอนเช้าอีกค่ะ
ประเพณีนี้เคยอ่านเจอในหนังสือ และดูในสารคดี และก็ข่าวด้วยค่ะ เห็นหลายครั้งมาก เขาจัดกันได้อย่างยิ่งใหญ่จริง ๆ ค่ะ เคยไปเขาค้อมาค่ะ แต่ไม่เคยไปหน้าหนาวเลย ขอบคุณมากค่ะ ที่นำประเพณีดังกล่าวมาเผยแพร่ เพราะสายน้ำประดุจน้ำมนต์ ที่หล่อหลอมวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมะเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ขอบคุณนะค่ะ พี่ชายที่แสนดี
สวัสดีค๊ะอ.บัวชูผัก
ยอดเยี่ยมอลังการมาก และต้องกราบขอบพระคุณมากกับ ข้อมูลต่างๆที่ทำให้หลายท่านที่ไม่เคยรู้ หรือไม่ได้เรียน ได้อ่านและรับรู้ถึงประวัติความเป็นมา ดิฉันคนนึ่งในจำนวนนั้นที่ไม่ทราบเลยว่ามีจริงๆหรือ กราบขอบพระคุณจริงๆค๊ะในความรู้ใหม่