คุณ เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ เปิดประเด็นเรื่องเด็กติดเกมส์ไว้ (http://gotoknow.org/blog/combudda/123734) โดยยกบทความมาจาก http://hilight.kapook.com/view/14881 อีกทีหนึ่ง
มีประเด็นที่น่าคิดในบทความนี้คือ การที่จะเป็นคนเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างแท้จริงนั้นพื้นฐานที่สำคัญอยู่ที่ความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ ... แต่สิ่งที่ผิดก็คือ เราเกิดไปเข้าใจแบบผิดๆ ว่าการส่งเสริมให้เด็กได้ “เล่น” กับคอมพิวเตอร์ คือ วิธีพัฒนาเรื่องนี้
มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน แต่แนวโน้มใหญ่ ผมเชื่อว่า จริงอย่างยิ่ง
ผมเคยพบเห็นกรณีที่นักศึกษาติดเกมส์งอมแงม ราวติดยาเสพติด มาแล้ว พ่อแม่ทำอะไรไม่ได้ ผลการเรียนไม่ต้องพูดถึง เละเป็นวุ้น
เคยเจอรายที่ทำให้แม่เขาหลั่งน้ำตามาแล้ว ผมก็ว่าเขาไปต่อหน้าแม่ ว่าคนที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องหลั่งน้ำตาเสียใจ ไม่อำมหิตไปหน่อยหรือ ?
เด็กที่ติดเกมส์หนักบางคนที่ผมเคยเจอ ผมว่าเขาฉลาดขั้นปราดเปรื่องมาก ๆ แต่กลายเป็นคนเซื่องซึม แยกโลกจริงกับโลกเกมส์ไม่ออก ใครไม่รู้มาก่อน ดูเผิน ๆ อาจนึกว่าเป็นคนปัญญาอ่อน
เห็นแล้วใจหายครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ผมเคยนำเสนอแนวทางการส่งเสริมเด็กติดเกมส์ให้กลายมาเป็นเด็กสร้างเกมส์ ไปเสียเลยครับ หากเด็กติดหนักๆ เพื่อให้เค้าเข้าถึงการสร้าง โดยไปดึงจินตนาการของเค้าออกมาให้ทำงานกันเป็นทีมให้ได้
ผมเคยนำเสนอแนวคิดในงานประชุมหนึ่งผ่านผู้ใหญ่ในกระทรวงวิทย์นะครับ เป็นแนวทางหนึ่งผมว่าหากจัดทีมให้ดีทำได้นะครับ อาจจะคัดเด็กออกมาเป็นสามส่วนเ่ช่น
สวัสดีครับท่านอาจารย์
สวัสดีครับ
ขออนุญาตเล่าเรื่องที่เคยได้รับรู้จากแวดวงสื่อนะครับ
นานมากแล้ว คุณแม่ท่านหนึ่งออกรายการทีวีเล่าให้ฟังว่า ลูกชายติดเกมส์มาก เลิกเรียนแล้วเก็บตัวในห้องเล่นเกมส์เป็นชีวิตจิตใจ ... แต่เองก็คอยบอกกล่าวและท้ายที่สุดก็ลงไม้ลงมือตี ..
จากนั้น, ลูกชายคนนี้ก็หนีออกจากบ้านเพื่อมาเล่นเกมส์เป็นระยะ ๆ .... ท้ายที่สุดก็หายสาปสูญไปเลย
นั่นคือ โศกนาฏกรรมที่ผมฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ...
....
ขอบคุณครับที่ให้เวทีในการสะท้อนเรื่องราว
สวัสดีค่ะ
เรื่องที่คุณพนัสเล่า คงต้องทราบภูมิหลังของครอบครัวนี้ด้วยค่ะ
ข้อมูลน้อยไปหน่อยค่ะ
เพราะcase นี้ น่าจะเป็นอะไรที่extreamมากค่ะ ไม่ค่อยปกติเท่าใด