นักเรียนหญิงที่ลำพูนตีกัน...กับทฤษฎีเงื่อนปม


กิจกรรมสร้างทักษะชีวิต
นักเรียนหญิงที่ลำพูนตีกัน...กับทฤษฎีเงื่อนปม            ข่าวทางการศึกษาในช่วงนี้ เกี่ยวกับนักเรียนนักศึกษา มีแต่ทางลบ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตบตีกันระหว่างนักเรียนภายในสถาบัน หรือต่างสถาบัน หรือการรับน้องที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ทำให้ดูเหมือนว่าเกิดความเสื่อมโทรมทางจริยธรรมคุณธรรมขึ้นในหมู่เยาวชน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกระดับรู้สึกถึงแรงกดดัน ที่เกิดขึ้นจากสังคม ที่ซึ่งขณะนี้เรียกร้องให้มีความรัก ความสามัคคี ความมีคุณธรรม และสมานฉันท์               โรงเรียนที่มีนักเรียนหญิงรุมทำร้ายรุ่นน้อง และมีการบันทึกเผยแพร่ทางคลิบวีดีโอ ผ่านโทรศัพท์จนเกิด เป็นข่าวทางโทรทัศน์มาไม่กี่วันนี้ เป็นโรงเรียนอยู่ในสังกัดพื้นที่การศึกษาที่ผมรับผิดชอบอยู่ ในส่วนของการนิเทศการศึกษาและดูแลโรงเรียน อีกทั้งโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเก่าของผมที่ผมสำเร็จการศึกษามาจากที่นี่ เมื่อสมัยโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถมปลายประจำตำบล ( ป.7 )  จึงมีความรู้สึกที่กังวลในกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก                การที่ได้สัมผัสจากการนิเทศ ของผมและทีมศึกษานิเทศก์ของสพท.ลำพูนเขต1 ที่ทำการนิเทศโรงเรียนแบบเชิงระบบ ที่มีการนำทีมเฉพาะตามความต้องการของโรงเรียนเข้าช่วยเหลือโรงเรียนตามที่ได้รับร้องขอ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา และในต้นปีการศึกษานี้ โรงเรียนอุโมงค์วิทยาคม ก็ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย มีการอบรมครู นักเรียน อย่างสม่ำเสมอ เป็นศูนย์ของเครือข่ายพัฒนาการศึกษาที่เป็นฐานให้การช่วยเหลือโรงเรียนในเครือข่าย การเป็นแหล่งความรู้ชุมชน ( ชุมชนร่วมมือดีมาก และ ศึกษานิเทศก์ของเราคนหนึ่งก็เป็นคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนมีการประชุมทุกเดือน)และเป็นศูนย์การประชุม การอบรมทุกครั้งที่จัด เท่าที่ผ่านมาในระยะผ่านมาไม่นานนี้  มีการประชุมอบรมตามที่โรงเรียนเชิญคณะศึกษานิเทศที่เป็นทีมเฉพาะเข้าร่วม เช่น การประชุมฝึกอบรมการผลิตสื่อการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ ( และนักเรียนอุโมงค์วิทยาคมก็ชนะเป็นตัวแทนเครือข่ายเข้าแข่งขันระดับเขตการศึกษา) การอบรมครูในโรงเรียนเรื่องกระบวนการคิด  การอบรมเรื่องการวิจัยในชั้นเรียน  การเข้าค่ายคุณธรรมจริธรรม การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และห้องสมุดมีชีวิต ( โรงเรียนได้เป็น 1 ใน10 ของโรงเรียนที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและห้องสมุดมีชีวิต ของ สพท.ลำพูน1 )  และเท่าที่ทราบจากที่โรงเรียนได้ส่งกิจกรรมมาเสนอผ่านหน้าข่าวเวบไซด์ของ สพท.ลำพูน1 เสมอ ทำให้เห็นว่าโรงเรียนได้จัดกิจกรรมสำหรับพัฒนานักเรียนอย่างสม่ำเสมอตลอดมา จนทำให้ได้รับรางวัลระดับเขตพื้นที่ และระดับภูมิภาค หลายรางวัล                 จากข้อมูลนี้ทำให้เกิดมุมมองสะท้อนขึ้นมาว่า ทำไมเมื่อโรงเรียนก็มีการอบรมนักเรียนที่ดีอย่างสม่ำเสมอแล้ว ทำไมจึงมีนักเรียนส่วนหนึ่งที่ยังประพฤติเช่นนี้ แต่เพียงจุดเดียวก็ทำให้สถาบันมัวหมองลงในพริบตา มันคุ้มแล้วหรือ กับสิ่งที่เคยสร้างมาในอดีต สาเหตุจริงๆ เกิดขึ้นจากอะไร คงต้องให้คุณครูได้ศึกษาประเด็นลึกและที่ขาดไม่ได้ทีมศึกษานิเทศก์ก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย                 เช้าวันนั้น หลังจากที่ผมสวดมนต์ไหว้พระแล้ว รู้สึกจิตค่อยสงบลง จึงนั่งสงบและเกิดความคิดขึ้นแว๊บหนึ่งถึงคำว่า มันต้องแก้ได้ นึกถึงเชือกที่ถูกมัดเป็นเงื่อนปม ที่เมื่อดึงแน่น ยิ่งออกแรงดึงมากขึ้นเท่าไรเชือกก็จะผูกปมแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ  แต่ถ้าคลายแรงดึง ค่อยๆ แก้ออก บางครั้งอาจจะแน่น แต่ต้องพยายามแกะ อย่าใจร้อนหาของมีคมมาตัดเงื่อนปมออก เพราะจะทำให้เชือกเสียหายชำรุด และสั้นลง  คิดได้ว่า เมื่อผูกได้ก็ต้องแก้ได้ ( ถ้ามีสติ และความพยายาม)                ผมจึงคิดกระบวนการอบรมนักเรียนให้ตระหนักถึงการแก้ปัญหา ตามทฤษฎีที่ผมตั้งขึ้นว่าทฤษฎีเงื่อนปม โดยวางแผนไว้ว่า จะหาอุปกรณ์ต่างๆ ในการอบรม เช่น เชือกที่ผูกเงื่อนปม(ดึงให้แน่นที่สุดจนชนิดที่ว่าแก้แทบไม่ได้)  รูปเชือกที่ผูกปมแบบเงื่อนพิรอด(หรือแบบอื่น)  กรรไกร  มีด  ตะปู  ค้อน  คีม สบู่ เทียนไข น้ำ ฯ  โดยให้อุปกรณ์แก่นักเรียนทุกกลุ่มเหมือนกัน  บอกเงื่อนไขว่า  เชือกมัดปมผิดต้องมัดใหม่ตามรูปภาพ  ให้นักเรียนช่วยกันผูกใหม่
           
จากเงื่อนไขที่บอกกว้างๆ อาจทำให้บางกลุ่ม ตัดเงื่อนปมออกแล้วผูกใหม่  บางกลุ่มอาจจะหาวิธีแก้ปมคลายเชือกออกแล้วผูกใหม่  เราก็จะได้แนวคิดที่ให้กับนักเรียนว่า ถ้าเราใจร้อน ไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นตามมาใช้มีดหรือกรรไกรตัด ผูกใหม่ จะทำให้เชือกสั้นลง ฉะนั้นความสงบ การมีสติ คิดวางแผนในการใช้อุปกรณ์ช่วยแก้ปม โดยที่บางกลุ่มอาจใช้ค้อนตอก ตะปูลงในปมเชือกให้เชือกค่อยขยายปม แล้วอาจใช้คีมช่วยดึงออก หรืออาจใช้เทียนไข สบู่ มาร่วมด้วยก็ได้  แต่ ทั้งนี้ ถ้าครูให้เงื่อนไขใหม่ว่า เชือกมัดปมผิดต้องมัดใหม่ตามรูปภาพ  แต่อย่าทำให้เชือกเสียหาย  นักเรียนต้องมีวิธีแก้ใหม่ ที่ไม่ทำให้เชือกเสียหาย อาจใช้เวลาที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม แล้วแต่แนวคิด การวางแผน และการแก้ปัญหาของกลุ่ม                 กิจกรรมนี้ จะทำให้ครูเกิดกระบวนการสอนใหม่ ที่ต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ที่จะให้กับเด็กต้องชัดเจน และ ต้องสอนให้เด็กเกิดทักษะชีวิตในการแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญา และด้วยความคิดรอบครอบ มีความรักสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันในการทำงานและใช้ชีวิตในสังคมร่วมกัน                อยากเผยแพร่แนวคิดนี้แก่เพื่อนครู ลองไปจัดกิจกรรมกับนักเรียนดู และแทรกคุณธรรมเข้าไปให้ต่อเนื่องด้วย ผมก็จะนำไปเผยแพร่ และอบรมนักเรียนดู ใครนำไปทำได้ผลอย่างไรแล้วช่วยแจ้งด้วย หรือมีแนวคิดเพิ่มเติมช่วยกรุณาแจ้งด้วยจะเป็นพระคุณต่อการศึกษาอย่างสูง ( เมื่อวานนี้ผมอบรมส่งเสริมการอ่านและห้องสมุดมีชีวิตก็เผยแพร่แนวคิดนี้กับครูบรรณารักษ์แล้ว มีครูบรรณารักษ์โรงเรียนอุโมงค์ฯด้วยครับ)                ขอบคุณครับ ( วันนี้โล่งใจขึ้นมาแล้วครับ ที่ได้ระบายออก )                                                                                                  ครูเก่า 22 กันยายน 50   
หมายเลขบันทึก: 130846เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2007 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 12:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะ

คุณธรรมและจริยธรรมดูเป็นเรื่องที่สอนยากในปัจจุบัน  จริง ๆ ราณีว่าควรเริ่มที่สถาบันครอบครัวค่ะ    ยิ่งครอบครัวไหนได้อยู่กับปู่ย่า ตายาย  จะทำให้เขาถูกปลูกฝังการมองโลกอย่างมีคุณธรรมค่ะ   ก็ได้แต่ภาวนาอยากให้เด็กเหล่านี้รู้จักการมองโลกที่ดี และมีสติที่ดีด้วยค่ะ  

เข้ามาฟังเพลงด้วยค่ะ ชอบมากๆ เพลงโปรดเลยค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มากระตุกเตือนสังคมค่ะ

ขอบคุณครับสำหรับแนวคิด

ครับทุกส่วนต้องถือว่าต้องเป็นสังคมแห่งโลก ต้องช่วยกัน แต่การสร้างความตระหนักแก่ครอบครัวก็เป็นเรื่องยากทีเดียวครับ......

     อยากให้สังคมไทย กลับมาเป็นสังคมแห่งญาติมิตรเหมือนอดีต จังเลยครับ

สวัสดีค่ะคุณ "ครูเก่า"

ดิฉันตั้งใจแวะมาบันทึกคุณครูด้วยความรู้สึกประทับใจในวิธีคิดและวิธีสอนเรื่อง  "ปมเชือก  ปมชีวิต" ค่ะ  เด็กๆคงรู้สึกประทับใจมาก  เพราะเขาได้เป็นผู้สร้างปม และคลายปม แก้ปม  ด้วยตนเอง  ข้อคิดและคุณธรรมชีวิตที่คุณครูฝากไว้คงติดอยู่ในใจเขา  และน่าจะช่วยให้เขาฉุกใจคิดได้  และตัดสินใจทำได้ดีกว่าเดิม เมื่อถึงวันวิกฤตของชีวิต 

ดิฉันยังจำได้ที่คุณครูแวะมาเยี่ยมบันทึกนะคะ   ครั้งนั้นดิฉันไม่ทราบจะตอบคุณครูอย่างไรจริงๆ   เรื่องการหาวิธีสอนเด็กเล็กๆ   เพราะดิฉันไม่มีประสบการณ์การสอนเด็กเล็กในห้องรียนเลย

คุณครูเล่าถึงทฤษฎีในบันทึกนี้ได้ชัดเจนและน่าสนใจมากนะคะ

กระบวนการอบรมนักเรียนให้ตระหนักถึงการแก้ปัญหา ตามทฤษฎีที่ผมตั้งขึ้นว่าทฤษฎีเงื่อนปม"   วิธีสอนที่น่ารักและเป็นธรรมชาติมากเช่นนี้ อาจจะเกิดจากการที่

  • คุณครูเห็นสภาพปัญหาจริงในสังคม  และตระหนักรู้ถึงความรุนแรงของปัญหา
  • คุณครูศึกษาสภาพแวดล้อมและสภาพปัญหาในพื้นที่ที่คุณครูอยู่
  • คุณครูสั่งสมประสบการณ์และประมวลข้อมูลจนตกผลึกแล้ว
  • จากนั้นคุณครูก็"คิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในวันหนึ่ง"  หรือ  แวบ  นึกขึ้นมาได้ว่า จะต้องใช้วิธีทำเช่นนี้ (เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  หรือ เรียกเก๋ๆว่า best practice  : )  )
  • จากนั้นคุณครูก็ลงมือทำ  เพื่อฝึกทักษะชีวิตให้แก่เด็กด้วยวิธีการอย่างง่ายแต่เข้าไปอยู่ในใจเด็กได้จริงๆ  
  • โดยการเทียบแบบอุปมา ใช้วัตถุรูปธรรม  ปมเชือก (ที่คุณครูช่างคิดวิธีการให้เชือกเป็นปมแน่นสนิทได้) เชื่อมโยงกับสภาพนามธรรม  คือสภาพปัญหาชีวิต
  • ขณะที่หาวิธีแก้ปมเชือก  หากเด็กเขาเรียนรู้ที่จะคิดเปรียบเทียบเชื่อมโยง  และวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งแยบคายแล้ว  ดิฉันว่าวันนั้นเขาคงได้ข้อคิดและทักษะในการพิจารณาปัญหาชีวิตด้วยสติ ที่จะติดอยู่ในใจเขาตราบนานเท่านาน

นึกแวบขึ้นมาในใจ (ตามหลังวิธีสอนของอาจารย์)นิดนึงด้วยค่ะว่า  การฝึกเด็ก"ที่ใจ" นั้น  บางทีไม่มีคำตอบสำเร็จรูป  แต่เราต้อง"อ่าน" เขาให้ออกว่าตอนนั้น  ขณะนั้น  ใจเขาต้องการอะไร  หรือขาดอะไร   และต้องดูจังหวะให้เหมาะๆ  ว่าจะเติมในส่วนที่เขาขาด  หรือช่วยในส่วนที่เขาพลาด "ตอนไหน"   จังหวะเวลาที่เหมาะสม จะทำให้สารที่เราส่งไป  ประทับแน่นอยู่ในใจเขา

ดิฉันอ่านบันทึกนี้ของคุณครูอย่างมีความสุขมากนะคะ  และรู้สึกชอบวิธีการนี้มากด้วย  จึงเรียนขออนญาตนำไปใช้  ได้ผลเป็นประการใด ดิฉันจะนำมาเล่าให้คุณครูฟังอีกครั้ง

ขอบพระคุณคุณครูเก่ามากๆนะคะ   ขออภัยที่แสดงความคิดเห็นอย่างยาวไปหน่อย  (เพราะชอบมาก)ด้วยค่ะ  : ) 

ขอขอบพระคุณ "ดอกไม้ทะเล " เป็นอย่างสูงที่กรุณาต่อยอดให้มองเห็นภาพของโครงร่างการสอนได้มากขึ้น

     การเยื่อมโยง และ การคิดวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งแยบคาย อย่างที่ท่านบอก ทำให้ผมนึกถึงคำว่า โยนิโสมนัสสิการ  ถ้าได้กระบวนการนี้ฝึกให้เด็กคิดว่า ระบบการคิดของเขาน่าจะก้าวไกลมากกว่าเดิม

    ขอบพระคุณจริงๆครับ หากมีปัญหาด้านการสอนขออนุญาตเรียนปรึกษานะครับ

เด็กทุกคนเป็นเด็กดีอยู่แล้ว  พฤติกรรมของเด็กต่างหากที่เบี่ยงเบนไป  แก้ไขพฤติกรรมให้พวกเขา ให้โอกาสและให้อภัยซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่าในไม่ช้าพวกเด็กๆทุกคน จะพบกับพฤติกรรมที่ดีๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีให้ชีวิตอย่างแน่นอน ลืมสิ่งที่ผ่านไปเสียเถอะ กลับตัวกลับใจทำปัจจุบันให้ดี จะต้องพบแต่สิ่งดีๆ แน่นอน

ขอบคุณครับทั่น

     ผ้าขาว แม้จะเลอะไปบ้าง ก็ยังเรียกผ้าขาว

ทั่น สบายดีนะครับ ขอบพระคุณที่ร่วมสังคายนา ครับผม

เห็นด้วยครับกับคำกล่าวของท่านที่ว่า "ผ้าขาวแม้จะเปื้อนไปบ้าง ก็ยังเรียกว่า ผ้าขาว" ก็เช่นเดียวกับเงื่อนปมที่ท่านได้เขียนไว้ตอนต้น หลังจากที่ผ้าขาวเปื้อนแล้ว หรือหลังจากที่เชือกเกิดเป็นเงื่อนปมแล้ว การทำให้ผ้าขาวดังเดิม หรือการทำให้เชือกคลายปมออกคงต้องทำอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน การปลูกฝังคุณธรรมจรยธรรม คงต้องค่อยๆทำอย่างใจเย็น ทุ่มเท เหมือนกับการปลูกต้นไม้ที่ต้องค่อยๆดูแลรักษาเป็นอย่างดี ค่อยๆดูเขาเติบโต แล้วเราจะได้เห็นต้นไม้ที่แข็งแรงสมบูรณ์
เห็นด้วยครับกับคำกล่าวของท่านที่ว่า "ผ้าขาวแม้จะเปื้อนไปบ้าง ก็ยังเรียกว่า ผ้าขาว" ก็เช่นเดียวกับเงื่อนปมที่ท่านได้เขียนไว้ตอนต้น หลังจากที่ผ้าขาวเปื้อนแล้ว หรือหลังจากที่เชือกเกิดเป็นเงื่อนปมแล้ว การทำให้ผ้าขาวดังเดิม หรือการทำให้เชือกคลายปมออกคงต้องทำอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน การปลูกฝังคุณธรรมจรยธรรม คงต้องค่อยๆทำอย่างใจเย็น ทุ่มเท เหมือนกับการปลูกต้นไม้ที่ต้องค่อยๆดูแลรักษาเป็นอย่างดี ค่อยๆดูเขาเติบโต แล้วเราจะได้เห็นต้นไม้ที่แข็งแรงสมบูรณ์

ขอบคุณในข้อคิดครับ

  หากท่านมีโปรแกรมดีๆ แบบฟรีแวร์ กรุณาส่งข่าวด้วยเน้อ จะคอยครับ

สวัสดีค่ะ คุณครูเก่า

เห็นหัวข้อแล้วน่าสนใจดีก็เลยลองเข้ามาอ่านดูค่ะ ทราบข่าวอยู่เหมือนกันค่ะเรื่องที่เด็กนักเรียนหญิงตีกันซึ่งข้าพเจ้าเองก็เป็นครูอยู่ที่จังหวัดลำพูนเหมือนกัน เมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่า สังคมในปัจจุบันมีความย่ำแย่ลงทุกวัน มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ตัวนักเรียนก็ยิ่งน่าเป็นห่วงมากๆเพราะหากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีภาวะเสี่ยงก็ยิ่งน่าเป็นห่วงมาก ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครูคนหนึ่งก็อยากจะเห็นลูกศิษย์ของตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตในทุกๆด้านแต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นนักเรียนก็จะต้องเจอเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆมากมายที่จะสั่งสมกลายเป็นประสบการณ์และการเรียนรู้ต่อไป ก็จะพยายามให้มากที่สุดที่จะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ของตนเองให้เป็นคนดีและมีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข

ขอบคุณ คุณครูมากครับที่เป็นกำลังใจ และช่วยนักเรียนบ้านเราให้มีคุณธรรม ถ้าเราช่วยกันดูแลคิดว่าอนาคตเด็กเราจะสดใสแน่ๆครับ

สวัสดีค่ะครุเก่า สบายดีหรือเปล่าคะ

ขอโทษนะคะไม่ได้เข้ามาดูเว็บครูเก่าตั้งนานค่ะ เพราะช่วงนี้ยุ่งกับทำแผนส่งน่ะ ค่ะ

แต่ตอนนี้เรียนจบแล้วก็เข้ามาดูเว็บที่น่าสนใจบ้าง น่ะค่ะ ครูเก่า ก็มีเรื่องเล่าเยอะๆ เลยนะคะ ช่วงนี้ยังไม่รู้จะเล่าเรื่องอะไรดีเลยค่ะ กับข้อความนักเรียนตีกัน ก็ต้องปลูกฝังจริยธรรมให้กับนักเรียนเดี๋ยวนี้เพราะใจร้อนวู่วาม เอาแต่อารมณ์ว่าน่ะ ค่ะ ก็ต้องช่วย ๆ กันอยู่ในสังคมเนอะ ๆ/ศิรินธร

แก้วตา หมูอ้วน วงศ์หน่อแก้ว

นักเรียนตีกันนั้นอยู่ที่สภาวะจิตใจของเขาค่ะ หากเขามีสภาพครอบครัวที่ขาดความเข้าใจ ความอบอุ่น ก็จะแสดงออกมาในรูปแบบนี้ หนังหรือละครก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วัยรุ่นเลียนแบบได้ ดารา นักร้องมีอิทธิพลต่อจิตใจของวัยรุ่นมาก ๆเลยค่ะในยุคนี้

สวัสดีจ๊ะ ครูเก่าขอให้มีสุขภาพแข็งแรงตลอดปีใหม่และตลอดไปนะค่ะ

สวัสดีค่ะ

เรื่องที่นักเรียนหญิงและชายชอบตีกัน...ก็เกิดจางเรื่อง...บ้างก็แย่งแฟนกัน บ้างก็ว่าขวิดกัน..เฮ้อนักเรียนสมัยนี้หน้าเป็นห่วงจริงๆ...แต่ยังไงเราก็ต้องทำ

ตามหน้าที่ครูให้ดีที่สุด..ครูอยู่ลำปางใช่มั้ยคะ..ไม่มีอะไรหรอกคะ..บายเน้อ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท