ทำไมอินเดีย ถึงมีความสำคัญ......กับไทย


ต้นแบบ

วันนี้เป็นวันบูชาพระพิฆเนศร์ เป็นวันหยุดของอินเดีย เมื่อคืนผมไปส่งท่านโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัฐ รอง นรม.และรวม.อุตสาหกรรมและคณะที่สนามบิน โดยไม่ทราบจริงๆ ว่าวันนี้เป็นวันหยุด จึงเกิดการหน้าแตกเพราะเช้านี้แต่งตัวเต็มยศ ใส่สูท ผูกเน็คไทถือกระเป๋าเดินไปทำงานตามปรกติ ก็ต้องแปลกใจว่า เอ ทำไมประตูที่ทำงานปิดหมดหรือว่าเขามาสายกัน ไม่วายเปิดประตูเข้าไปดู จึงพบว่าที่ทำงานมืดไปหมดจึงรู้ว่าคงเป็นวันหยุด.......

ผมกำลังศึกษาในรายละเอียดว่าทำไมอินเดียจึงมีความสำคัญกับไทย แต่วันนี้ขอจับประด็นเท่าที่นึกได้อย่างเร็วๆ ก่อน หากท่านใดจะช่วยคิดก็ยินดีครับ

1.เป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดในภูมิภาคเอเชีย....เพียงข้ามผ่านพม่าก็ถึงแล้ว

2.เป็นประเทศที่มีศักยภาพระดับโลก..ในเวทีระดับโลก อินเดียเป็นตัวละครหลักในหลายเรื่อง เช่นการเมืองและการค้า

3.เป็นประเทศที่มีประชากรพันล้าน....เพียงคนอินเดียทานต้มยำกุ้งคนละถ้วย ก็ต้องใช้กุ้งหลายพันล้านตัวแล้ว

4.เป็นประเทศต้นอารยธรรมของคนไทยในหลายเรื่อง.....ในทุกๆ วันเรามีชีวิตอยู่กับสิ่งที่มาจากอินเดียเยอะมาก โดยที่เราไม่รู้ตัว ตั้งแต่สวดมนต์ ไหว้พระ ใส่บาตร แต่งตัว ไหว้.....ฯลฯ

5.แม้ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียจะครบ 60 ปี ไปเมื่อวันที่ 1 สค.2550 แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมีมาช้านานกว่านั้น

6.สำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว อินเดียคือดินแดนพุทธภูมิ พระพุทธเจ้าคือบิดาของชาวพุทธ ดังนั้นพวกเราคือลูกๆ ของพระองค์ ไทย-อินเดียจึงถือว่าอยู่ในครอบครัวเดียวกัน

7.ณ วันนี้ที่มีการเปิดประเทศ เปิดเสรีทางการค้า มีการลงทุนระหว่างไทย-อินเดียเพิ่มมากขึ้นและยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมากมาย

8.บริษัทอินเดียเป็นบริษัทที่สามารถค้าขายในระดับโลก.....จึงเป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจไทย 

9.คนอินเดียมีความเชี่ยวชาญในเรื่องวิทยาการหลายแขนงในยุคโลกาภิวัฒน์.....ไทยสามารถเรียนรู้จากอินเดียได้

เช้านี้ ขอแค่ 9 ประเด็นก่อนนะครับ

ด้วยความปรารถนาดี

คำสำคัญ (Tags): #ต้นแบบ
หมายเลขบันทึก: 124861เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2007 11:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 22:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
P
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยกับคุณพลเดชค่ะ
แต่การค้าขายอาจต้องรอบคอบหน่อยค่ะ เพราะคนอินเดีย ฉลาดนะคะ
โดยภาพรวม ชอบในระดับปกติค่ะ

สวัสดีค่ะ

  พรุ่งนี้เป็นวันพุธ พุธะบูชาวันหยุดหรือเปล่า เดี๋ยวคนขยัน จะแต่งตัวเก้ออีก สบายใจแล้วค่ะ ภูมิใจด้วย ที่ประเทศไทย มีท่านทูตที่ขยันมากๆ

  เรื่องของอินเดีย เราก็จะนึกถึงบุคคล ที่เป็นต้นแบบอย่างในการต่อสู้ ท่านมหาตมะ คานทีด้วยค่ะ และขณะนี้อินเดียสำคัญมาก เพราะมีโยคีผู้พี่อยู่ที่นั่น นี่ถ้าไม่ไปอยู่อินเดีย ก็คงไม่รู้จักกัน ขอบคุณค่ะ

P
สวัสดีครับ
เป็นประเด็นที่น่าสนใจครับที่ว่าต้องรอบคอบเพราะคนอินเดียฉลาด ก่อนผมจะไปอยู่ที่อินเดียก็เคยรับทราบมาเช่นนั้น ซึ่งถือว่าเป็นภาพลบของคนอินเดียหรือคนแขก แม้กระทั่งคำว่า"แขก" ก็มีความหมายลบในความหมายของคนไทย และนี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักธุรกิจไปทยไม่ค่อยจะไปลงทุนที่อินเดีย เพราะกลัวแขก
แต่หลังจากได้ไปตระเวณดูบริษัทของนักธุรกิจไทยในอินเดียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไทยซัมมิท เดลต้า อิตัลไทย เจริญโภคภัณฑ์ ....ฯลฯ ก็เริ่มเปลี่ยนความคิดครับ ว่า จริงๆแล้วอินเดียเป็นประเทศที่น่าลงทุนประเทศหนึ่งโดยเฉพาะนักธุรกิจขนาดใหญ่และกลาง เพราะทางการอินเดียส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศมาก แรงงานก็ถูก ตลาดก็ใหญ่ แต่นักลงทุนนั้นต้องเป็นคนที่มองเห็นโอกาสนี้และชอบลุย
ถ้าเปรียบเทียบกับจีนซึ่งแม้เป็นประเทศใหญ่ แต่ก็มีอุตสาหกรรมที่แข่งขันกับไทยแทบทั้งหมดในขณะที่อินเดียยังเป็นแบบถนัดคนละด้านและเสริมกันได้ดีมากกว่า
แต่อย่างไรก้ตาม เห็นด้วยครับที่ว่าต้องระวัง คือระวังมิให้เสียเปรียบมากเกินไปแต่ดีที่สุดคือ win-win ด้วยกันทั้งคู่ครับ
ด้วยความปรารถนาดี

โยคีน้อยครับ

อินเดียเป็นประเทศที่น่าศึกษาทั้งประเทศและคนครับ ทำไมคนอินเดียถึงฉลาด เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไปครับ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อในเทพเจ้าจะมีส่วนในการพัฒนาความฉลาดนี้หรือไม่อย่างไรครับ

กำลังอ่านเรื่องยอดคน มหาโยคะ ของ ดร.สุวินัยฯ อยุ่ครับ แหม ชักอยากหาคุรุสักคนแล้วครับ

ที่อินเดียมีโยคีมากมาย ตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล ทราบมาว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังมีอยู่

โอม นะมะ ศิวะยะ

โอม นาคาสิทธิยะ อาจารริยะ เทพคุณัง

ด้วยความปรารถนาดี

สวัสดีค่ะ อินเดียเป็นประเทศที่น่าสนใจในประเด็นที่กล่าวมาจริงๆค่ะ และคงมีอีกมากมายหลายข้อ นี่ขนาดแค่คิดเร็วๆนะคะ

คนอินเดียก็เป็นคนรอบรู้ เก่งวิทยาการหลายสาขา มีเพื่อนอินเดียหลายคน ที่รู้จักฉลาดๆทั้งนั้น แต่ก็สงสัยว่าทำไมชาติที่เป็นอู่อารยธรรม เป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมหลายอย่างให้เรา ผู้คนส่วนใหญ่จึงยังลำบากยากเข็ญ เมื่อไม่นานได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของอินเดียโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ พบว่าน่าตกใจมาก พอๆกับจีนเลยนะคะ สงสัยคงเป็นเพราะคนมากจนดูแลให้การศึกษาได้ไม่ทั่วถึง

