ในการประชุมเพื่อพัฒนาคุณภาพระหว่างห้องฉุกเฉินกับห้องผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากถกเถียงกันครู่ใหญ่แล้วยังหาข้อสรุปไม่ได้ ต่างคนจึงต่างแยกย้ายกันไปเขียน CPG ของใครก็ของใคร
ที่เถียงกันหาข้อสรุปไม่ได้คือ เรื่องความดันโลหิต เท่าไรควรคัดกรองไปหน่วยไหน สุดท้ายสามารถตัดสินใจได้ระดับหนึ่งว่าประมาณเท่าไรให้ไป ER และประมาณเท่าไรให้ไป OPDแต่แน่นอนว่าต้องดูสัญญาณชีพอื่นๆประกอบด้วย
อันที่จริง CPG เป็นของดีมีไว้เพื่อระบบ QA แต่ปัญหาก็คือเรามี CPGไว้เพื่อกันงานที่ไม่ใช่ของตนออกไป แทนที่จะใช้เพื่อประกันความปลอดภัยให้แกผู้ป่วย บางครั้งก็คนของเรากันเองนี่แหละที่ใช้ CPGเพื่อบอกว่าผู้ป่วยไม่ควรอยู่ที่นี่แต่ควรไปอยู่ที่นั่น โดยลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย
แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ป่วยเป็นลมที่ OPD แต่เนื่องจากสัญญาณชีพไม่เข้าเกณฑ์ที่ ER กำหนด ผู้ป่วยรายนั้นจึงต้องนอนเปลอยู่ที่ OPD ต่อไป
นี่แหละคือตัวอย่างของช่องว่างคุณภาพ เรียกให้เพราะๆว่า " หลุมดำคุณภาพ" หลุมดำมีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดกระบวนการพัฒนาคุณภาพจำนวนมากแถวนั้นหายไปหมดสิ้น บริเวณนี้แหละที่เราควรเติมหัวใจลงไป
กรณีผู้ป่วยเป็นลมข้างต้น ในที่สุดแล้วคงมีเจ้าหน้าที่สักคนเดินผ่านมาแล้วตัดสินใจนำผู้ป่วยรายนั้นออกจากที่แออัดที่ OPD เพื่อไปหาที่สงบอากาศถ่ายเทดีนอนพักสักครู่ ทั้งที่เป็นการละเมิด CPG ของทุกหน่วย แต่เป็นการตัดสินใจด้วยใจ
บทความข้างต้นเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะเคยอ่านมาแล้ว แต่ถึงแม้ไม่เคยอ่านแต่อาจจะเจอกับที่ทำงานของตนมาแล้วบ้าง ถ้าเจ้าหน้าที่ทุกคนเติมหัวใจให้กับงานที่ทำเราก็ทำงานคุณภาพได้ง่ายขึ้น ย้ำว่าต้องทุกคน และที่สำคัญควรมีการสนับสนุนปัจจัยที่จำเป็น จากทุกฝ่าย ต้องให้มีทั้งคุณเอื้อ และคุณอำนวยในหน่วยงานของตนด้วย เท่านี้งานคุณภาพก็อยู่แค่เอื้อม
สวัสดีครับอาจารย์
ผมยังไม่เคยอ่านเรื่องเล่านี้ครับ
แต่เคยเจอประสบการณืจริงๆ แบบนี้บ่อยๆครับ
ขอบคุณอย่างยิ่งที่นำมาเล่า ครับ
ขอเอาบันทึกรวมในห้องสมุดผมนะครับ(เพลนเนท)
คงได้แลกเปลี่ยนกันเรื่อยๆนะครับ