KM 25ถึงเวลาทบทวนเส้นทางธรรมเพื่อเป็นองค์แห่งการรู้แจ้ง และพละกำลังเพื่อการประจัญกับกิเลสขัดขวางการภาวนา


ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเริ่มใหม่...ถากถางทางสู่มรรคผลด้วยธรรม 7 ข้อนี้รวมกับ พละกำลังที่เอาไว้เดินหน้าประจัญกับกิเลสในทางการปฏิบัติธรรมภาวนาเพื่อมรรคผล (พละ 5) ที่ต้องฟื้นฟูขึ้นมาใหม่

              

                  ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวสุข-ทุกข์สลับกัน อันเป็นจุดดีที่ทำให้เห็นธรรมะมากขึ้น โดยในเดือนแรก ค่อนข้างร่าเริง หรือเบิกบานในธรรม และได้พบกับเรื่องราวที่เป็นปีติสุข จนเกิดอาการติดสุข...แม้จะรู้ว่าเมื่อเกิดขึ้น มีอยู่ และย่อมดับไปเป็นธรรมดา...หนึ่งเดือนถัดมาก็ได้พานพบกับทุกขเวทนา...ซึ่งขั้นต้นอาจเป็นเพราะอยู่ในความประมาท...ด้วยคิดว่าเป็นธรรมดานั้นเอง               

             img76/632/170az8.jpg

                   จากเหตุการณ์ทั้ง 2 อย่าง ดูเป็นเหตุการณ์คู่เปรียบเทียบตรงข้าม แต่สิ่งที่เป็นผลกับการปฏิบัติธรรมกลับคล้ายกัน คือเมื่อธรรมะเบ่งบาน มีปีติสุข ก็หลงระเริง พลอยเกียจคร้านการปฏิบัติไปบ้าง เพราะจิตคิดฟุ้งซ่านในสัญญาแห่งสุข พอป่วย ก็ปฏิบัติธรรมน้อยลงไปอีก เพราะกำลังจิตที่ไม่แข็งแรงจากผลของการเกียจคร้านในช่วงก่อน ยังผลให้สติตามรู้ยิ่งอ่อนปวกเปียก กวัดแกว่งไม่เป็นท่า แต่ทว่าทั้ง 2 เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน ก็ได้สิ่งที่เป็นโอกาสอันดีงามกับชีวิตที่ควรค่าแก่การบันทึกเก็บไว้ทบทวนในเส้นทางสู่มรรคผลอันได้แก่               

          

                   สิ่งดีงามจากมวลมิตร โดยเฉพาะเครือข่าย G2K  อันได้แก่ ท่านอาจารย์พิชัย (ที่ช่วยตักเตือนให้ตามรู้ด้วยจิตเป็นกลาง และอย่าลืมแผ่เมตตาให้ตัวเอง) คุณน้องขจิต (ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบ่อย) คุณธรรมาวุธ (ที่ช่วงนี้ก็มีบันทึกต่างๆ ที่เหมาะมากๆกับช่วงแห่งการเจ็บป่วยป่วย ) คำพรจากป้าเจี๊ยบ น้องซูซาน น้องรักษ์ และคุณเอก (จตุพร) อันเป็นยาใจชั้นยอด ซึ่งรวมแล้วนอกเหนือจากการมอบกำลังใจให้หายป่วยกายและจิต ยังช่วยเตือนสติให้ตามรู้เท่าทันเวทนา และการแผ่เมตตา ซึ่งมักเป็นเรื่องหลงลืม และเผลอไม่ค่อยได้ตามรู้ในระยะแห่งการเจ็บป่วยที่ทำให้กายอ่อนล้าเพราะพิษแห่งพยาธิสภาพของโรค เป็นเหตุให้ตนเองทบทวน ระลึกรู้พร้อมกับได้กำลังใจให้แช่มชื่น และปฏิบัติธรรมด้วยความเบิกบาน อันช่วยประหารอาการป่วยได้อย่างดียิ่ง                 


                เมื่อการเดินทางสู่มรรคผล ถอยหลัง หรือที่คุณเอก (จตุพร) เปรียบว่า “พอเผลอนิดเดียวน้ำแรงทะลุทำนบเราพังหมดเลย” เราจึงต้องเริ่มสร้างทำนบใหม่  ถึงเวลาที่ฉันต้องทบทวนสิ่งที่ผ่านมาและเส้นทางที่จะเป็นปัจจัยต่อการมุ่งสู่มรรคผล อีกครั้ง...ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ฉันย้อนนึกไปถึงธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ และเพื่อความเพียรจากการอ่านหนังสือพระไตรปิฎกฉบับประชาชนและหนังสือ 7 เดือนบรรลุธรรมของคุณดังตฤณ (ซึ่งมีชื่ออยู่ในหนังสือวิมุตติปฎิปทา ของพระปราโมทย์ โดยสมัยนั้นยังเป็นฆราวาส บางตอนของหนังสือที่คุณปราโมทย์ติดธุระทางธรรม จะให้คุณดังตฤณ ตอบกระทู้ในลานธรรมกับผู้สนใจ สงสัยในการปฏิบัติธรรมทั้งหลาย)  ถึงเวลาที่ฉันต้องเปิดหนังสือทบทวนอีกครั้งในธรรมะสำคัญ ทั้ง 2 คือ              

 img166/3473/166sf6.jpg


                     โพชฌงค์ 7 คือธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ (ซึ่งถ้าปฏิบัติไปแล้วจิตมีลักษณะ 7 ประการเป็นองค์ประกอบพร้อมอยู่ก็แปลว่าอาจเกิดมรรคผลขึ้นในขณะใดขณะหนึ่งก็ได้) ทั้งนี้องค์ธรรม 7 ประการได้แก่

      1.       สติ คืออาการระลึกรู้ปัจจุบันขณะ ในสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม)

      2.       ธัมมวิจัย  คืออาการวิจัยธรรมเฉพาะหน้าที่ปรากฏแก่สติ คือเมื่อสติรู้แล้ว ก็รู้ในแบบเห็นเกิดดับ หรือเห็นว่าไม่ใช่ตัวตนในทางใดทางหนึ่ง

      3.       วิริยะ ความเพียรวิจัยธรรมอย่างต่อเนื่อง เช่นเมื่อเห็นลมหายใจเกิดแล้วดับ ก็ตามเห็นความเกิดดับนั้นไม่ลดละ เท่าที่จะทำได้จนสุดความสามารถ

      4.       ปีติ ความเบิกบานใจไม่หม่นหมอง อยู่ในจุดสมดุลไม่พยายามเกินกำลังจนเครียดกังวล และไม่มัวแต่หวังผลที่ยังมาไม่ถึงจนท้อแท้ (ไม่เพ่งไม่เผลอ)       

      5.       ปัสสัทธิ ความไม่กวัดแกว่งกายใจ (กายสงบนิ่งไม่อึดอัดอยากเคลื่อนไหว หรือคลื่นความฟุ้งของใจหยุดตัวลง)

      6.       สมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิต เป็นผลเกิดจากความระงับกายใจ สุขสงบ รวมทั้งไม่มีอาการกำหนดเพ่งคับแคบลงที่จุดใดจุดหนึ่ง

      7.       อุเบกขา ความวางเฉยในจิตอันตั้งมั่นแล้ว     

                   จากการทบทวนในการปฏิบัติธรรมของฉันในช่วง 2 เดือนแห่งความแตกต่างคือ ปีติสุข และทุกขเวทนา และช่วงที่ผ่านมาพบว่า 7 ข้อที่ยังอยู่ในขั้นอนุบาลของฉัน  ผลของปีติ ประกอบกับขาดความเพียรทำให้สติในข้อ 1 และธัมมวิจัยในข้อ 2 ปัสสัทธิในข้อ 5 และสมาธิที่มีอยู่ไม่มากในข้อ 6 ลดลง ซึ่งย่อมชัดเจนอยู่แล้วว่า อุเบกขาในข้อ 7 นั้นแทบจะไม่ได้พานพบ (มีอยู่น้อยมากๆในช่วงปีติสุข และก่อนหน้านั้น              


                      ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเริ่มใหม่...ถากถางทางสู่มรรคผลด้วยธรรม 7 ข้อนี้รวมกับ พละกำลังที่เอาไว้เดินหน้าประจัญกับกิเลสในทางการปฏิบัติธรรมภาวนาเพื่อมรรคผล (พละ 5) ที่ต้องฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อันได้แก่

                   1.       สัทธา ความมีศรัทธาทั้งในพระพุทธเจ้าและสติปัฏฐาน 4 (ฉันมีอยู่เต็มเปี่ยม)

                   2.       วิริยะ ความมีใจเพียรต่อเนื่องไม่ย่อหย่อน (จุดอ่อนที่ต้องเติมเต็มเพื่อผลของข้อถัดๆ ไป)

                   3.       สติ ความสามารถยกจิตขึ้นรู้ปัจจุบันขณะ

                   4.       สมาธิ ความสามารถตั้งจิตให้มั่นคง ไม่หวั่นไหว

                   5.       ปัญญา ความสามารถกำหนดรู้วัตถุอันเป็นเป้าหมายโดยความเกิดดับ และไม่มีตัวตน      

img166/2269/192mm3.png

ขอน้อมจิตเพื่อ...    

ขอบคุณกัลยาณมิตรทางธรรมทั้งหลายที่ช่วยเกื้อหนุนให้มีกำลังใจในการ  ปฏิบัติธรรมต่อไป       

ขอบคุณสภาวะสุข-ทุกข์ให้เรียนรู้ในธรรม       

ขอบคุณคุณดังตฤณที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้ศึกษาธรรมะเชิงลึกและทำให้เข้าใจธรรมะได้ง่ายขึ้นเหมาะกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน        

ระลึกรู้และซาบซึ้งในพระมหากรุณาอันประมาณค่ามิได้จากองค์พระศาสดา และครูบาอาจารย์ทางธรรมเช่น พระปราโมทย์ ที่ทำให้ธรรมะกระจ่างชัดมากขึ้น...       

และขอบคุณทุกผู้ทุกนามที่เป็นที่มาแห่งการได้รับความสว่างทางธรรม....

ขอน้อมคารวะด้วยจิตระลึกรู้ปัจจุบันอันแสนประเสริฐ
                           

หมายเลขบันทึก: 124089เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2007 16:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (35)
  • มาสาธุด้วยคน
  • ทุกๆๆอย่าง
  • มันเป็นเช่นนั้นเอง
  • ดูแลสุขภาพด้วยครับพี่

ไวจริงๆเลยคุณน้องชาย..P ขจิต ฝอยทอง

  • ขอบคุณมากกับการมาเยือนอย่างสม่ำเสมอเป็นกำลังใจและห่วงใยอย่างไม่ขาดสาย
  • จาบอกว่า พี่แหววยังทำบันทึกไม่เสร็จเลยค่ะ..รีบแล้วลืมบางขั้นตอนเลยต้องแก้ไขปัญหาค่ะ..
  • สวัสดีค่ะพี่
  • เฮ่อ....ป่านนี้พี่แหววคงจะหลับฝันดีอยู่แน่ ๆ เลย
  • ตื่นขึ้นมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ     อ้อ....  แล้วอย่าลืมฝันว่ารักษ์มาเยี่ยมในยามราตรีนะคะ
  • เห็นบันทึกพี่แหววตั้งแต่ตอนเย็น  นับหนึ่งถึงล้านแล้ว  ต้องมีสติ  และสมาธิ   ทำงานให้เสร็จก่อน  นะรักษ์นะ    มิฉะนั้นจะไม่ได้มาทักทายพี่แหวว    ในที่สุดก็ทำสำเร็จ  (มีวิริยะป่าวคะ)
  • เอ     ทำได้ถึงเสี้ยวของหลักธรรมที่พี่แหววสอนในวันนี้หรือยังคะ

สวัสดีครับคุณแหวว

  • ยินดีเป็นส่วนหนึ่งของกัลยาณมิตรครับ
  • มิตรแท้แม้ไม่เคยเห็นน่า  ไม่เคยได้ยินเสียง  แต่ใจส่งถึงกันได้
  • การเดินทางสู่มรรคผลถอยหลัง  ผมว่ายังดีกว่าเดินหน้าแต่เดินผิดทางนะครับ  เดินทางผิดเนี่ยอาจถอยกลับลำบากมากนะครับ
  • ดีจัง คุณแหววเอาหลักธรรมแห่งความหลุดพ้นมาวิเคราะห์ให้คะแนนเป็นข้อๆ เลยนะครับ  ผมยังไม่เคยลองทำเลย  เดี๋ยวก๊อปดีกว่า  ไม่รู้สงวนลิขสิทธิ์เปล่านะ
  • ขอให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมจิตที่โปร่งเย็นครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

สวัสดี คร๊าบ.....P  คุณพี่แหวว.....

  • ตามมาเรียนรู้ธรรม ด้วยคน ได้ประโยชน์มากๆเลย.....ขออนุโมทนา

img231/820/winkjf2.gif

  • ชอบประโยคของคุณเอกที่ว่า   “พอเผลอนิดเดียวน้ำแรงทะลุทำนบเราพังหมดเลย”  เป็นจริงตามนั้นเลยหล่ะ......อิอิ  (พังเป็นประจำ)
  • ฝากตัวเป็นลูกศิษย์เช่นเคย

โคนันคุง

สวัสดีค่ะ..น้องรักษ์

  • แน่นอนเลยว่าเวลานั้นพี่หลับอยู่..นอนดึกมากไม่ได้....ร่างกายจะป่วยง่ายค่ะ
  • พี่ว่า น้องมีความเพียรเป็นเลิศจะ..(คนเราจะมีความเพียรในแต่ละเรื่องที่ตรงกับจริตของตนเองค่ะ...
  • ขอบคุณนะคะ..กับการมาเยี่ยมเยือน

สวัสดียามบ่ายค่ะ..คุณ Pธรรมาวุธ

  • ขอบคุณนะคะ..ที่ทำให้ได้ทบทวนธรรม..และก็แหววก็ได้ความรู้จากบันทึกของคุณธรรมาวุธเยอะมาก....แลกเปลี่ยนกันค่ะ...เพื่อต่อยอด..และขยายเมล็ดพันธ์แห่งธรรม

Hello...โคนันคุง

  • ดีใจนะที่เข้ามาทบทวน...และเข้าใจ..ด้วยความสนใจ...
  • แต่เอ...ครั้งนี้ช่วยตรวจหาคำผิดให้ได้รึเปล่า..จะได้รีบแก้ไข...ขอบคุณน้า..ค้า..า...

แวะมาเยี่ยมคะ...ดีขึ้นหรือยังคะ

  •  เข้ามาอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
  • การให้ธรรมะเป็นทาน...ชนะการให้ทั้งมวลคะ
  • ขอบคุณ...คุณแหวว ที่แวะไปเยี่ยมนะคะ
  • ถ้านับญาติแล้วคุณแหววคงเด็กกว่าฉันเยอะคะ...อิอิ
  • ฉันเป็นพวก young at heart คะอิอิ..อายุพึ่ง 25 เอง..(แต่ไม่อยากให้เรียกพี่กลัวแก่ค่า)...
  • แอบเข้ามาเยี่ยมคุณบ่อยคะ...แต่ไม่ค่อยได้ฝากร่องรอย...
  • อ่านบันทึกคุณ...และเห็นรอยยิ้มคุณแล้ว...เกิด...ปิติสุขเสมอคะ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...
  • ขอให้แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและใจคะ

เข้ามาเยี่ยมน้องแหววและอ่านบันทึกธรรม

ตอนนี้ก็กำลังตามดูเวทนาอยู่ครับ

จู่ๆเกิดสิวในโพรงจมูกขึ้นมาตอนแก่ สงสัยหวังดีไม่อยากผุดที่ส่วนที่เห็นได้ชัด เลยหลบมาโผล่ในจมูก

เลยทำให้ปวดร้าวมาตุบๆหน่วงๆตลอดเวลา

บางครั้งขึ้นมาหว่างคิ้ว แล่นไปมากับสันจมูก ไปส่องกระจกดู เห็นสันจมูกที่เคยโด่งเป็นสันหล่ออยู่แล้ว บวมมานิดหน่อย...แต่ยังหายใจพอโล่งอยู่

เลยเอามาเป็นตัวอาศัยให้จิตจับอารมณ์ :)

ส่วนดีของการตามดูเวทนานี้ คือ จับอารมณ์ได้ง่ายและชัดเจน เพราะอารมณ์ชัดมาก จิตสามารถเกาะได้นาน

ไม่เหมือนอารมณ์สุข ที่จิตมักไหลตามอารมณ์ (โดยไม่มีจิตรู้ตัวว่าเป็นผู้ดู) กลายเป็นผู้ร่วมแสดงไป

เวทนาที่เป็นทุกข์ ส่วนใหญ่ก่อให้เกิด โทสะ เพราะเกิดอาการผลักไส ไม่ยินดี ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น(ไม่เอ๊าไม่เอา ไม่น่าเกิดแก่ฉัน)

เวทนาที่เป็นสุข ก่อให้เกิดจิตโลภะ คือความยินดีอยากได้ ติดใจในอารมณ์นั้น(ฉันอยากได้ ได้เท่าไรก็ไม่พอ เอาอีก เอาอีก)

เวทนาที่เป็นกลาง(อทุกขมสุขเวทนา) ก่อให้เกิด โมหะ คือ ความไม่รู้อารมณ์ที่จิตเสพเสวยอยู่

ครูบาอาจารย์จึง นิยมชมชอบให้ศิษย์กำหนดเจริญสติในเวทนา เพราะมีอารมณ์ชัด และก่อให้เกิดตัวรู้ คือสติและไม่เกิดโมหะจิต ข้อสำคัญต้องดูให้เป็นเท่านั้น โดยไม่เกิดโทสะ

ส่วนโพชฌงค์ 7 นั้น เป็นธรรมระดับสูง ที่เกิดขึ้นได้จากการเป็นผู้ฝึกดีแล้วพอควร

สังเกตได้จากคำขยายในองค์ต่างๆที่ลงท้ายว่า  สัมโพชฌงค์

เช่น สติสัมโพชฌงค์ หมายถึงสติที่ฝึกมาดีแล้ว

จนเป็นองค์แห่งการตรัสรู้(ธรรม)

ดังนั้น ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงเยี่ยมพระภิกษุและฆราวาสที่ทนทุกข์เวทนาด้วยอาพาธโรคต่างๆ ที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม ทั้งบรรลุธรรมในระดับต่างๆกัน

ท่านทรงตรัสถามไถ่ด้วยจิตเมตตาว่า

ดูก่อน ..........เวทนาของเธอเป็นประการใด เธอพอที่จะพิจารณาทุกขเวทนาที่มีอยู่อย่างไรบ้าง

ส่วนใหญ่ ผู้ป่วยก็จะบอกว่า

พระพุทธเจ้าข้า อันทุกขเวทนาของข้าพระองค์นี้ ใหญ่หลวงนัก ข้าพเจ้ามิสามารถทนทุกข์ที่มีอยู่ได้(สติและสัมปชัญญะจะพร่าลืมเลือนไป) ด้วยอำนาจของเวทนานี้กล้ายิ่งนัก

พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรม อันว่าด้วยการเจริญโพชฌงค์ 7 ให้แก่ผู้ป่วยอาพาธทั้งหลายฟัง

ตั้งแต่ สติสัมโพชฌงค์ นั่นคือปลุกสติให้ผู้ป่วยระลึกถึงสติ ที่ตนเคยฝึกมาดีแล้ว ให้มาพิจารณาดูเวทนาตามความเป็นจริง (นั่นคือการเจริญเวทนานุปัสสนา)

แล้วจึงเกิดธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เกิดความรู้ความเข้าใจในอาการที่ตามดูตามรู้นั้นๆ ตามความเป็นจริง ตามที่เคยฝึกมาดีแล้ว

จนครบหมวดทั้งหมด

จิตก็เกิดอาการสงบ รำงับจากอาการทุกขเวทนาที่เบียดเบียน ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย อัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงโจษจรรย์กันและเป็นที่ทราบกันว่า หากมีภิกษุอาพาธ ก็นิยมนิมนต์พระเถระ พระภิกษุสงฆ์หรือครูบาอาจารย์มาเทศน์         โพชฌงค์ 7 ฟังแล้วหาย เกิดปีติ สมาธิ อุเบกขา(ในทุกข์โทษของรูปนาม) ดังนี้

ดังนั้น ผู้ฟังต้องเป็นนักปฏิบัติธรรม เรียกว่าใช้ประสบการณ์ของตน มาเจริญสติ ระลึกได้ถึงแนวปฏิบัติธรรมที่ตนเองเจริญมา โพชฌงค์ 7 จึงมีคุณเกิดขึ้นได้

ผมเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยหนัก หลายครั้ง ส่วนใหญ่ที่ลูกศิษย์ปฏิบัติธรรม

พอให้สติว่า "ให้กำหนดดูเวทนา เวทนามิใช่ของเรา ให้ดูตามอาการที่เกิดขึ้น" ผู้ป่วยที่ทุรนทุรายอยู่ ก็จะเกิดสติ ไม่ตามฤทธิ์ของเวทนา หันมาเจริญสติดูเวทนาได้

แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติมาก่อน ก็ไม่กล้าบอก..เพราะจะถูกผู้ป่วยดีดเอาได้ง่ายๆ (นี่แน่ะ! หนอยดันมาบอกว่าเวทนาไม่ใช่ของเรา ก็ตูปวดแทบชักตายอยู่ขณะนี้)

ฮ่าฮ่า ขอโทษที่ยืดยาว ขอจบลงด้วยประการฉะนี้

 

สวัสดีค่ะ

ได้ข่าวว่าหายป่วย ดีใจด้วยค่ะ

คุณแหววมาเยี่ยมที่บล็อกบ่อยๆ  และเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนให้สบายใจทุกทีค่ะ

ด้วยจิตใจที่มีแต่ความรู้สึกที่ดีแก่ผู้อื่นตลอดเวลา

ขอให้คุณแหววหายป่วย มีสุขภาพแข็แรงตลอดไปค่ะ

อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณ..P naree suwan

  • เข้ามา G2K ก่อนปฏิบัติงานค่ะ..พบคุณแล้วรู้สึกดีใจนะคะ...
  • ขอบคุณกับคำพรและคำชื่นชมให้ยินดี่ค่ะ..ธรรมะของตัวเองนั้นส่วนใหญ่อาจเป็นประสบการณ์จากทุกข์หรือความผิดลู่ผิดทางบ้าง...แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนให้ตนเองทบทวนและเตือนใจผู้อื่นค่ะ...
  • ขอบคุณอีกครั้งนะคะ...

สวัสดีตอนเช้านะคะ...ท่านอาจารย์-ท่านพี่ใหญ่ P

  • ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ...ที่อาจารย์เข้ามาเตือนสติแหวว จนหลุดพ้นทุกข์และเริ่มปฏิบัติธรรมได้อย่างดีอีกครั้ง
  • อ่านบันทึกอาจารย์ช่วงแรกก็รู้สึกเป็นห่วงในอาการป่วยและการพบกับเวทนาของอาจารย์ค่ะแต่พออ่านไปเรื่อยๆ แหววเกิดปีติขนลุกขนพอง...ซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณของพระตถาคตและจากการทบทวนธรรมนำมาบอกให้แหววได้ประจักษ์ได้โดยละเอียดด้วยจิตอันเป็นสมาธิ...แหววได้ข้อสรุปข้อดีของเวทนาแบบง่ายๆ ก็คือเป็นต้นเหตุให้เราระลึกถึงธรรม ไม่หลงไปนานกับช่วงแห่งความสุข..และได้กลับมาปฏิบัติธรรมได้ใหม่และมีคุณภาพมากขึ้นค่ะ..
  • ขอบพระคุณในจิตอันเป็นกุศลยิ่งของอาจารย์ที่ให้ธรรมทานกับศิษย์ได้อย่างเอนกอนันต์ อีกครั้งนะคะ...และก็..เมื่อพิจารณาธรรมอันเป็นทุกขเวทนาอันพอสมควรแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านอาจารย์ที่รักและเคารพยิ่งจะได้หลุดพ้นแห่งทุกข์นั้นด้วยกุศลธรรมนำรักษาค่ะ...

สวัสดีค่ะ..คุณพี่  P sasinanda

  • ขอบพระคุณกับคำพรนะคะ..และการเข้ามาเยี่ยมเยือนเสมอมาเช่นกันค่ะ..และแหววก็มักจะได้ข้อคิดจากธรรมทานของคุณพี่เสมอๆ..ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน...สมควรดำเนินรอยตาม
  • และแหววก็ขอให้คุณพี่มีแต่ความสุขกาย สบายใจ...เป็นแบบอย่างที่ดีงามให้กับปถุชนหรือฆราวาสในโลกแห่งการงานนี้ตลอดไปนะคะ..

สวัสดีครับ  คุณแหวว

ผมขอบพระคุณอย่างยิ่งกับการไปมาหาสู่ในบันทึกอย่างส่ำเสมอและเป็นกันเอง  ขณะที่ผมช่วงนี้แทบจะไม่มีเวลามาเยี่ยมเบือนใครมากนัก  ขนาดบันทึกตนเองก็แทบไม่มีเวลาได้ตอบกัลยาณมิตร

.....

วันนี้แวะมาเป็นกำลังใจต่อวิถีแห่งโลกและชีวิตที่คุณแหววกำลังก้าวเดินนะครับ..

สติ

สมาธิ

และปัญญา

ผมเข้าใจว่าเกิดขึ้นจากดวงใจอันมุ่งมั่นในการเพียรปฏิบัติและรวมถึงการหยั่งทบทวนวิถีแห่งการก้าวไปเป็นระยะ ๆ ....

ซึ่งกระบวนการนี้คุณแหววก้กำลังดำเนินการอย่างชัดเจนแล้ว

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ..คุณ P แผ่นดิน

  • ขอบคุณในการมาเยือนอันอบอุ่นด้วยมิตรภาพเช่นกันค่ะ
  • รู้สึกว่าคุณพนัส งานยุ่งมากๆ..ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า..จริงๆ..แต่ก็คงเหมือนคนอื่นๆ..ที่ยังรู้สึกห่วงใย..อยากให้มีเวลาของการพักผ่อนคลายบ้าง...จากใจค่ะ...
  • แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ขอมอบกำลังใจให้สามารถทำงานได้อย่างสำเร็จลุล่วงและเป็นสุขในทุกขณะนะคะ
  • ขอบคุณมากครับพี่
  • วันพรุ่งนี้ต้องไปแอบดูนกเสียหน่อย
  • เผื่อจะได้เห็นบ้าง
  • ฮ่าๆๆ
  • สวัสดีค่ะ
  • เข้ามาแล้ว สุขสดชื่นไปด้วยสีสันของบล็อค และมนต์แห่งธรรมะจริง ๆ
  • รักษาสุขภาพบ้างนะค่ะ

สวัสดีค่ะ...คุณ P  Sirintip

  • ขอบคุณค่ะกับคำชื่นชมซึ่งเป็นกำลังใจในการจัดทำ และยินดีถ้าจะมีประโยชน์ทางใจเล็กๆ น้อยกับผู้อื่นนอกจากตัวเองค่ะ...
  • ดูและตัวเอง ทั้งกายและใจ ทั้งครอบครัวนะคะ ด้วยความเป็นห่วงค่ะ
ถึงหนูไม่ค่อยรู้เรื่องพุทธ แต่ขอตามมาเป็นกำลังใจให้พี่แหววนะคะ ^ ^ หายป่วยหรือยังคะ เปลี่ยนอิริยาบถบ้างคงทำให้ชีวิตมีสุขค่ะ หนูเป็นคนที่มีความสุขง่าย แค่กินอาหารอร่อย ฟังเพลงเพราะ ก็มีความสุขแล้ว ชีวิตมันจะง่ายขึ้นถ้าเราไม่ไปตั้งกฎเกณฑ์เยอะๆ ค่ะ
เอารูปห้องทำงานยามเย็นมาฝากค่ะ แค่ดูแสงที่ทอดส่องเข้ามาพร้อมฟังเพลงบรรเลงของคุณจำรัสระหว่างทำงาน แค่นี้หนูก็เป็นสุขแล้ว ความสุขหาได้ง่ายๆ รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะมองหรือเปล่า

อรุณสวัสดิ์ค่ะ...น้อง P Little Jazz \(^o^)/

  • มีความสุขมากเมื่อพบเจอแต่เช้า ขอบคุณมากๆ กับกำลังใจก่อนทำงาน...ตอนนี้อาการที่หู มีนิดหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหา...ถือว่าสุขสบายดี แต่จิตย่อมมีขึ้นมีลง(เล็กน้อย) เป็นธรรมดาค่ะ
  • พี่แหววรู้ว่าน้องซูซานย่อมไม่ค่อยรู้เรื่องพุทธ แต่ไม่ว่าศาสนาใดก็ดีทั้งนั้น แล้วแต่ว่าใครได้รับอะไรมาเนอะ..แต่ที่แน่ๆ พี่แหววรู้สึกว่าคนที่เติบโตมากับคริสต์ หรือแม้แต่นับถือพุทธแต่เรียนโรงเรียนคริสต์ ที่รู้จักมี 1 คนนั้น อบอุ่น เอื้ออารี เป็นผู้ให้มากๆ แม้จะอายุน้อยๆ ซึ่งเป็นความประทับใจค่ะ
  • เสาร์-อาทิตย์นี้ พี่แหววตัดสินใจจะไปเพิ่มความมั่นคงแห่งจิต ด้วยการไปทำสมาธิและเจริญสติที่วัดในวันเสาร์-อาทิตย์ (ปีๆ หนึ่งจะไปสัก 2 ครั้ง-3 ครั้ง)ค่ะ.. ซึ่งจะหายไปจาก Blog เลยหล่ะ
  • เวลาอ่านบันทึกของน้องซูซาน พี่แหวว จะประทับใจในความเอื้ออารี..ความเป็นคนร่าเริงและมีความสุขในชีวิต ซึ่งทำให้นึกถึง บุคคล 2 คน คือ
  • คนที่ 1 เป็นรุ่นน้องเภสัชกร อายุ 35 ปี เธอเป็นคนกรุงเทพ เรียนโรงเรียนประถมที่สตรีวัฒนา...เธอมาอยู่ที่ รพ. บ้านแพรก 12 ปี และเป็นกัลยาณมิตรกับพี่แหววมาตลอด ฉายาของเธอคือ ผู้ให้..ผู้มีอารมณ์ดี...ยินดีทำงานหนักเพื่อคนอื่นๆ...เก่งกาจในด้านการบริหารจัดการ(ด้วยสติปัญญาดี และความเป็นคนดี) 
  • คนที่ 2 เป็นคือน้องอิน ลูกสาวสุดที่รักซึ่งมีอยู่คนเดียว น้องอินเรียนสายวิทย์อยู่ที่มงฟอร์ตวิทยาลัย เชียงใหม่ เธอชอบงานออกแบบทาง comp. อยากทำงานในอนาคตด้านนี้ ...พี่แหววก็สนับสนุนเพราะรู้สึกว่าเขาชอบและเหมาะกับเธฮ...และถ้าเธอจะมีความสุขในอนาคต...เวลาอ่านบันทึกน้องซูซานก็จะมีความสุขไปด้วย เหมือนเป็นแบบอย่างของน้องอินได้เลยทีเดียวค่ะ
  • สุดท้ายที่เห็นรูปที่น้องแก้มยุ้ยส่งมา ต้องบอกว่า "ขอบคุณมากๆ" ที่ทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้..พี่แหววชอบแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในบ้าน โดยเฉพาะเวลาเล่นโยคะในบ้าน มีเพลงชุดนิพพานประกอบ ซึ่งท่าสุดท้าย "สุริยนมัสการ" เสมือนให้พี่แหววได้ขอบคุณแสงแห่งชีวิตนี้ อันมีความงามอมตะ...ขอบคุณกับความปรารถนาดีและการมาเยี่ยมเยือนด้วยกำลังใจบวกกับของขวัญที่งดงามค่ะ...

น้องซูซาน P Little Jazz \(^o^)/ 

  • ต้องมาแก้ข่าวค่ะ...น้องเภสัชที่พูดถึงตอนประถมเธอเรียนที่วัฒนาวิทยาลัย ค่ะ...ม่ายช่าย..สตรีวัฒนา (แหม!! คนอยุธยาไม่รู้จักนี่หน่า..ก็จำผิดไปบ้าง)...ตอนเช้าก็รีบพิมพ์ มีพิมพ์ผิดบางที่ด้วยไม่ว่ากันเนอะ...
  • ตามมาขอบคุณ
  • สรุปว่าน้องอินจบแล้วพี่แหววจะให้ไปเรียนอะไรครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณน้อง-อาจารย์ P   ขจิต ฝอยทอง

  • ก็คงจะเป็นสิ่งที่น้องอินเลือกด้วยตัวของเขาเองอย่างมั่นใจค่ะ...ถ้าดูๆตอนนี้ก็ประมาณว่าเป็นด้านการออกแบบ หรือกราฟฟิคมั้งคะ..พี่แหววก็ไม่ถนัดซะด้วย เรื่อง IT เนี่ย...
  • คืนนี้ทำไม่ง่วงเร็วจัง ยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย...ราตรีสวัสดิ์ก่อนหล่ะ...
ม่ายเป็นไรค่ะพี่ ของงี้มันผิดพลาดกันได้ ทุกวันนี้ชอบบอกใครๆ ว่าตัวเองเป็นเด็กวัด (ก็วัฒนาไงล่ะ) แต่ชีวิตผกผัน ต้องไปทำงานที่วัง (วังทองหลาง) เก๋มั้ยคะ : ) มาเล่าให้ขำๆ ก่อนไปนอน ^ ^
อ้อ ลืมบอกพี่แหววไปว่า ถ้าลูกจะเรียนด้านออกแบบหรือกราฟฟิค ต้องให้หัดซ้อมอดนอนข้ามวันข้ามคืนเสียแต่ตอนนี้ ไว้ตอนเรียนกับจบไปทำงานจะได้ไม่ลำบาก เพราะชินซะแล้ะ เหมือนหนูไง เพื่อนๆ ก็เป็นงี้เกือบทุกคน นอนตี 2-3 ตื่น 7-8 โมง บางทีก็อดนอนน็อกข้ามสองวัน สามวันก็เคยแต่เป็นตอนสมัยเรียน ถ้าเป็นตอนนี้ได้ไปนอนโรงพยาบาลแน่ งานพวกนี้มันเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ หลานชายก็ชอบ หนูยังบอกว่าไปหาอาชีพที่มันสบายๆ ทำดีกว่า เรียนและทำงานแบบอามันเสียสุขภาพ
  • สวัสดีคะคุณแหวว...แวะมาถามไถ่อาการป่วย
  • ได้ยินว่าดีขึ้นบ้างแล้ว
  • สนับสนุนคะ...รักษากายแล้วต้องรักษาใจด้วย
  • อนุโมทนานะคะ...
  • อยากไปปลีกวิเวกบ้างเหมือนกันช่วงนี้ยุ่งคะเดือนกันยาทุกอย่างรีบไปหมด
  • ตอนนี้ก็พยายามรักษาใจ...โดยการทำจิตให้เป็นกุศล
  • และแบ่งปันความสุขที่ตัวเองมีให้กับผู้อื่นคะ

สวัสดีค่ะ..คุณ P  naree suwan

  • กลับมาแล้วค่ะ...เวลาไปปฏิบัติธรรมเนี่ย...ต้องมีความเพียรสูง ถ้าขี้เกียจ ก็จะไม่ค่อยได้อะไร แต่ว่าก็ไม่บังคับฝืนใจจนกลายเป็นทุกข์ เพราะเราตั้งใจไปเพื่อเพิ่มความเพียรอันหาได้ยากในโลกของการทำงาน...ที่ ตกเย็น หรือกลางคืนก็เหนื่อยหลับประจำ สิ่งนั้นก็สำคัญ สิ่งนี้ก็สำคัญ...จนลืมตัวเอง...มันเป็นเช่นนั้น...กลับมาก็เท่ากับได้เติมความตั้งมั่นแห่งจิตได้มากขึ้นค่ะ...สุขสงบ สติตามรู้เร็วขึ้น คิดอะไรก็ง่ายสบายบรื๋อมากขึ้น...อันนี้มีผลดีต่อการทำงานประสานงานสูง...
  • ขอบคุณมากค่ะ..ที่มาทักทาย ขอให้สนุกกับงานนะคะ..ทุกที่จะยุ่งช่วงนี้เหมือนกันหมด ตัวเองในฐานะผู้ประสานแผนและยุทธศาสตร์ และผู้ประสานคุณภาพ รพ. ก็รวบรวมทีมบริหารได้ยากมากเนื่องจากทุกคน ผลัดกันออกประชุม และสรุปผลกันอุดตลุด...ก็เข้าใจและก็ทำใจยอมรับ ไม่ซีเรียส มิฉนั้น ก็ทุกข์ใจเปล่าๆ..หลายสิ่งหลายอย่างมันเป็นข้อจำกัด ก็ต้องทำใจบ้าง โดยพยายามประยุกต์ ปรับกระบวนท่าให้ได้มากที่สุดโดยไม่กระทบกับครอบครัว และชีวิตจิตใจของตนเองและคนรอบข้างมาก มิเช่นก็ " สูญเปล่า" ประสบการณ์สอนเช่นนั้นค่ะ...
  • ขอให้จิตเป็นสุขด้วยเช่นกันนะคะ...จะได้มีแรงใจและกาย ทำงานได้อย่างสมใจนึกค่ะ...อิ..อิ
  • ธรรมสวัสดีค่ะ
  • พี่แหววไปปฏิบัติธรรมมา
  • เป็นอย่างไรบ้างคะ
  • มีเวลาเล่าให้น้องฟังบ้างนะ
  • สุขภาพเป็นไงบ้างคะ
  • มีแต่คำถามเนอะก็ไม่เจอหน้าหลายวันหนิคิดถึงพี่แหววค่ะ

สวัสดีพร้อมๆกับขออภัยที่ตอบช้ามากๆ นะคะน้องรักษ์ P  RAK-NA

  • สุขภาพร่างกายและใจแข็งแรงและมีความสุขดีค่ะแต่ว่า ภาระงานโดยเฉพาะงานเครือข่ายทำให้ชีพจรลงเท้า...ทำงานไม่ทันเลย...นี่ก็พึ่งเตรียมแพคกระเป๋าเดินทางเสร็จค่ะ...
  • ยังไม่ได้บอกเลยว่า สาเหตุสำคัญของการเงียบไปก็คือ ระบบ net มีปัญหามากๆ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน...กว่าจะได้ตอบครั้งนี้ก็เท่าที่เห็นนี่ละค่ะ...บวกกับเรื่องงาน เลยไม่ต้องไปแจม ใน blog อื่นๆ กันเลย...เอาไว้ Net  เข้าที่เข้าทางแล้วค่อยคุยกัน ไม่งั้นเสียเวลา โดยไม่คุ้มค่า....
  • ขอบคุณนะคะที่คิดถึงกัน...(ก็เหมือนกันนะ) เพียงแต่มีปัญหาเท่านั้น ไม่รู้จะทำงัยอ่ะ...ขอให้น้องรักษ์...มีความสุขกาย..สบายใจและกันนะ...สับดาห์หน้าคงได้คุยกัน...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...
  • มาทักทายด้วยความเป็นห่วง
  • พี่หายไปนานมาก
  • หายดีหรือยังครับ
  • ดูแลสุขภาพดีๆๆนะครับ
  • ขอบคุณครับ

ดีใจที่ได้พบกันค่ะ..น้องชายP ขจิต ฝอยทอง

  • กลับมาแล้วค่ะ...ช่วงที่แล้วชีพจรลงเท้าและ Net ล่ม..เลยห่างหายไปหน่อย คิดถึงเครือข่ายมากๆ...
  • ตอนนี้สุขภาพดีเยี่ยมค่ะ...ขอบคุณนะคะ..ที่เป็นห่วง ...วันนี้พึ่งจะมานั่งหน้า Comp. กลัวว่าจะบันทึกไม่เป็นแล้วน่ะ...แล้วเดี๋ยวจะไปเยี่ยมนะคะ...
  • ขอบคุณมากครับที่บันทึกเรื่องราวมีคุณค่าให้อ่าน
  • หากอาการป่วยยังมีอยู่ ขอให้หายไวๆ มีจิตใจที่แช่มชื่นอยู่ในกายที่ปกติโดยเร็วครับ

ขอบคุณค่ะคุณ HANDY

    เมื่อเจริญในธรรมมากขึ้น ความเจ็บป่วยกายและใจก็ลดน้อยลงค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท