"คลัง" ทบทวนตัวเลข "จีดีพี" คุยมีปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจดีกว่าที่คาดไว้

"ปลัดคลัง"วาดเศรษฐกิจปลายปีไว้สวยหรู รับนโยบายรัฐใช้จ่ายงบกระตุ้นเพื่อชดเชยการลงทุน-บริโภค   ที่ชะลอตัว แต่ยังห่วงราคาน้ำมัน-ค่าเงินบาทช่วงปลายปีกระทบ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในขณะนี้กระทรวงการคลัง ยัง คาดการณ์จีดีพีในปี 2550 อยู่ที่ 3.8-4.3% เหมือนเดิม แต่ก็จะมีการทบทวนตัวเลขดังกล่าวอีกครั้งในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าจีดีพีในปีนี้จะดีขึ้นกว่า ที่คาดการณ์ไว้เดิมและจะมากกว่า 4% เป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก เพราะเชื่อว่าในครึ่งปีหลังปีนี้สถานการณ์ต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องคือ การใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งมาชดเชยการบริโภค และการลงทุนที่หดตัวของภาคเอกชน ด้วยการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีงบประมาณหน้า ก็จะทำมีเม็ดเงินเข้าไปกระตุ้นระบบเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง  นอกจากนั้นยังมองว่าปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจยังมีอยู่อีกหลายด้าน เช่นสถานการณ์ด้านการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย และแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงด้านการนำเข้าสินค้าเพื่อการผลิตและวัตถุดิบที่ชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมด้านเศรษฐกิจในประเทศยังเคลื่อนไหว  "เชื่อมั่นว่าแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นได้เพราะมีปัจจัยหลายด้าน ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการนำเข้าสินค้าทุนสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลงอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับต่ำน่าจะทำให้การลงทุนดีขึ้นได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจกลับมาลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มากขึ้น" นายศุภรัตน์กล่าว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในครึ่งปีหลังของปี 50 นี้ก็ยังมีปัจจัยลบที่กระทบต่อเศรษฐกิจอยู่บ้าง เช่น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นโดยปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ 67 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่า    ช่วงต้นปี 56 เหรียญต่อบาเรล คิดเป็น17% และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่อาจปรับตัวลดลงรวมทั้งปัญหาความไม่สงบในภาคใต้

แนวหน้า  23  ส.ค.  50