เครือข่ายองค์กรประชาชนต้านเอฟทีเอ
ยื่นมือเป็นพันธมิตรม็อบสวนลุมฯ พร้อมหนุน “สนธิ”
เปิดโปงขบวนการปล้นชาติผ่านการทำเอฟทีเอ เผยม็อบศุกร์ 13
สะท้อนคนฟังรายการเมืองไทยฯ ยกระดับเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลง
แนะกำหนดประเด็นร่วมที่เครือข่ายพันธมิตรเห็นร่วมกัน
และพร้อมเคลื่อนไหวไปด้วยกันทั้งหมด
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ
ผู้อำนวยการองค์กรความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาไทย (ไบโอไทย)
หนึ่งในแกนนำเครือข่ายเอฟทีเอ วอทช์ ระบุว่า วันที่ 5 ก.พ.นี้
ทางเครือข่ายภาคประชาชนจะประชุมกันเพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหว
ซึ่งคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง
หลังจากที่มีการระดมมวลชนกว่าหมื่นคนใน 11 เครือข่าย
ระหว่างการเจรจาเอฟทีเอไทย – สหรัฐ รอบ 6 ที่เชียงใหม่
เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ในเบื้องต้นประเมินจากการเปลี่ยนตัวผู้นำการเจรจา
และท่าทีของนายกฯ
ที่ไม่ยินยอมจะรับฟังความเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเอฟทีเอ
คิดว่า เราอาจต้องมีข้อเสนอในประเด็นที่ไกลกว่าเดิม และแหลมคมกว่าเก่า
ที่สำคัญ เมื่อประเด็นเอฟทีเอเป็นที่สนใจของสาธารณะมากขึ้น
หลังจากการชุมนุมที่เชียงใหม่
ทำให้มีเครือข่ายและพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น”
เขามองว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของนายสนธิ
ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
ที่เริ่มยกระดับเป็นขบวนเคลื่อนไหวนั้น
ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่หนุนเสริมในประเด็นซึ่งกันและกัน ทั้งนี้
ด้วยท่วงทำนอง ลีลา การนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อของคุณสนธิ
ทำให้ประเด็นเอฟทีเอเป็นที่รับรู้ของสาธารณะมากขึ้น ซึ่งทางเอฟทีเอ
วอทช์ ยินดีที่จะสนับสนุนข้อมูล ส่วนในวันที่ 4 ก.พ.ที่ นายสนธิ
ระดมมวลชนเพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นั้น
ทางเครือข่ายคงยังไม่มีการเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ
เพราะต้องประชุมภายในเครือข่ายก่อน
อย่างไรก็ตาม
นายวิฑูรย์ เห็นว่า การเคลื่อนไหวครั้งที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.
สะท้อนให้เห็นว่า คนฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
เริ่มยกระดับเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลง
แต่เขาเห็นว่า
ด้วยการจัดองค์กรและประเด็นที่เป็นข้อเรียกร้องยังคงไม่สุกงอมพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
โดยเฉพาะประเด็นคอร์รัปชัน แม้ว่าจะมีคนเห็นด้วย
แต่ก็ยังไม่ถือว่าตกผลึกพอ
ส่วนข้อเสนอที่ระบุให้ถวายคืนพระราชอำนาจเอง
ก็ยังไม่เป็นที่เห็นชอบของหลายฝ่ายอยู่
เขาเปรียบเทียบการขับเคลื่อนของเครือข่ายเอฟทีเอ
วอทช์ กับ “ขบวนสนธิ” ว่า อาจถือเป็นคนละเรื่อง
เนื่องจากการเคลื่อนไหวของเครือข่ายเอฟทีเอ วอทช์
เริ่มต้นจากการทำงานในวงจำกัด
โดยเริ่มจากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลในกลุ่มเล็กๆ เมื่อเห็นว่า
มีผลกระทบที่ชัดเจนก็ขยายงานเผยแพร่ข้อมูลเข้าไปในแต่ละเครือข่าย
และต่างก็สรุปกันว่า
จะอาศัยกลไกเดิมที่มีอยู่ในสังคมเพื่อการขับเคลื่อนนั้นยังไม่พอ
จึงต้องมีการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเข้ามาขับเคลื่อน
จึงก่อเกิดการเคลื่อนไหวชุมนุมเล็กๆ
เพื่อสะสมชัยชนะกระทั่งถึงปัจจุบันโดยใช้เวลามากว่าสองปี
ในขณะที่แกนกลางของการเคลื่อนไหวก็เป็นคนที่ทำงานอยู่ในภาคประชาชนที่ได้รับการจัดตั้งมาในระดับหนึ่ง
และถูกจำกัดการเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาลชุดนี้
จึงมีฐานมวลชนอยู่ส่วนหนึ่ง
ประกอบกับพันธมิตรที่เข้ามาร่วมเพิ่มมากขึ้นจากประเด็นที่จะได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอ
เขายังเสนอว่า
ขบวนเคลื่อนไหวที่นำโดยนายสนธิ
จะต้องพิจารณาประเด็นร่วมในการเคลื่อนไหวให้ละเอียด
เพื่อให้พันธมิตรเห็นร่วมกัน และพร้อมจะเคลื่อนไหวไปด้วยกันทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน
ต้องพิจารณาด้วยว่ามวลชนคนชั้นกลางที่เป็นส่วนมากผู้ที่ฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เอง
ก็เป็นกระแสที่วูบวาบ
คำถามก็คือจะทำอย่างไรให้มีความมั่นคงในระยะยาว