อีกหนึ่งก้าว


     เลขาฯได้ไปเยี่ยมน้องเพ็ญมาแล้วค่ะ
     จากโทรศัพท์สามสี่ครั้งที่ได้รับจากเพ็ญ ทำให้เลขาฯเป็นห่วงอยู่นิดๆ ว่าเพ็ญจะประคองตัวเองฝ่าการต่อสู้ระหว่างความอยากเรียน กับความกตัญญูต่อพ่อแม่ ความกลัวว่าเงินจะไม่พอเรียน ไปจนตัดสินใจได้หรือเปล่า เมื่อพบโอกาสเหมาะเลยไปเคาะประตูถึงบ้านเพ็ญเลยค่ะ
     เพ็ญอาศัยอยู่ในบ้านปูนชั้นเดียวหลังเล็กๆปลายสุดถนนของชุมชนหลังสถานีรถไฟอุทุมพรพิสัย ครอบครัวอยู่ด้วยกัน 5 คน มีเพ็ญ พ่อแม่ น้องสองคน และตา นอกจากทำนาเพื่อให้ได้ข้าวไว้กิน แม่ของเพ็ญจะลุกขึ้นไปช่วยแม่ค้าทำน้ำเต้าหู้แต่เช้า ก่อนกลับมาดูแลลูกตัวเล็กอายุสองขวบ หมดหน้านาแล้ว พ่อจะไปช่วยคนรู้จักขับรถขนไม้ในอำเภอใกล้ๆ บางวันกลับบ้าน บางวันก็ค้างคืนอำเภออุทุมพรพิสัยเป็นอำเภอเล็กธรรมดาๆ จะหางานรับจ้างทำประจำคงไม่ง่ายนัก
     พ่อของเพ็ญเคยไปทำงานกรุงเทพฯ แต่ทนความวุ่นวายไม่ไหว ยอมกลับไปอยู่บ้านดีกว่า ในยามที่ลูกคนโตกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย คนที่สองจะขึ้น ปวช.ปี 3 และคนเล็กอายุเพียง 2 ขวบ คงทำให้พ่อและแม่ปวดหัว ไม่แพ้เพ็ญที่กำลังปวดหัวกับอนาคตที่ต้องตัดสินใจ
     เพ็ญเคยเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่เพ็ญถามเรื่องเรียนต่อ พ่อจะเงียบ เฉย จนเพ็ญไม่กล้าถามอีก เลขาฯเลยรับหน้าที่ถามให้เมื่อเพ็ญไม่อยู่ในบ้าน พ่อนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตอบว่า บ้านเราไม่มีเงิน อยากให้เพ็ญทำงานหาเงินมากกว่า แม้จะยอมรับว่าเสียดายเหมือนกันที่เพ็ญเรียนดีมาก เลขาฯเลยอธิบายให้พ่อฟังว่า ถ้าเพ็ญไปทำงานรับจ้างอย่างที่พ่ออยากให้ไป เพ็ญก็จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำไปเรื่อยๆ  แต่ถ้าได้มีโอกาสเรียน แม้ว่าเงินเดือนขั้นเริ่มต้นอาจไม่ต่างกันมาก แต่เพ็ญสามารถก้าวหน้าขึ้นไปรับเงินเดือนเป็นหมื่นเป็นแสนได้ถ้ามีความสามารถและความตั้งใจ
     พ่อพยักหน้ายอมรับและเข้าใจ เลขาฯถามย้ำว่า ถ้าเพ็ญสามารถหาเงินมาเรียนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งที่บ้าน พ่อจะให้เรียนไหม พ่อตอบค่อยๆว่า ก็อยากให้เรียนเหมือนกัน
     เพ็ญทำหน้าโล่งอก เมื่อเลขาฯเก็บมาเล่าให้ฟังทีหลัง ปัญหาค่อยหลุดไปเปลาะหนึ่ง ต่อไปคงเป็นเรื่องสอบเข้าเรียนต่อ และการหาทุนให้เพียงพอไม่ต้องรบกวนทางบ้าน

-----
     ตั้งแต่เพ็ญปรึกษาเรื่องเรียนต่อ เลขาฯคิดถึงสุทินอยู่หลายครั้ง เรื่องราวของสุทินกับเพ็ญแทบจะทับซ้อนเป็นเรื่องเดียวกัน เรียนดี อยากเรียนต่อ ทางบ้านไม่มีเงิน ทางบ้านต้องการคนทำงานหาเงิน ความสับสน การตัดสินใจ สุทินผ่านมาครบทั้งหมดแล้ว
     นี่คงเป็นโอกาสให้น้องคนหนึ่งที่บอกอยู่เสมอว่า ยินดีช่วยงานมูลนิธิ ได้ทำงานที่เหมาะสมที่สุด คือการเป็นรุ่นพี่ที่คอยให้กำลังใจและเป็นที่ปรึกษาของรุ่นน้อง วันนี้สุทินติดต่อกลับมาว่า ยินดีมากที่จะพูดคุยกับเพ็ญ เพราะสุทินรู้ดีว่า ความรู้สึกตอนนี้ของเพ็ญเป็นอย่างไร
           

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 13377เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2006 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

KS เพ็ญ  - สุทิน  เป็น KM โดยใช้เทคนิค Peer Assist

วิจารณ์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท