เรื่องเล่าไท สกลฯ : ผลพลอยได้จากการกลับบ้านลงมติ ๑๙ ส.ค.๕๐ (๑)


 

      จากที่ได้กลับบ้านที่ จ.สกลนคร เพื่อไปลงมติ รับ-ไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา (ลงมติวันที่ ๑๙  เดินทางกลับสกลฯ วันที่ ๑๘ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ วันที่ ๒๑)..     ปกติแล้วดิฉันจะกลับบ้านบ่อยตามเทศกาลวันหยุดต่างๆ ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน แล้วขับรถพาพี่ๆ น้องๆ กลับบ้านด้วยกัน) แต่ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา..  เพราะสงกรานต์ปีนี้ก็ไปเที่ยวที่อื่นก็เลยไม่ได้กลับ

      ทุกครั้งเมื่อรู้ว่าจะกลับ สกลฯ อันดับแรกที่พวกเรา  (คน สกลฯ ส่วนใหญ่) ต้องทำเมื่อไปถึงคือกินส้มตำ.. ตำปลาร้า ก็ไม่รู้ว่าเข้าข้างกันเองหรือเปล่าเพราะคนคอส้มตำปลาร้าต่างถิ่นหลายคนเมื่อได้ชิมแล้วมักยังตราตรึงอยู่ในใจมาแล้วหลายราย (สำหับดิฉันเองแล้ว.. น้อยครั้งนักที่กินส้มตำปลาร้าที่อื่น.. นอกจากที่ สกลฯ)  

     การกลับบ้านครั้งนี้มี ดิฉัน (เป็นคนขับรถ) น้องชาย และ พี่สาว รวม ๓ คน..   ส่วนใหญ่ที่กลับบ้านดิฉันจะชอบขับรถออกจากรุงเทพฯ แต่เช้าเพราะรถไม่ติดและได้อยู่ สกลฯ นานขึ้น ได้ทำอะไรที่อยากทำมากขึ้น   การเดินทางกลับสกลฯ โดยส่วนใหญ่ไปได้ ๒ ทาง ทางแรกคือ กรุงเทพ  โคราช ขอนแก่น อุดร และ สกลฯ  ส่วนทางที่ ๒ คือ กรุงเทพฯ โคราช ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธ์ และ สกลฯ  ดิฉันชอบเดินทางเส้นทางที่ ๒ เพราะรถไม่เยอะและระยะทางใกล้กว่ากลับทางอุดรฯ ประมาณ ๓๐ กม. (ตามทางลัดที่พ่อบอก) แต่ต้องผ่าน ภูพาน เส้นทางคดเคี้ยว  (ระยะทางจากที่พักในกรุงเทพฯ ถึง บ้านที่ อ.เมือง สกลนคร ประมาณ ๖๖๐ กม.)..   ครั้งนี้เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ ตี ๔ ขับรถถึง สกลฯ ก็ประมาณ ๑๑.๓๐ น.(ขับแบบไม่หยุดพักไหนเลย นอกจากซื้อของกิน เข้าห้องน้ำและเติมน้ำมัน) .. ก็เลยได้กินข้าวเที่ยงฝีมือแม่ได้ทันพอดี

       กลับ สกลฯ ครั้งนี้มีเรื่องเล่าหลายเรื่อง แต่เรื่องแรกที่อยากเล่าคือ สถานที่ออกกำลังกายของ ชาวสกลฯ  คือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ หรือ คนสกลฯ เรียกว่า สระพังทอง ซึ่งอยู่ติดกับหนองหาร (ใครรู้จักตำนานผาแดง-นางไอ่ ก็จะรู้จักหนองหาร)  ที่เล่าเรื่องสถานที่ออกกำลังกายเพราะปกติแล้วที่ กรุงเทพฯ ดิฉันจะออกกำลังกายตามศูนย์ฟิตเนส ในห้องสี่เหลี่ยม เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มองเห็นแต่กระจก และกว่าศูนย์ฯ จะเปิดก็สายๆ   ดังนั้นส่วนใหญ่ดิฉันจะได้ออกกำลังกายก็ตอนเย็นๆ (แต่จริงๆ แล้วดิฉันชอบออกกำลังกายตอนเช้าๆ สัก ๖ โมงเช้า.. แต่คิดว่าอยู่ใน กรุงเทพฯ ตัวเองทำไม่ได้แน่)   แต่พอได้กลับบ้านครั้งนี้ก็ลองไปออกกำลังกายกับแม่ตอนตี ๕ ครึ่ง ที่สระพังทองดู.. มีคนมาออกกำลังกายเยอะมากไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้สูงอายุ วัยรุ่น หรือเด็ก การออกกำลังกายของกลุ่มต่างๆ เช่น โยคะ แอร์โรบิค ลีลาศ ออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ  เล่นกล้าม เป็นต้น  กลุ่มเหล่านี้เกิดเป็นสังคม เป็นกลุ่มตามความสนใจ ตามความชอบของตนเอง ก็สนุกสนานเฮฮาตามประสา คนบ้านนอก   จะว่าไปแล้วก็อาจจะเหมือนกับสวนลุมฯ เพียงแต่บรรยากาศความเป็นมิตรแตกต่างกัน.... แต่ก่อนดิฉันเคยคิดว่าดิฉันชอบออกกำลังกายตามศูนย์ฟิตเนสต่างๆ เพราะสะดวกที่สุดในสังคมกรุงเทพฯ ก็เลยติดกับการออกกำลังกายแบบนี้  เมื่อมาได้เห็นบรรยากาศในสวนสาธารณะทำให้ความคิดเปลี่ยนเพราะสวนสาธารณะมีวิวทิวทัศน์ มีคนให้พูดคุย มีความเป็นธรรมชาติตามบริบทของคน สกลฯ  ทำให้ความรู้สึกและความสดชื่นแตกต่างกันมาก...จะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าการออกกำลังกายที่สวนสาธารณะย่อมดีกว่าตามศูนย์ออกกำลังกายต่างๆ อยู่แล้ว.. แต่ส่วนใหญ่ก็แค่คิดแต่ไม่เคยสัมผัสจริงก็เลยไม่รู้สึกว่ามันดีกว่า.. มากแค่ไหน.......  เข้ากรุงเทพฯ คราวนี้ดิฉันคงต้องหาสวนสาธารณะใกล้ๆ ดีๆ สักแห่งแล้ว

URAImAN..

หมายเลขบันทึก: 121147เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2007 23:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สวัสดีค่ะ คุณไทสกล
  • บรรยากาศและวัฒนธรรมอิสาน มีดีไปแปดอย่างค่ะ ส้มตำ จะหาที่ไหน อร่อยเท่าอิสานเป็นไม่มีอีกแล้วค่ะ
  • การออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติก็ดีไม่แพ้กันค่ะ 
  • ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ 
  • สวัสดีจ้ะ   กลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วหรอ
  • ส้มตำปลาร้าที่สกลฯ เรายังไม่เคยไปลอง  แต่ที่เคยลองแล้วติดใจจนถึงขั้นซดน้ำจนเกลี้ยงคือที่ อุดรฯ  (แต่ใส่พริกเม็ดเดียวนะ)
  • สงสัยแทนที่จะให้อุมาชิมปาท่องโก๋ที่พิษณุโลกอย่างเดียว  เห็นทีเราต้องไปลองชิมส้มตำปลาร้า  ที่สกลฯ บ้างแล้ว 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท