หลังจากดูราย จับเข่าคุย โดยมีแขกรับเชิญคือ คุณครูหนูดี .... ก็พยายามไปหาซื้อหนังสือ "อัจฉริยสร้างได้" มาอ่าน ก็ทำให้รู้เลยว่าไม่เฉพาะคนเก่งเท่านั้นที่เป็นอ้จฉริยะได้
คนเรามีอัจฉริยะภาพอย่างน้อย 8 ด้าน
1. ด้านภาษาและการสื่อสาร
2. ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
3. ด้านมิติสัมพันธ์
4. ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์
5. ด้านการเข้าใจในตน
6. ด้านการเข้าใจผู้อื่นและมนุษยสัมพันธ์
7. ด้านธรรมชาติ
8. ด้านดนตรี
"ถ้าคนเรียนเก่งเป็นอ้จฉริยะได้ คนเล่นดนตรีเก่ง เล่นกีฬาเก่ง หรือคนที่เข้าใจตนเองได้อย่างลึกซึ้ง ก็ต้องถุกเรียกว่าอัจฉริยะบุคคลได้เหมือนกัน เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ยุติธรรม"
เห็นด้วยไหมค่ะกับคำกล่าวนี้ ดังนั้นลองถามตัวเองสิว่า เราเป็นอ้จฉริยะหรือเปล่า
"อย่าคิดว่าเรียนอะไรดีถึงจะได้เอาไปใช้กับอาชีพในอนาคต แต่ให้คิดว่า อะไรที่ไม่ได้เรียนแล้วจะเสียดายที่สุด"
"อย่าคิดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างไร แต่ให้คิดว่าเรื่องอะไรที่ท้าทายเราที่สุด แล้วให้ทำสิ่งนั้น"
สมองรับข้อมูลจากกาย และกายส่งข้อมูลให้สมอง มันแยกกันไม่ออก ไปไหนไปด้วยกันเหมือนแฝดสยามอย่างไรอย่างนั้น
สารเคมีแห่งความสุข หรือเอนดอร์ฟินนี้จะหลั่งออกมามากเมื่อเราได้ทำให้สิ่งที่เราชอบ ใช้เวลากับคนที่เรารัก เมื่อเราทำสิ่งใดประสบความสำเร็จหรือในเวลาที่เราออกกำลังกาย
อยากจะบอกว่า สมองของเรานั้น แค่เรา "คิด" ว่าเดี๋ยวจะไปออกกำลังกายเท่านั้น สารเอนเดอร์ฟินนี้ก็หลั่งออกมาเต็มสมองแล้ว และสารนี้เมื่อหลั่งออกมา จะช่วยให้เราคิดคล่อง สมองไว ตาใส มีความสุข ดูเป็นคนฉลาด และสมองดีได้อย่างง่าย ๆ
ลองมาออกกำลังกายกันดูนะคะ พ่อแม่อย่าเอาแต่ให้ลูกเรียน ๆ ๆๆๆ อย่างเดียว ควรให้ลูกออกกำลังกาย เล่นกีฬา เพื่อเข้าจะได้มีความสุข และสมองไว เป็นเด็กฉลาด ... ได้นะคะ
ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ เมื่อี้ก็ดูเรื่องการทำซาลาเปาไปแล้ว แล้วเลยมาดูเรื่องอัจฉริยะสร้างได้ ชอบมากเลยค่ะเพราะกำลังหาซื้ออยู่พอดีเลยหายังไงก็ไม่เจอ และหนูอยากแนะนำหนังสืออีกเล่มหนึ่งของคุณหนูดี คือ อัจฉริยะสร้างสุข แต่ถ้าคุณครูมีแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ มีเนื้อหาน่าสนใจมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ เช่น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสมองกัดกินความทุกข์เป็นอาหาร เชื่อใหมความสุขทำให้คนฉลาด ความล้มเหลวไม่ใช่อะไรบ้างอย่าง พลังอำนาจแห่งการท้าทายความล้มเหลว อัจฉริยะทุกคนเคยล้มเหลวในชีวิต
บัญชีออมความสุข และอีกอย่างหนึ่งที่หนูชอบมากที่สุดคือ ปรับขนาดกล่อง เดี้ยวหนูจะพูดสรุปย่อๆให้ครูละกันนะค่ะคือ
โมเดลความสุขอาจเปรียบเหมือนกล่องใบหนึ่งเราหาของมาเติมใส่เพื่อให้เต็มและเมื่อเรามาดูกล่องเราคิดว่าเราเติมกล่องนั้นเต็มแล้วแต่เมื่อดูดีๆกล่องมันยังมีที่ว่างอีกและมันยังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆๆ ก็เหมือนกับความต้องการในชีวิตประจำวันที่ต้องมีมาเรื่อยๆๆ
และถ้ามีคนบอกเรากวิธีหนึ่งที่เติมใส่กล่องแล้วเต็มเร็ว เราก็คิดว่าจะมีวิธีใหนอีกล่ะ รู้แต่วิธีต้องเติม เติม เติมๆๆ เติมให้เต็ม
และเมื่อเขาเฉลย เราก็พูดออกมาว่า อ๋อ ทำไมง่ายอย่างนี้นนะ
วิธีนั้นคือ ปรับสิ ปรับขนาดกล่องให้เล็กลงไง
ภักดีค่ะ [email protected]