การพัฒนาบุคลากรเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
การพัฒนาจะเกิดผลมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่ กับ 1.
การติดตามผลของหน่วยงานที่ส่งบุคลากรเข้ารับการอบรม
2.บุคลากรที่เข้ารับการอบรม 3.
กระบวนการติดตามผลการฝึกอบรม
4.หลักสูตรที่ทำการฝึกอบรมหรือการฝึกนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตการปฏิบัติงานได้เพียงใด
จากการวิจัยพบว่าความรู้ใหม่ส่วนใหญ่ที่ได้เรียนรู้มามักจะสูญหายภายในหนึ่งสัปดาห์หากไม่มีการทบทวน
การทบทวนที่ดีที่สุดคือการฝึกปฏิบัติตนเองและเลือกใครสักคนที่จะนำความรู้นี้ไปถ่ายทอด
หลังจากมีความชำนาญทุกคนก็นำไปถ่ายทอดต่อเป็นเครือข่ายจะช่วยให้ได้ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
“ปลูกความคิด
ผลที่ได้คือการกระทำ ปลูกการกระทำ
ผลที่ได้คืออุปนิสัย
ปลูกอุปนิสัย
ผลที่ได้คือคุณลักษณะ ปลูกคุณลักษณะ
ผลที่ได้คือชะตาชีวิต”
ดังนั้นกระบวนการหลักในการฝึกมี 3
ขั้นตอนคือ
- การวางแผนประจำสัปดาห์ (Plan
Weekly)
2.
ฝึกฝนอุปนิสัย
(Live the Habit)
3.
สอนเพื่อเรียนรู้ (Teach to
Learn)
เพื่อให้ทุกท่านสามารถร่วมฝึกโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับในการเรียนรู้จึงขอบูรณาการอุปนิสัยที่จะฝึกเป็นตอน
ๆ แต่ถ้าต้องการรายละเอียดในแต่ละเรื่องจะได้อธิบายในครั้งต่อ ๆ
ไป
วงจรหนึ่งที่ท่านมักได้ยินเสมอคือ Seeเห็น(Paradigm-กรอบความคิด)
Do
กระทำ(พฤติกรรม-Behavior) Get
ได้รับ(ผลลัพท์-Result)
ต่อไปนี้ขอเริ่มฝึก
อุปนิสัยที่ 1 (Be
Proactive)
ทุกครั้งที่จะกระทำอะไรต้องคิดเสมอว่าเรามีอิสระในการเลือกที่จะทำการกระทำนั้น
ๆ จะต้องตั้งอยู่ที่ความมีสติ
เพื่อเป็นคำพูดที่คอยเตือนตัวเราและเพื่อนที่ร่วมฝึกจึงใช้คำต่อไปนี้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย
คือคำว่า Proactive
(ด้าน+) และคำว่า
ด้าน-)
อุปนิสัยที่ 2 (Begin with the end
in mind ) เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ
การกระทำใดไม่ว่าการงาน ชีวิตส่วนตัวทุกคนมีจุดหมายปลายทางของตน
แต่มิได้นำมาจัดทำให้เป็นรูปธรรม
การฝึกโดยการเขียนออกมาเพื่อประโยชน์ในการวางแผนให้ประสบความสำเร็จ
ถ้าในเรื่องการงานต้องคำนึงพันธกิจของหน่วยงาน
อุปนิสัยที่ 3 (Put First Things
First) ทำสิ่งที่สำคัญก่อน
มุ่งเน้นสิ่งสำคัญมากลำดับต้นๆ ขจัดสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป
สิ่งที่สามารถช่วยได้คือการวางแผนรายสัปดาห์
ส่วนมากงานที่มีความสำคัญมักการพร้อมความเร่งด่วน แต่ถ้ามีการวางแผนดี
ๆ ความเร่งด่วนจะลดลง
และข้อควรระวังจะมีงานบางอย่างที่ไม่สำคัญและยังเร่งด่วนมาทำให้เวลาที่จะทำงานสำคัญลดน้อยลง
อุปนิสัยที่ 4 (Think
Win-Win) คิดแบบชนะ-ชนะ เป็นอุปนิสัยของผลประโยชน์ร่วมกัน
เกิดจากความเคารพซึ่งกันและกัน
อุปนิสัยที่ 5 (Seek First to
Understand Then to Be Understood)
เข้าใจผู้อื่นก่อนแล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา
การฟังอย่างเข้าอกเข้าใจทั้งภาษากาย
น้ำเสียงความรู้สึกจะสื่อความหมายได้มากกว่าคำพูดที่ใช้
อุปนิสัยนี้ควรฝึกมาก ๆ
เพราะผู้ฟังคนอื่นเป็นจะชนะไปกว่าครึ่งในการต่อรองต่าง ๆ
การสังเกตสัญญาณต่าง ๆ
ที่เราจะหยุดพูดและฟังอย่างเข้าอกเข้าใจหรือชะลสังเกตุและพร้อมที่จะฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ
หรือรุกหน้าและหาทางทำให้ผู้อื่นเข้าใจเรา
เนื่องจากเป็นบูรณาการณ์ การฝึกจึงขอฝึกอุปนิสัย 1-5 ก่อน
โดยผู้เริ่มฝึกต้องมีการบันทึกแผนรายสัปดาป์
ในบันทึกควรกำหนดปณิธานขอนตนเอง(เขียนทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติงานและในเรื่องส่วนตัว)
การฝึกอุปนิสัยทั้งในที่ทำงานและครอบครัวจะได้ฝึกทุกบทบาท
การจดบันทึกทำให้สามารถประเมินผลความก้าวหน้าการจดบันทึกในสมุด
ที่มีอยู่หรือบันทึกในคอมพิวเตอร์ก็ได้
และสุดท้ายต้องไม่ลืมเลือกถ่ายทอดให้ใครสักคน
เพราะผู้นี้จะเป็นกระจกที่ช่วยสะท้อนเราหรือเตือนเราด้วย
ท่านใดนำไปฝึกแล้วไม่เข้าใจหรือสงสัยกรุณาสอบถ้าได้เพราะการเรียนรู้ร่วมกันเป็นการฝึกทุก
ๆ อย่างที่ดีที่สุด