P
ผู้คนส่วนใหญ่ ยังลำบายากเข็ญ.....จริงครับ เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง ผู้คนส่วนน้อยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลก คนชั้นกลางก็กำลังเติบโตด้วยเทคโนโลยีทันสมัยมาก แต่คนระดับล่างและล่างที่สุด ยังลำบากยากเข็ญ....ถ้าจะเป็นเรื่องของวรรณะครับ
อินเดียมีวรรณะที่ทำให้คนในสังคมมีโอกาสไม่เท่าเทียมกัน
ทำให้ผู้ชายเก่งกว่าผู้หญิงเพราะมีโอกาสมากกว่า
ทำให้คนไม่สนใจจะช่วยเหลือกันเพราะธรรมชาติกำหนดวิถึชีวิตมาแล้ว
ในเมืองใหญ่เช่นเดลี มุมใบ กัลกัตตา เจนไน ก็ทราบว่ายังมีคนยากจนแบบนอนกลางถนนในเมืองอยู่มากมายในขณะที่คนชั้นสูงนั่งรถเบนซ์ผ่านไปอย่างไม่รู้สึกอะไร
ผมได้มีโอกาสคุยกับนักธุรกิจบริษัทอินเดียที่รวยหมื่นล้าน เขาบอกว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินการเพื่อกำไรอย่างเดียวแต่คำนึงถึงสังคมเหมือนกันจึงกันกำไร 2 ใน 3 ไปพัฒนาชุมชนด้วยแต่เนื่องจากอินเดียมีคนมากเหลือเกิน เป็นพันล้าน จึงช่วยได้เท่าที่จะทำได้.......
จึงกลายเป็นว่าคนอินเดียที่เก่งๆจะสร้างชุมชนในฝันของตนขึ้นมาตามรัฐต่างๆ คล้ายอาณาจักรส่วนตัว ช่วยเหลือคนในชุมชนนั้นเท่านั้น......... ที่เหลือจึงเป็นส่วนเกินที่รัฐบาลต้องรับภาระไป
ทุกวันนี้ ผมยังเห็นคนจนเต็มไปหมด ที่อยู่ตามถนนหนทาง ใช้ข้างถนนเป็นบ้าน ใช้รั้วเหล็กกลางถนนเป็นที่ตากผ้าและต้นไม้พุ่มไม้เป็นห้องน้ำ.......
แต่ทั้งหมดนี้ ก็ถือว่ามีข้อดีสำหรับคนที่ไปเห็นครับเพราะเป็นโจทย์แห่งชีวิตที่สอนใจได้ดีจริงๆ
P

พลเดช วรฉัตร

ไม่เคยไปอินเดีย แต่สอนศาสนาฮินดู (..........)

บางมติถือว่า อารยธรรมปัจจุบันมาจากอู่ ๓ แห่ง คือ กรีกโบราณ อินเดีย และจีน... โดยมีอินเดียเก่าแก่ที่สุ

ไม่แน่ใครบอกว่า ปรัชญาอินเดียมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายยุคหลายสมัย สรุปว่า ยังเหมือนเดิม...

ตามที่เรียนปรัชญามา ปรัชญาอินเดียยากที่สุด ว่ากันว่า ถ้าเข้าใจปรัชญาอินเดีย จะเข้าใจปรัชญาทั้งโลกนี้....

ก็บ่นนิดหน่อย ไม่ได้เข้ามาเยี่ยม ท่านทูตนานแล้ว....

เจริญพร 

P
กราบนมัสการ
ปรัชญาอินเดียยากที่สุด............ก็จะลองพยายามทำความเข้าใจครับ เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย
ดีใจหนอ ที่ท่านเข้ามาแวะเยี่ยมครับ
นมัสการมาด้วยความเคารพ
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท