ปัจจุบันขณะ
คำว่า ”ปัจจุบัน” นั้น
ไม่ได้หมายถึงวันนี้ ชั่วโมงนี้
นาทีนี้ หรือแม้กระทั่งวินาทีนี้
แต่หมายถึง การระลึกถึงสภาวธรรม
ที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาเราในขณะจิตนี้
ซึ่งเป็นเวลาสั้นที่สุดจนทำอะไรมากเกินกว่ารู้ไม่ได้
พระอาจารย์ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แจ้งใจแล้ว สาธุค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ^ ^
เห็นด้วยอย่างยิ่งคะคุณ
ติช นัท ฮันน์ ท่านเคยกล่าวไว้คะ...หากเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด...ไม่รอโชคชะตา...ไม่สิ้นหวัง...โลกน่าจะรอดได้นะคะ...
ที่บ้านมีหนังสือ และ ซีดี ของพระอาจารย์ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช เหมือนกันคะ
สารโกมล ที่วางตาม องค์กรนิสิตนักศึกษา(จน...จนเติบโตเป็นองค์กรแข้มแข็งสามารถพิมพ์หนังสือทางเลือกได้อย่างทุกวันนี้...อุดหนุนหนังสือตลอดคะ...ชอบหลากหลายแนวคะ
ดีใจที่รู้จักคุณนะคะ..ขอบคุณนะคะที่นอกจากคุณอ่านเองแล้ว...ยังเหมือนคุณอ่านหนังสือนั้นๆให้ผู้อื่นฟังด้วย
สวัสดีครับ อ.กมลวัลย์
แหม เปลี่ยนรูปใหม่ดูขรึมดีครับ
รู้สึกว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้าไปเยี่ยมบันทึกอาจารย์เลย คงต้องไปอัพเดทสักหน่อยแล้วกระมังครับ
รักษาสุขภาพนะครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีอีกครั้งครับคุณ naree
หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ นั้นท่านมีปฏิปทาที่น่าเคารพนับถือมาก รู้สึกว่ามีชาวไทยหลายคนที่ไปเป็นศิษย์ท่าน คำสอนท่านเรียบง่าย และเน้นใช้ได้จริงเพื่อสังคม ผมก็เชื่ออย่างท่านครับว่าหากเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด โลกก็จะรอดได้
คงเหมือนๆ กับที่ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวว่า ศีลธรรมของยุวชนคือสันติภาพของโลก แต่เสียดายที่ท่านไม่ได้สาธยายเรื่องนี้ไว้ เพราะท่านได้ละสังขารไปเสียก่อน แต่ธรรมะที่ท่านได้แสดงไว้มากมายนั้นก็ถือว่าเกินพอแล้วครับ
ก็อยู่ที่ว่าพวกเราจะทำ และทำได้กันหรือเปล่า
ส่วนพระอาจารย์ปราโมทย์นั้นผมก็พอมีหนังสือและไฟล์ MP3 อยู่บ้างก็จากเว็บไซต์นี่แหละครับ ประวัติของหลวงพ่อก็น่าสนใจครับ ผมพอทราบมาเล็กน้อยว่า ท่านเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ดังๆ สายหลวงปู่มั่นหลายรูป และท่านปฏิบัติจนมีหลวงปู่ท่านหนึ่งยืนยันให้ท่านเผยแผ่ธรรมะได้ เพราะถือว่าหลวงพ่อพร้อมแล้ว ถึงขณะบวชท่านก็มีภรรยาแล้ว และภรรยาก็ยินดีกับการบวชของท่านด้วย
หายากนะครับครอบครัวเช่นนี้ ทั้งสามีและภรรยาปฏิบัติธรรม มิหนำซ้ำภรรยายังส่งเสริมให้สามีบวชด้วย เมื่อสามีบวชฝ่ายภรรยาก็ตั้งหน้าปฏิบัติธรรมเช่นกัน และตั้งจิตอธิษฐานให้ตนเองได้ถึงธรรมตามอดีตสามีไปด้วย น่าอนุโมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ
อ้อ ที่สำคัญ หลวงพ่อท่านเป็นคนหนึ่งที่เคยเขียนและตอบกระทู้ธรรมในเว็บไซต์ลานธรรมด้วยนะครับ รู้สึกจะทำอยู่หลายปี แต่มีตอนหนึ่งผมได้ฟังท่านเทศน์ว่าการเล่นเน็ตหรือถามตอบปัญหาธรรมในเว็บก็ทำให้การปฏิบัติธรรมล่าช้าได้เช่นกัน แหะๆ
ส่วนเรื่องมูลนิธิโกมลคีมทองนั้น ผมขอยอมให้แฟนพันธ์แท้อย่างคุณ naree ครับ ผมเพิ่งรู้จักมูลนิธินี้ตอนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.ปลาย และก็ตามล่าประวัติครูโกมลอยู่พักหนึ่ง น่านับถือในอุดมคติของท่านเป็นอย่างยิ่งครับ
เมืองไทยเรานี้ไม่รู้เป็นไรนะครับ คนดีๆ เก่งๆ ไม่ตายก่อนวัยอันสมควร ก็ต้องไปตายอย่างเดียวดายห่างจากแผ่นดินแม่ พอเขาตายแล้วก็ค่อยมาเห็นความดีของเขา ฟังดูน่าเศร้านะครับ
ดีใจที่รู้จักคุณ naree เช่นเดียวกันครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณแหวว
ผมมีอะไรมาฝากครับ
"...หลวงพ่อชาท่านอยู่กับความป่วยหลายปีก่อนจะมรณภาพ หลวงพ่อเทียนท่านอยู่กับมะเร็งหลายปี ท่านเหล่านี้ถึงกายจะป่วย แต่ท่านก็ยิ้ม
หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุกายป่วยหนัก แต่ท่านก็ป่วยไปยิ้มไป หัวเราะไป นายแพทย์หรือคนใกล้ชิดที่ค่อยอภิบาล พอเห็นท่านป่วยแต่ละครั้งก็หายใจไม่ทั่วท้อง ประคองท่านพุทธทาสเข้าห้องน้ำแต่ละที หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ กลัวท่านจะเป็นอะไรไป แต่ตัวท่านเองเมื่อป่วยแล้ว ท่านก็นั่งพิจารณาดูความป่วยมันแสดงตัวอยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ จากนั้นก็เรียนรู้จากความป่วยด้วยรอยยิ้ม เปลี่ยนความป่วยเป็นปัญญา..."
คัดลอกจากตอนหนึ่งของหนังสือ สบตากับความตาย ของท่าน ว.วชิรเมธีครับ
แม้เราจะไม่สามารถเทียบชั้นกับท่านเหล่านั้น แต่เราก็จำเป็นต้องฝึกเพื่อที่ถึงวันนั้นเราจะได้เรียกสติมาใช้ได้ทัน และกล้าสบตากับมันอย่างไม่ครั่นคร้าม ซึ่งผมคิดว่าคุณแหววกำลังทำอยู่อย่างแน่นอน
เป็นกำลังใจครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์
ธรรมะคุ้มครอง
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ..
สวัสดีครับคุณแหวว
ยินดีครับ หายป่วยไวๆ นะครับ ป่วยบ่อยๆ ก็ไม่ดีเพราะมันรบกวนจิตมากเกินไป
แต่ถ้าอยากเห็นตัวอย่างคนป่วยที่อยู่เหนือความป่วยจริง ลองหาประวัติ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ดูนะครับ
ท่านเจ้าประคุณฯ ป่วยมาตั้งแต่เด็กครับ ถึงปัจจุบันท่านก็ยังป่วยอยู่ และท่านเป็นนับสิบๆ โรคเลยครับ ล้วนแต่เป็นโรคหนักๆ ทั้งนั้นครับ ว่าแล้วเดี๋ยวบันทึกถัดไปผมค่อยคัดลอกมาให้อ่านนะครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
โห ท่านเลขาครับ ท่านโพสต์มากจนเจ้าของบันทึกปลื้มจน เวลากินไม่ได้นอน เวลานอนไม่ได้กินแล้วครับ มันปลึ้ม
อย่าขอโทษเลยครับ เอาเป็นว่าท่านให้เกียรติผมดีกว่าครับ
นับตั้งแต่เขียนบันทึกมาข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ผมได้เจอกัลยาณมิตรมากมาย ที่ช่วยกันคุย ช่วยกันเกลา ช่วยกันให้กำลังใจ และช่วยกันเอาไม้หน้าสามมาตีแสกหน้า ทำให้ตัวเองกระตือรือร้นศึกษาธรรมะให้มากขึ้น แต่ก็พร้อมที่จะเข้าใกล้ความจริงมากที่สุด คนเรานั้นส่วนใหญ่ก็อยู่แต่กับความฝัน แต่ไม่ยอมศึกษาหาความจริงที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ มัวแต่หลงโลก จนโลกแทบไหม้แล้วครับ
มาช่วยกันเอาธรรมะที่สงบเย็นประพรมโลกกันเถอะครับ แต่ก่อนอื่นต้องอาบตัวเองให้เย็นก่อนนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ธรรมะสวัสดีครับ