เรื่องต้นมะขาม


คนที่ไม่เลือกงาน หรือดูถูกงานที่ตนทำอยู่นั้นเป็นงานที่ต่ำต้อย เมื่อพิจารณาเห็นว่างานนั้นเป็นสัมมาอาชีวะ ไม่ผิดศีลธรรมก็ควรตั้งใจทำอย่างไม่เกียจคร้าน ไม่เห็นแก่หลับนอน

 

                นานมาแล้ว  มีชาวจีน    คนชื่อ  เจ็ง  และ  เฮง  เป็นเพื่อนรักกันมากมีอาชีพในการรับซื้อขวดขายสมบัติของพวกเขาก็มีเพียงแค่ไม้คานคนละอันและกระบุงคนละลูกเท่านั้นทั้งสองอาศัยวัดแห่งหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัย  เมื่อขวดขายได้เงินมาคนละเท่าใดก็ตาม  ก็จะเอาเงินที่ขายได้นั้นมารวมกันแล้วนำไปฝากพระไว้โดยสัญญากันว่าหากยังได้เงินไม่ถึง  ๘๐  ชั่ง  จะไม่ซื้อเป็ดซื้อไก่กินเป็นอันขาด  ถ้าใครผิดสัญญาก็จะต้องเลิกคบและแยกทางเดินกัน

               

อยู่มาวันหนึ่ง  ชายจีนที่ชื่อเจ็ง  เกิดไปพบบ่อนพนันเข้า  จึงตัดสินใจไปลองเสี่ยวโชดดูเผอิญโชคเข้าข้างเขาจึงได้เงินจากการเล่นการพนันมากพอสมควร  เมื่อได้เงินแล้วเขาก็เอาไปซื้อเป็ดซื้อไก่มากิน  เพราะอยากจะกินมานานแล้ว  พอกินเสร็จก็เกิดนึกถึงเพื่อนอยากจะให้เพื่อนได้กินบ้าง  เขาจึงซื้อเป็ดและไก่อย่างละตัวมาฝากเพื่อน  พอตกตอนเย็นนายเฮงกลับมาถึง  เห็นเป็ดและไก่แขวนอยู่ในห้องก็รู้สึกแปลกใจ  จึงเอ่ยถามเพื่อนว่า

               

เฮง  นี่เจ็ง  แกรู้ไหมว่าเป็ดและไก่ของใครมาแขวนอยู่ในห้องของข้า

 เจ็ง  อ๋อ  ของข้าซื้อมาฝากแกเองแหละเฮง  ทำไม่แกถึงทำอย่างนี้  จำสัญญาของเราไม่ได้เสียแล้วหรือ?”เจ็ง  เฮ้ย  ไม่ลืมหรอกน่า  ข้ายังจำได้ดีเสมอเฮง  แล้วอย่างนั้น  แกซื้อเป็ดซื้อไก่มาให้ข้ากินทำไมเจ็ง  ก็ข้าอยากให้แกได้กิน  แล้วอีกอย่างหนึ่งเงินที่ข้าซื้อมันมานี่ก็ไม่ใช่เงินจากการขายขวดสักหน่อยมันเป็นเงินลาภลอย  ข้าไปรวยการพนันมาต่างหากเล่า                 นายเฮงได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจมาก  จึงตวาดว่า                เฮง  แกมันคนไม่มีสัจจะ  ไม่รักษาคำพูด  ข้าไม่อยากคบกับแกอีกต่อไปแล้ว  เราไปหาพระท่านขอแบ่งเงินกันดีกว่า  แล้วแกก็เอาเป็ดเอาไก่แกคืนไปด้วยข้าไม่ต้องการมันหรอก                 นับจากวันที่ทั้งสองคนได้แยกทางกันแล้ว  นายเฮงก็ตั้งหน้าตั้งตาขายขวด  ได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาไปฝากพระไว้หมด  จนในที่สุดด้วยความรอบคอบและมัธยัสถ์เขาก็ตั้งตัวได้และกลายเป็นเศรษฐ๊มีทรัพย์สมบัติมากมาย  ทางราชการก็ได้ให้บรรดาศักดิ์ขั้นพระยาแก่เขา  และเขาก็ได้สร้างกุศลด้วยการสร้างโรงทานไว้หน้าบ้านเพื่อบริจาคทานแก่คนยากคนจนโดยไม่เลือกหน้า

               

           ฝ่ายนายเจ็งนั้น  เมื่อแยกทางกับเพื่อนแล้วก็ประพฤติตนตามสบาย  อยากจะซื้อหรือขายขวดก็ซื้อขายวันไหนขี้เกียจก็นอนอยู่เฉย ๆ  อยากกินเป็ดกินไก่ก็ไปซื้อมากิน  เมื่อไม่ค่อยทำงานและชอบกินแต่ของแพง ๆ  เช่นนี้  เงินทองจึงไม่ค่อยพอใช้  ต้องไปขอหยิบยืมเพื่อนบ้านบ่อย ๆ  จนในที่สุดชาวบ้านก็เอือมระอาไม่ให้ยืมเงินเมื่อไม่มีเงินไปซื้อเป็ดซื้อไก่กินเรี่ยวแรงของนายเจ็งก็ถดถอยลงประกอบกับความเกียจคร้านด้วย  ในที่สุดก็ทำมาหากินไม่ไหว  และกลายเป็นคนขอทานในที่สุด

               

          วันหนึ่ง  เขาได้เร่ร่อนขอทานไปจนถึงโรงทานของท่านเจ้าคุณเพื่อนเขาซึ่งบังเอิญท่านเจ้าคุณออกมาให้ทานเอง  เห็นเพื่อนก็จำได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักพอให้ทานเสร็จจึงรีบเดินเข้าบ้านไปบอกลูกชายตามนายเจ็งไปพบ  แล้วซักถามว่า

                 เจ้าคุณ  ขอทานอย่างนี้ลำบากไหม?”                เจ็ง  ลำบากมากครับ  บางวันก็มีกิน  บางวันก็ไม่มีกิน  แต่ส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยมีกินครับ                เจ้าคุณ  ถ้าอย่างนั้นแกมาอยู่กับข้าไหม  ข้าจะเลี้ยงดูโดยไม่ต้องเที่ยวไปขอทานอีก                เจ็ง  เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับ                เจ้าคุณ  เอาละถ้าแกตกลงฉันก็จะปลูกกระต๊อบให้แกอยู่  จะอยู่ได้ไหม                เจ็ง  อยู่อย่างไรก็อยู่ได้ครับ                เจ้าคุณ  งั้นแกจงฟังนะ  สำหรับเรื่องอาหารการกิน  ข้าจะให้ข้าวสารแกไว้หุงกินเอง  ส่วนกับข้าวมีให้เพียงอย่างเดียวคือหัวปลาเค็มแห้งต้มกับใบมะขามโดยข้าจะมีใบมะขามให้แกรูด    ต้น  เป็นต้นเล็ก    ต้น  แล้วก็ต้นใหญ่อีก    ต้น  แกจะต้องรูดใบที่ต้นเล็กเสียก่อน  พอหมดแล้วมาบอกข้า  ข้าถึงจะอนุญาตให้รูดต้นใหญ่ส่วนข้าวสารกับหัวปลาเค็มถ้าหมดก็มาบอกได้ทันที  แกจะปฏิบัติตามนี้ได้ไหม?”                เจ็ง  ได้ขอรับ 

               

         นับจากวันนั้นเป็นต้นมา  นายเจ็งก็อาศัยอยู่ในกระต๊อบที่ท่านเจ้าคุณปลูกให้  หุงหาอาหารการกินตามคำสั่งของท่านเจ้าคุณ  ข้าวสารหมด  หัวปลาหมด  ใบมะขามต้นเล็กหมด  เขาก็ไปบอกท่านเจ้าคุณ  ท่านเจ้าคุณก็อนุญาตให้เขารูดใบมะขามจากต้นใหญ่ได้  ต่อมาในระยะหลัง    เขาจะบอกแต่เรื่องข้าวสารกับหัวปลาหมดแต่ไม่เคยบอกเรื่องใบมะขามหมดเลย  วันหนึ่งท่านเจ้าคุณจึงเรียกนายเจ็งไปถามว่า

                 เจ้าคุณ  นี่เจ็ง  เวลาข้าวสารหมด  หัวปลาหมด  แกมาบอกฉัน  แต่ทำไมเดี๋ยวนี้แกถึงไม่เคยมาบอกเรื่องใบมะขามหมดล่ะ                เจ็ง  มันไม่หมดครับ                เจ้าคุณ  ทำไม่ถึงเป็นอย่างนั้น  ทีแต่ก่อนทำไม่มันหมดได้เล่า                เจ็ง  คืออย่างนี้ครับ  แต่ก่อนผมรูดจากต้นเล็ก  วันสองวันก็หมด  แต่พอมารูดต้นที่ใหญ่ ๆ  ใบมันเยอะรูดแถบนี้หมดก็ไปรูดแถบโน้น  พอแถบโน้นหมด  แถบนี้ก็แตกใบอ่อนเก็บได้พอดี  วนเวียนกันอยู่อย่างนี้มันก็เลยไม่หมดสักทีครับ 

               

        เมื่อได้ฟังนายเจ็งอธิบายอย่างนี้  ท่านเจ้าคุณก็หัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วถามว่า                เจ้าคุณ  นี่นายเจ็ง  แกจำข้าได้ไหม                เจ็ง  จำไม่ได้ครับ                เจ้าคุณ  จำข้าไม่ได้จริง ๆ  หรือ?”                เจ็ง  ไม่ได้จริง ๆ  ครับ                เจ้าคุณ  ก็ข้านายเฮง  เพื่อนขายขวดของแกยังไงล่ะ  จำได้หรือยัง?”                นายเจ็งแหงนหน้าขึ้นดูท่านเจ้าคุณอีกครั้งหนึ่ง  แล้วก็ถึงกับน้ำตาร่วงก้มลงกราบที่เท้าของท่านเจ้าคุณ                นายเจ็ง  ผมจำใต้เท้าได้แล้วครับ 

               

            สำหรับข้า  มันก็เหมือนมะขามต้นใหญ่  รูดเท่าไหร่ ๆ  มันก็ไม่หมด  เพราะมันมีมากเมื่อยังมีเงินน้อย ๆ  ข้าไม่ใช้  รอให้มีมาก ๆ  ข้าจึงให้เขากู้  เงินส่วนที่ข้าเอามาใช้ก็เป็นส่วนดอกเบี้ยที่เขาจ่ายเท่านั้น  ส่วนเงินต้นทุนก็ยังคงอยู่  ข้าจึงใช้เท่าไร  กินเท่าไรก็ไม่หมดไงล่ะ

               

            เจ้าคุณพูดยังไม่ทันจบ  นายเจ็งก็เกิดความซาบซึ้ง  ร้องไห้ก้มลงกราบแทบเท้าท่านเจ้าคุณ  จนน้ำตาเปียกหลังเท้าท่านเจ้าคุณไปหมด  เห็นดังนั้น  ท่านเจ้าคุณจึงปลอบโยนและพานายเจ็งเข้าไปห้องพระ  บอกให้ไหว้พระแล้วพาไปชี้ให้ดูวัตถุอย่างหนึ่งที่เก็บไว้อย่างดีในตู้กระจก

               

           เจ้าคุณ  เอาละ  จำข้าได้ก็ดีแล้ว  แกไม่ต้องเสียใจอะไรหรอก  ยังไง ๆ  ข้าก็ไม่ทอดทิ้งแกแน่  แต่ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับแกในฐานะเพื่อนสักหน่อย  ความจริงน่ะข้าจำแกได้ตั้งแต่วันที่แกมาขอทานวันแรกแล้วแต่ข้าก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเสียอย่างนั้นแหละ  ข้าบอกให้ลูกชายของข้าเรียกแกเข้ามาหาแล้วก็ชวนแกอยู่ด้วยจะสอนให้แกได้รู้จักข้อคิดเกี่ยวกับความเป็นไปของแกกับข้า  การที่ข้าให้แกกินข้าวกับหัวปลาเค็มต้มใส่ใบมะขามก็เป็นวิธีที่จะบอกให้แกได้รู้ความจริง   การที่แกต้องตกระกำลำบากไปเป็นขอทานนั้น  ก็เพราะทำตัวเป็นคนตามใจปากอยากจะกินอะไรก็กิน  แต่ในเมื่อทุนรอนของแกมีน้อย  มันก็เหมือนมะขามต้นเล็กถ้ารีบไปรูดใบกินเสียก่อนมันก็หมด  เหมือนที่แกยังมีเงินยังไม่ถึง  ๘๐  ชั่ง  แต่ก็รับไปใช้จ่ายเสียก่อน  มันก็หมดกันเท่านั้นแล้วต่อไปจะเอาอะไรใช้

               

             เจ้าคุณ  แกดูไว้นะ  นี่แหละไม้คานที่ข้าใช้หาบขวดขาย  ช่วยให้ข้ามีเงินมีทองจนกระทั่งได้ดิบได้ดีอย่างที่เห็นทุกวันนี้  แม้ว่าเดี๋ยวนี้ข้าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันแล้วแต่ข้าก็ยังไม่ลืมบุญคุณของมัน  ข้าถึงได้เอามาลงรักปิดทองบูชาแล้วก็สอนให้ลูก ๆ  ของข้าบูชาด้วย  แล้วไม้คานของแกเอาไปไว้ที่ไหนเสียล่ะ

               

นายเจ็ง  ลืมแล้วครับ  ไม่ทราบว่าเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนตั้งแต่เมื่อไร

               

ท่านเจ้าคุณ  เอาล่ะ  ไม่เป็นไร  ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้แกจงเอาเรื่องใบมะขามเป็นครูข้าจะให้เงินทุนและไม้คานแก่แกไปตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน  ตั้งตัวใหม่แกจะทำได้ไหม  

               

 นายเจ็ง  ทำได้ครับ  ผมจะไม่ลืมพระคุณของใต้เท้าเลย  ลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่ผมจะมากราบเท้าใต้เท้าเป็นคนแรกเลยครับ

               

หลังจากนั้น  นายเจ็งก็กลับเนื้อกลับตัว  เพียรพยายามสร้างฐานะ  จนในที่สุดก็ได้เป็นเศรษฐีในเวลาต่อมา 

               

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  คนที่ไม่เลือกงาน  หรือดูถูกงานที่ตนทำอยู่นั้นเป็นงานที่ต่ำต้อย  เมื่อพิจารณาเห็นว่างานนั้นเป็นสัมมาอาชีวะ  ไม่ผิดศีลธรรมก็ควรตั้งใจทำอย่างไม่เกียจคร้าน  ไม่เห็นแก่หลับนอน  อย่างคนโบราณท่านสอนไว้ว่า                                 ทรัพย์นั้นอยู่ใกล้                  หาได้บ่  นาน                                แม้นใครขี้คร้าน                   บ่  พานพบเลย พุทธภาษิตประกอบเรื่อง อุฏฐาตา  วินฺทเต  ธนํคนหมั่น  ย่อมหาทรัพย์ได้ 
หมายเลขบันทึก: 119912เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2007 08:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 09:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท